การที่ลือกันว่าเงินง้างได้ทุกสิ่งนั้น นอกจากจะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าถึงผลลัพธ์ของการทุจริตแล้ว ยังส่งผลต่อการสร้างวัฒนธรรมการทุจริตในสังคมกันอย่างถึงรากลึก เพราะจะยิ่งทำให้ผู้คนยิ่งเร่งขวนขวายหาเงินและอำนาจ (โดยไม่เลือกวิธีใช้) เพราะเงินใช้อำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดี
กรณีข่าวดังที่เกิดขึ้นกับคนที่มีฐานะดีแล้วได้รับการผ่อนหนักเป็นเบา หรือรอดเงื้อมมือกฎหมายไปได้ มีให้เห็นอยู่เนือง ๆ จนกลายเป็นความชาชินไป เช่น
1. อาจารย์มหาวิทยาลัยดังใช้ไม้ตีภริยาเสียชีวิต
2. พระเอกดังเมาขับชนแท็กซี่จนมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
3. นักร้องสาวสุดดังขับรถชนคนตาย แล้วหนีไป ก่อนออกมามอบตัวภายหลัง
4. นักศึกษาไฮโซใช้ก้อนหินทุบใบหน้าคนขับรถเมล์และขับรถพุ่งชนผู้บนทางเท้า มีผู้เสียชีวิต 1 รายแล้วอ้างว่าวิกลจริต
5. พระเอกดังอีกคน ขับรถชนหญิงที่มีอาชีพรับซื้อของเก่าริมถนนเสียชีวิต
6. พิธีกรดังที่ยังเป็นทั้งดาราและดีเจ ขับรถที่ตกแต่งเลียนแบบรถตำรวจ ชนแล้วหนี สุดท้ายค้นในรถพบอาวุธและของผิดกฎหมายหลายรายการ
7. นักศึกษาสาวนามสกุลดังขับรถพุ่งชนรถตู้บนทางด่วน มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
8. นักศึกษาหนุ่มทายาทเศรษฐีขับรถสปอร์ตชนหญิงจนร่างขาด 2 ท่อน
9. ลูกชายนักธุรกิจหมื่นล้านขับชนตำรวจเสียชีวิตคาที่ ผ่านไป 1 วัน มีคนออกมารับสารภาพแทน
ในกรณีเหล่านี้ โทษที่พวกเขาได้รับอาจน้อยจนดู “ขัดสายตา” ของประชาชน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเป็นอาชญากรจริงๆ บางทีสังคมก็อาจควรเข้าใจพวกเขาบ้าง ไหนๆ ผู้เสียหายก็ตายไปไม่อาจฟื้นคืนได้แล้ว! นอกจากกรณีข้างต้นแล้ว ยังอาจมีคนใหญ่คนโตคนมีเงินอีกมากมายที่ยังลอยนวลกันอยู่ บางรายหนีคดีนับสิบปี พอถูกจับได้ก็ยังได้รับการอะลุ่มอล่วยเป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นชาวบ้านทั่วไปที่ไม่มีเงิน ก็คงประสบความลำบากมาก ประชาชนทั่วไปคงยากที่จะได้รับโอกาสเยี่ยงนี้ บางคนอาจเสียเวลาไปครึ่งค่อนชีวิตในคุก เสียคนในคุก ออกจากคุกมาก็ได้แต่ใช้ชีวิตที่เหลือไปวัน ๆ บางคนก็ยังต้องตายคาคุกแม้ป่วยไข้ แม้แต่ข้าราชการบางคนก็ยังถูกกลั่นแกล้งกระทั่งออกจากราชการก็ยังมี บางคนหาทางออกจากความอยุติธรรมไม่ได้ สุดท้ายต้องปลิดชีพตัวเอง เป็นต้น
กรณีการผ่อนหนักเป็นเบาของคนมีเงิน มีฐานะในสังคมเหล่านี้ทำให้ประชาชนเข้าใจไปว่าเงินง้างได้ทุกอย่าง และทำให้ทุกคนต้องเร่งหาเงินโดยไม่เลือกวิธีที่ใช้เพื่อนำมาเป็นหลักประกันว่าหากเกิดอะไรขึ้นกับตน จะได้นำมาเป็นทรัพยากรผ่อนหนักเป็นเบาหรือรอดพ้นเงื้อมมือของกฎหมายไปเลย นี่จึงเป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมการทุจริตที่ทับถมยิ่งขึ้น
ดังนั้นหากสังคมมุ่งหวังจะขจัดการทุจริตให้สิ้น ทางราชการทุกภาคส่วนต้องแสดงให้ประชาชนเห็นถึงการสร้างความยุติธรรมให้เกิดขึ้นจริงในสังคม เพื่อที่ประชาชนจะสามารถวางใจในกระบวนการยุติธรรมทุกระดับได้ และไม่ต้องไปติดสินบน ทำให้สังคมมั่นใจได้ว่าทุกคนในสังคมมีความเท่าเทียมกันในทางกฎหมาย ไม่ว่าคนๆ นั้นจะเป็นคนจนหรือคนรวยก็ตาม
เมืองไทยเราเจริญไม่ได้มาก ไม่ใช่เพราะคุณภาพคนไม่ดี แต่เป็นเพราะมีพวกนายทุน ขุนศึก ศักดินาที่ใหญ่คับฟ้า คนดีมีความสามารถอยู่ยาก ข้าราชการจะเจริญก้าวหน้าได้ต่างต้องขึ้นอยู่กับ “ดวง” ซึ่งไม่ใช่แปลว่าดวงดีหรือไม่ดี แต่เป็นคำย่อมาจาก “ด.เด็กใคร ว.วิ่งหรือไม่ และ ง.เงินถึงหรือไม่” นั่นเอง ที่เรียกร้องกันให้สุจริต ไม่ทุจริตกันจึงเป็นเพียงแค่การเล่น “ปาหี่” ตราบที่ในสังคมยังมีอภิสิทธิชนใหญ่คับฟ้าอยู่เช่นนี้
ดังนั้นการสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่าทุกคนเท่าเทียมกันตามกฎหมาย จึงเป็นหนทางที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการทุจริต และทำให้ทุกคนตระหนักถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่อยู่อย่างแบ่งชั้นวรรณะเช่นทุกวันนี้
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)