Skip to main content
sharethis

ทางการตะวันตกกำลังพิจารณากรณีที่รัฐบาลซีเรียต้องสงสัยว่าใช้อาวุธเคมีอย่างแก๊สซารีนกับฝ่ายต่อต้านรัฐบาล หลังจากมีวีดิโออ้างว่าเป็นภาพผู้ถูกสังหารด้วยอาวุธเคมี ขณะที่นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์หลักฐานกล่าวว่าสารที่ใช้ไม่น่าจะเป็นแก๊สซารีน โดยหลักฐานยังไม่เพียงพอและยังไม่น่าเชื่อถือพอจะระบุมีการใช้อาวุธเคมีจริง

27 เม.ย. 2013 - สำนักข่าว The Independent ของอังกฤษ รายงานกรณีที่ฝ่ายรัฐบาลของซีเรีย ต้องสงสัยว่ามีการใช้อาวุธเคมีในการสู้รบกับกลุ่มกบฏ ตามคำกล่าวอ้างของประเทศตะวันตก ทางด้านรัฐบาลซีเรียออกมาปฏิเสธในเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ชัค ฮาเกล รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ ได้กล่าวต่อสาธารณชนว่ามีการใช้แก๊สซารีนในการสู้รบภายในของซีเรียโดยเชื่อว่ามาจากฝ่ายรัฐบาล ทางด้านโอมราน อัล-เซาบี รัฐมนตรีด้านข้อมูลข่าวสารของซีเรียกล่าวให้สัมภาษณ์กับโทรทัศน์ของรัสเซียกล่าวว่าสิ่งที่ทางการสหรัฐฯ และอังกฤษอ้าง ไม่มีมูลความจริง และเป็นยุทธวิธีในการกดดันซีเรียทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง

ขณะเดียวกันก็มีวีดิโอที่เผยแพร่ในยูทูบเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าเป็นวีดิโอที่แสดงภาพคนที่ถูกอาวุธเคมีโจมตีในเมืองอเลปโป เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองตั้งอยู่ทางตอนเหนือของซีเรียและเคยมีการสู้รบอย่างหนักในสงครามกลางเมือง ในวีดิโอมีภาพของคนที่น้ำลายฟูมปาก อีกคนหนึ่งมีรอยคล้ำบนใบหน้าและฝีปากซีด

บารัค โอบาม่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงกรณีนี้เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมาบอกว่า การที่รัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีกับประชาชนถือเป็นการ 'ล้ำเส้น' ทำให้สหรัฐฯ ต้องประเมินท่าทีต่อกรณีความขัดแย้งในซีเรียใหม่ โดยหลายเดือนก่อนหน้านี้โอบาม่าเคยเตือนเรื่องการใช้อาวุธเคมีและการส่งอาวุธเคมีให้กับผู้ก่อการร้ายว่าเป็นการข้ามเส้นขีดอันตราย และจะทำให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมหาศาล

ในวันเดียวกัน เดวิด คาเมรอน นายกรัฐมนตรีอังกฤษกล่าวว่า การใช้อาวุธเคมีในซีเรียถือเป็น "อาชญากรรมสงคราม" แต่ก็บอกว่าเขายังต้องการหลักฐานมากกว่านี้ และยังไม่มีต้องการแทรกแซงทางการทหาร

The Independent เปิดเผยว่าสภานการณ์การรบภาคพื้นดินในสงครามกลางเมืองซีเรียระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายต่อต้านในตอนนี้อยู่ในสภาวะคุมเชิงกัน มีความแตกแยกในกลุ่มฝ่ายค้าน และความรู้สึกกังวลว่ากลุ่มสุดโต่งในหมู่นักรบฝ่ายกบฏเริ่มขึ้นมามีอำนาจนำ ทำให้มีการผลักดันหาข้อยุติในเชิงสันติกันอีกครั้ง

อยางไรก็ตาม ทางการอิสราเอลอ้างว่ารัฐบาลซีเรียมีการใช้อาวุธเคมีเป็นแก็สซารีน ซึ่งมีพิษต่อระบบประสาท และกดดันจอห์น เคอร์รี่ รมต.ต่างประเทศ ของสหรัฐฯ ว่าซีเรียได้ข้ามเส้นเช่นที่ปะน.โอบาม่าเคยกล่าวไว้แล้ว และจากการร่วมกดดันของผู้สนับสนุนกลุ่มฝ่ายค้านในซีเรีย ทางทำเนียบขาวก็ได้ออกจดหมายแก้สมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯ บอกว่าหน่วยข่าวกรองมีความเชื่อมั่นในหลายระดับว่ามีการใช้อาวุธเคมีกับฝ่ายกบฏจริงในซีเรีย

อย่างไรก็ตาม The Independent รายงานว่าข้อมูลทั้งจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลตะวันตก เจ้าหน้าที่รัฐบาลตะวันออกกลาง และสมาชิกฝ่ายต่อต้านของซีเรีย ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดในเรื่องการใช้อาวุธเคมี เนื่องจากข้อมูลตัวอย่างต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเลือด, เส้นผม, เศษดิน รวมถึงภาพถ่ายและวีดิโอ ไม่ได้ถูกเก็บกลุ่มตัวอย่างโดยกลุ่มสืบสวนอิสระจากตะวันตกที่อยู่ในซีเรีย แต่กลุ่มกบฏและฝ่ายข่าวกรองของตุรกีเป็นคนนำมาให้ ซึ่งบางภาพอาจมีการทำปลอมขึ้น โดยผู้ทำการทดสอบคือหน่วยวิจัยทางการทหารของอังกฤษ และห้องทดลองเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

ดร. แซลลี่ ลีเวสลีย์ นักวิเคราะห์ทางเคมีและชีวภาพ อดีตผู้ให้คำปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ในกระทรวงกลางโหมของอังกฤษกล่าวไปในอีกทางหนึ่งว่า หากมีการใช้แก๊สซารีนจริงจะต้องมีคนตายจำนวนมากและมีอยู่ไม่กี่คนที่รอดชีวิต และจากอาการที่ได้ยินมาน่าจะเป็นสารสร้างระคายเคือง (harassing agent) มากกว่าสารทำลายประสาท (nerve agent)

"ภาพล่าสุดเผยให้เห็นคนที่ผิดปกติทางตา ซึ่งอาการน่าเป็นห่วง แต่ไม่ได้หมายความว่ามีอาวุธเคมีหรือแก๊สซารีนมาเกี่ยวข้อง ภาพถ่ายที่เห้นก่อนหน้านี้ก็ดูแปลก มีคนที่อยู่ในชุดหน้ากากและถุงมือซึ่งน่าจะเป็นหมดจับต้องตัวเหยื่อ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น อาการที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากสารอื่นอย่างเช่น คลอรีน" แซลลี่กล่าว

อย่างไรก็ตามแซลลี่บอกว่าแม้จะมีการทำปลอมขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่ทำขึ้นเป็นคนเลวแต่เป็นเพราะพวกเขาหมดหวังจะหาหนทางอื่นแล้ว ขณะที่ ดร.ราล์ฟ แทรปป์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพร่กระจายของสารเคมีก็กล่าวว่าถ้ามองในเชิงการทหารแล้วไม่มีเหตุผลที่รัฐบาลซีเรียจำเป็นต้องใช้อาวุธเคมี

แก็สซารีน เป็นแก็สพิษที่เข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจ และบางส่วนก็ผ่านทางผิวหนัง มีฤทธิ์เข้าไปขัดขวางการส่งสัญญาณประสาทไปสู่กล้ามเนื้อ ผู้รับพิษจะมีอาการน้ำลายฟูมปากและจมูก หายใจลำบาก ไม่สามารถควบคุมระบบขับถ่ายได้ ผู้รับพิษจะเกิดอาการภายในไม่กี่นาทีและมักจะเสียชีวิตภายใน 10 นาที

เรียบเรียงจาก

Has Assad crossed ‘red line’? Graphic video footage emerges claiming to show victims of nerve gas attack in Syria, but doubts cast on evidence of use of chemical weapons, The Independent, 27-04-2013
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net