Skip to main content
sharethis

อัยการฝ่ายคดีอาญาเป็นโจทก์ ฟ้องเพิ่ม 19 พันธมิตรฯ หลังร่วมกันปิดล้อมสนามบิน เมื่อปี 2551 

(4 เม.ย.56) ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่า ที่ศาลอาญา เมื่อเวลา 10.00 น. อัยการฝ่ายคดีอาญา 9 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยในคดีร่วมกับแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปิดล้อมสนามบินดอนเมือง และสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 เพิ่มอีก จำนวน 19 คน ประกอบด้วย ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายสมบูรณ์ สุพรรณฝ่าย นางแจ่มศรี สุกโชติรัตน์ นายวสันต์ วานิชย์ นายมนตรี ชูชื่น นายมนตรา ชูชื่น นายแมน ฤทธิคุปต์ นายสุนทร รักรงค์ นางสมพร วงค์ป้อ น.ส.ณัฐชา เพชรมั่นคงเจริญ นายยศ เหล่าอัน นางนุภารัก วงษ์เอก นายศักดิ์สิทธิ์ เชื้อกลาง นายระพินทร์ พุฒิชาติ นายแสงธรรมดา กิติเสถียรพร นายพงศธร ผลพยุง น.ส.เสน่ห์ หงส์ทอง และนายพินิจ สิทธโห ในความผิด ฐานร่วมกันก่อการร้ายเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายหรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

โดยอัยการฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ย.2551 จำเลยกับพวกรวม 114 คน ที่บางส่วนฟ้องไปแล้ว รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตพื้นที่ดอนเมือง ลาดกระบัง และ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ โดยให้ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น.(ขณะนั้น) เป็นผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยได้ออกประกาศวันที่ 29 พ.ย.2551 ห้ามมิให้มีการชุมนุมมั่วสุมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป บริเวณเขตดอนเมืองและพื้นที่อื่นๆ และห้ามใช้เส้นทางคมนาคมบริเวณพื้นที่ชุมนุมทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว (ดอนเมือง) ห้ามใช้อาคาร ห้ามใช้พื้นที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และให้ประชาชนที่ชุมนุมบริเวณท่าอากาศยานดอนเมืองออกจากพื้นที่ทันที

แต่จำเลยกับพวกขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานและต่อสู้ขัดขวางการบิน การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ โดยใช้กำลัง ทั้งนี้แนวร่วมพันธมิตรฯ อีกพวกหนึ่งยังได้บุกเข้าไปในสถานที่ทำการติดตั้งเสาเรดาร์ของ บ.วิทยุการบินฯ แล้วเอาจานรับสัญญาณโทรทัศน์ของผู้ชุมนุมไปติดตั้งไว้ใกล้ๆ ทำให้สัญญาณเรดาร์ใช้การไม่ได้ การบินหยุดชะงัก และยังขู่เข็ญห้ามไม่ให้เครื่องบินขึ้น-ลงสนามบินดอนเมือง และพวกจำเลยได้ทำร้าย ขู่เข็ญเจ้าพนักงานหลายครั้ง ซึ่งเป็นความผิดต่างกรรม ต่างวาระ มีอัตราโทษสูง อันเป็นความผิดตามกฎหมาย จึงขอให้ศาลลงโทษจำเลยฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพี่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนจนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

ศาลได้ประทับรับฟ้องไว้เป็นคดีดำ อ.1279./2556 และนัดสอบคำให้การจำเลยวันที่ 29 เม.ย. เวลา 09.00 น.

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net