ชุมนุมยื่นหนังสือผู้แทนอียู อย่าผิดสัญญาเดินหน้าเอฟทีเอกระทบสาธารณสุขไทย

 

 

9 เม.ย. เวลาประมาณ 9.00 น. กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอวอทช์/FTA Watch) ร่วมกับเครือข่ายประชาชนต่างๆ นับร้อยคน รวมตัวกันหน้าสำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ณ อาคารเคี่ยนหงวน ถนนวิทยุ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องให้สหภาพยุโรป ยึดมั่นสัญญาที่จะพัฒนาการสาธารณสุขในประเทศกำลังพัฒนา และเคารพมติของสภายุโรปในอันที่จะคุ้มครองการเข้าถึงยาให้มากกว่าทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวดจนเกินเหตุ

นายอภิวัฒน์ กวางแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย กล่าวว่า "สหภาพยุโรปได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีที่ผ่านมา ซึ่งหมายความว่าต้องสร้างสันติภาพในโลก แต่สิ่งที่สหภาพยุโรปกำลังทำคือ ผลักดันข้อบังคับแบบทริปส์ผนวก (TRIPS+) เพื่อขยายขอบเขตการคุ้มครองนักลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้การผูกขาดยายาวนานขึ้น ยาแพงขึ้น คนจะเข้าถึงยาได้น้อยลง เครือข่ายภาคประชาชนรับไม่ได้กับการตีสองหน้าของสหภาพยุโรปเช่นนี้ ถือเป็นการหน้าไหว้หลังหลอก" 

"เราสงสัยว่าสหภาพยุโรปได้รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพมาได้อย่างไร ทั้งที่กำลังทำสิ่งที่ชั่วร้าย คร่าชีวิตคนในประเทศกำลังพัฒนา ผ่านข้อตกลงการค้าเสรี" นายอภิวัฒน์กล่าว

ขณะที่ นายจักรชัย โฉมทองดี รองผู้ประสานงานกลุ่มศึกษาข้อตกลงการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอวอทช์) กล่าวว่า "เราเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรป สังวรถึงความจำเป็นเรื่องการเข้าถึงยาในการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) และหยุดกดดันประเทศกำลังพัฒนาให้ยอมรับข้อตกลงแบบทริปส์ผนวก รวมถึงบทว่าด้วยการคุ้มครองการลงทุนที่เป็นภัยทำให้รัฐบาลไม่สามารถใช้นโยบายสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์กับประชาชนได้"

"ปีที่แล้ว สภายุโรปมีมติไม่รับข้อตกลงว่าด้วยสินค้าปลอมแปลง (ACTA) แต่เรากังวลว่ามาตรการต่างๆ ที่คล้ายคลึงกับมาตรการชายแดน และการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาที่ระบุไว้ใน ACTA อาจถูกรวมอยู่ในเอฟทีเอซึ่งสหภาพยุโรปกำลังเจรจาอยู่กับประเทศไทยและอินเดีย เพราะจะทำลายการผลิตและการเข้าถึงยาชื่อสามัญทั่วโลก" รองผู้ประสานงานเอฟทีเอ วอทช์กล่าว

ข้อมูลจากเอฟทีเอวอทช์ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของสัปดาห์รณรงค์เรื่องเอฟทีเอของสหภาพยุโรป (EU-FTAs) ทั่วโลก ซึ่งภาคประชาสังคมทั้งในยุโรปและประเทศกำลังพัฒนานัดแนะกันจัดขึ้น เนื่องในวาระที่อินเดียจะมีการเจรจาเอฟทีเอระหว่างสหภาพยุโรปและอินเดียรอบสุดท้าย ขณะที่การเจรจาเอฟทีเอระหว่างสหภาพยุโรปกับประเทศไทยกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกอีกไม่ถึง 1 เดือนข้างหน้า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้สหภาพยุโรป หยุดทำข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศกำลังพัฒนาด้วยการกดดันเงื่อนไขที่ไม่เป็นธรรม

ระหว่างการชุมนุม เครือข่ายประชาชนได้รับการประสานงานว่าวันนี้เป็นวันหยุดของสำนักงานคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย อย่างไรก็ตาม พบว่ายังมีเจ้าหน้าที่ทำงานอยู่ตามปกติและมีการประสานงานเป็นระยะ แต่เอกอัครราชทูตยุโรปประจำประเทศไทยไม่ได้ออกมารับข้อเรียกร้องจากภาคประชาชนแต่อย่างใด เครือข่ายประชาชนจึงได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องต่อการเจรจาเอฟทีเอระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทย ผ่านเจ้าหน้าที่ตำรวจไปยัง นายมาร์ติน ชัลซ์ ประธานรัฐสภายุโรป และ นายโจเซ่ มานูเอว บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และกลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินทางกลับในเวลาประมาณ 12.00 น.

 

 

9 เมษายน 2556

 

ถึง         นายมาร์ติน ชัลซ์ ประธานรัฐสภายุโรป

            นายโจเซ่ มานูเอว บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป

 

ประชาคมโลกที่ทำงานเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยาในราคาที่เป็นธรรมรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เมื่อทราบข่าวการเริ่มเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างสหภาพยุโรปและประเทศไทยที่เป็นทางการ ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีของไทยเยือนกรุงบรัสเซลส์เมื่อวันที่ 4-8 มีนาคม  องค์กรภาคประชาสังคมกังวลอย่างยิ่งว่าข้อผูกพันด้านทรัพย์สินทางปัญญา ที่เกินกว่ากฎเกณฑ์ด้านทรัพย์สินทางปัญญาขององค์การการค้าโลก (หรือที่รู้จักในชื่อ “ข้อผูกพันแบบทริปส์ผนวก”) ถูกกำหนดอยู่ในเนื้อหาการเจรจาและจะมีผลกระทบเสียหายต่อการเข้าถึงยาจำเป็น

 

เนื้อหาการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่ผ่านมา ระหว่างสหภาพยุโรปกับเกาหลีใต้ กลุ่มประเทศอาเซียน และอินเดีย ล้วนแต่เต็มไปด้วยข้อผูกพันด้านทรัพย์สินทางปัญญาแบบทริปส์ผนวกทั้งสิ้น  สิ่งนี้ชี้ให้เห็นได้ว่า สหภาพยุโรปกำลังพยายามเสนอให้มีข้อผูกพันด้านทรัพย์สินทางปัญญาในลักษณะเดียวกันไว้ในการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี ที่สหภาพยุโรปจะเจรจากับประเทศไทย  นอกจากนี้ มาตรการคุ้มครองการลงทุนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่น่าวิตกกังวล โดยเฉพาะกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างนักลงทุนกับรัฐ ที่ระบุอยู่ในบทว่าด้วยการลงทุนของข้อตกลงเขตการค้าเสรี  ด้วยมาตรการนี้ บริษัทต่างชาติจะสามารถฟ้องดำเนินคดีกับรัฐได้ ถ้ารัฐมีนโยบายหรือบัญญัติกฎหมายที่ทำให้ผลกำไรจากการลงทุนของบริษัทต่างชาตินั้นกระทบกระเทือน  มาตรการเช่นี้จะทำให้ประเทศไม่สามารถบัญญัติกฎหมายหรือมีนโยบายแห่งชาติเพื่อคุ้มครองการสาธารณสุขได้

 

ข้อผูกพันเช่นนี้เป็นภัยคุกคามต่อการเข้าถึงยาจำเป็นของผู้ป่วยในประเทศกำลังพัฒนา และกีดกันไม่ใช้รัฐบาลสามารถมีนโยบายเพื่อประโยชน์ของสาธารณะชน  ข้อผูกพันแบบทริปส์ผนวกที่เข้มงวดจะทำลายอุตสาหกรรมยาชื่อสามัญ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดการแข่งขันและยามีราคาถูกลง และทำให้ประชาชนเข้าถึงยาจำเป็นได้อย่างทั่วถึงในระยะยาว  ยิ่งไปกว่านั้น ข้อผูกพันด้านทรัพย์สินทางปัญญาและการคุ้มครองการลงทุนยังจะขัดขวางไม่ให้นำมาตรการยึดหยุ่นในข้อตกลงทริปส์มาใช้ เพื่อให้รัฐบาลสามารถที่จะจัดหายาต่างๆ ให้กับประชาชนได้  ข้อผูกพันแบบทริปส์ผนวกที่สหภาพยุโรปเรียกร้องให้มีในข้อตกลงเขตการค้าเสรีและผลกระทบมีรายละเอียดตามเอกสารแนบ

 

การที่สหภาพยุโรปเรียกร้องให้มีข้อบังคับแบบทริปส์ผนวก สหภาพยุโรปกำลังกระทำการที่ขัดแย้งกับคำสัญญาที่ให้ไว้ในปฏิญญาโดฮาว่าด้วยข้อตกลงทริปส์และสาธารณสุข ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่องการสาธารณสุขมากกว่าสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา และยังสนับสนุนให้สมาชิกขององค์การการค้าโลกนำมาตรการยึดหยุ่นในข้อตกลงทริปส์มาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อคุ้มครองการสาธารณสุขและส่งเสริมการเข้าถึงยาของประเทศกำลังพัฒนา

 

มติของรัฐสภายุโรปว่าด้วยข้อตกลงทริปส์และการเข้าถึงยา (เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 2007) เรียกร้องให้สหภาพยุโรป

  • สนับสนุนให้ประเทศกำลังพัฒนานำมาตรการยึดหยุ่นทริปส์มาใช้อย่างเต็มที่ ตามเจตนารมณ์ของปฏิญญาโดฮาเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงยาที่ทั่วถึง (เช่น การใช้มาตรการใช้สิทธิตามสิทธิบัตร หรือซีแอล)
  • รักษาคำสัญญาที่ให้ไว้ในปฏิญญาโดฮาและกำกับอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมาธิการยุโรปไม่ให้เจรจาเรียกร้องให้มีข้อผูกพันแบบทริปส์ผนวกที่เกี่ยวกับยาและเวชภัณฑ์ (เช่น การผูกขาดข้อมูลทางยา การขยายการคุ้มครองสิทธิบัตร และการจำกัดเหตุผลในการนำมาตรการใช้สิทธิตามสิทธิบัตรมาใช้) อยู่ในกรอบการเจรจาข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (EPA) กับประเทศในคาบสมุทรแปซิฟิค คาริเบีย และอัฟริกา รวมถึงข้อตกลงทวิภาคีและภูมิภาคต่างๆ ที่จะเจรจากับประเทศกำลังพัฒนาในอนาคต

 

ถึงแม้ว่ารัฐสภายุโรปได้ลงคะแนนเสียงไม่รับข้อตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าปลอมแปลง (ACTA) ไปเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 2012  เรากังวลว่ามาตรการต่างๆ ที่คล้ายคลึงกับมาตรการชายแดนและการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ที่ระบุอยู่ในข้อตกลง ACTA จะรวมอยู่ในข้อตกลงเขตการค้าเสรีที่สหภาพยุโรปกำลังเจรจาอยู่กับไทยและอินเดีย ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวจะทำลายการผลิตและการค้ายาชื่อสามัญทั่วโลก

 

เราเรียกร้องให้สหภาพยุโรปอย่าผิดคำสัญญาที่จะพัฒนาการสาธารณสุขในประเทศกำลังพัฒนา และเคารพมติของรัฐสภายุโรปในอันที่จะคุ้มครองการเข้าถึงยาให้มากกว่าทรัพย์สินทางปัญญาที่เข้มงวดจนเกินเหตุ  ผู้ป่วยในประเทศกำลังพัฒนาควรเข้าถึงยาจำเป็นในราคาที่ย่อมเยาว์  รัฐบาลประเทศเหล่านั้นควรสามารถนำมาตรการคุ้มครองสาธารณสุขมาใช้และมีนโยบายเพื่อการสาธาณสุขได้  ในการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี องค์กรระหว่างประเทศ เช่น UNDP, UNAIDS, WHO, UNITAID หรือ กองทุนโลกฯ ได้มีข้อแนะนำเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาและการสาธารณสุข  ประเทศต่างๆ ควรนำข้อแนะนำเหล่านั้นมาพิจารณาและปฏิบัติตามอย่างจริงจัง

 

เราในฐานะองค์กรภาคประชาสังคมในประเทศไทย ดังรายชื่อที่ลงนามในจดหมายฉบับนี้ ขอแสดงความสมัครสมานเป็นหนึ่งร่วมกับองค์กรภาคประชาสังคมในยุโรปและประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปสังวรถึงความจำเป็นเรื่องการเข้าถึงยาในการเจรจาข้อตกลงเขตการค้าเสรี และหยุดกดดันประเทศกำลังพัฒนาให้ยอมรับข้อผูกพันแบบทริปส์ผนวก รวมถึงบทว่าด้วยการคุ้มครองการลงทุนที่เป็นภัยและทำให้ให้รัฐบาลต่างๆ ไม่สามารถมีหรือนำนโยบายเพื่อสาธาณสุขมาใช้

 

เราหวังว่าสหภาพยุโรปจะได้ยินและรับฟังข้อกังวลที่กล่าวมาทั้งหมด  เรายินดีเสมอที่จะร่วมหารือในประเด็นเหล่านี้ต่อไป หากมีความประสงค์

 

 

ขอแสดงความนับถือ

 

 

ผศ. ภญ. สำลี ใจดี

ประธาน

กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้เสรีภาคประชาชน

 

เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ ประเทศไทย, เครือข่ายองค์กรงดเหล้า, เครือข่ายเกษตรกรรมทางเลือก, สมัชชาคนจน, เครือข่ายสลัม ๔ ภาค, ชมรมเพื่อนโรคไต, เครือข่ายเพื่อนมะเร็ง, คณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์, มูลนิธิเข้าถึงเอดส์, มูลนิธิศูนย์คุ้มครองสิทธิด้านเอดส์, มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค, มูลนิธิเภสัชชนบท, ชมรมเภสัชชนบท, กลุ่มศึกษาปัญหายา, มูลนิธิชีววิถี, มูลนิธิบูรณะนิเวศ, มูลนิธิสุขภาพไทย, กลุ่มเพื่อนแรงงาน, เครือข่ายรณรงค์ป้องกันภัยแอลกอฮอล์, เครือข่ายชุมชนผู้ได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์, เครือข่ายชุมชนเฝ้าระวังภัยแอลกอฮอล์ กทม., เครือข่ายเยาวชนป้องกันนักดื่มหน้าใหม่, เครือข่ายคนทำงานด้านการลดอันตรายจากการใช้สารเสพติด (12D), โครงการศึกษาและปฏิบัติการงานพัฒนา, ศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ, เครือข่ายพันธมิตรเพื่อการควบคุมยาสูบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATCA), และโครงการศึกษาและปฏิบัติการงานพัฒนา

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท