Skip to main content
sharethis

 

เมื่อวันที่  1 พ.ค.56 กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ซึ่งเป็นกลุ่มชาวบ้านคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตช ที่กำลังยื่นคำขอประทานบัตรทำเหมืองใต้ดิน โดยบริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้จัดประชุมใหญ่สมาชิกประจำปี พ.ศ.2556 ที่ศาลาวัดอรุณธรรมรังษี บ้านโนนสมบูรณ์ ต.ห้วยสามพาด อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี โดยมีแกนนำพร้อมด้วยสมาชิกจำนวนกว่า 20 หมู่บ้าน จาก 4 ตำบล ได้แก่ ต.ห้วยสามพาด, ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม ต.หนองไผ่ และต.โนนสูง อ.เมือง เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ประมาณ 300 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศของการประชุมว่า กลุ่มชาวบ้านได้ทยอยมารวมตัวกันก่อนเวลาตามกำหนดการประชุมจะเริ่ม พอได้เวลาแกนนำจึงประกาศให้สมาชิกรวมกันตามที่นัดหมาย ซึ่งส่งผลให้บริเวณบนศาลาวัดแน่นขนัดไปด้วยจำนวนผู้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ โดยในเวทีได้มีการฉายวีดีทัศน์ประมวลเหตุการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่มอนุรักษ์อุดรฯ ในช่วง 12 ปีที่ผ่านมา

หลังจากนั้น ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี ก็เริ่มปราศรัยถึงแนวทางและการจัดระบบภายในขององค์กรชาวบ้านเพื่อต่อสู้กับโครงการฯ รวมทั้งวิเคราะห์สถานการณ์ปัญหาของสังคมโดยรวมในปัจจุบันที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีแกนนำจากหมู่บ้านต่างๆ สลับผลัดเปลี่ยนกันพูดคุยชี้แจงกับสมาชิกอย่างเป็นกันเอง

โดยนายสุวิทย์  กุหลาบวงษ์ ที่ปรึกษากลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า การประชุมในวันนี้เป็นการประชุมประจำปี เพื่อสร้างความเข้าใจในสถานการณ์การต่อสู้กับโครงการเหมืองแร่โปแตช ให้กับพี่น้องที่เป็นสมาชิก ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการพิจารณารายงานศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และคาดว่าจะผ่านการพิจารณาในเร็วๆ นี้ โดยกลุ่มอนุรักษ์ฯ จะต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด นอกจากนั้นก็จะต้องรวมเป็นเครือข่ายกับชาวบ้านในพื้นที่อื่นที่ได้รับผลกระทบจากการพิจารณาอีไอเอ ของสผ. รวมตัวกันเคลื่อนไหวคัดค้าน

“อีเอไอ เป็นตราประทับเพื่อให้โครงการฯ สร้างปัญหากับชาวบ้านในพื้นที่ และต้องยอมรับว่ากระบวนการพิจารณาอีไอเอ ของบ้านเรามันพิกลพิการ นั่นก็คือทุกโครงการที่เสนอเข้าไปผ่านหมด รวมทั้งอีไอเอ โปแตชด้วย สุดท้ายก็ต้องผ่าน จึงเป็นเรื่องที่ไม่ชอบ ซึ่งเราจะต้องชุมนุมกดดันต่อสผ.” นายสุวิทย์กล่าว

นายสุวิทย์ ยังกล่าวอีกว่า ก้าวเข้าสู่ปีที่ 13 ของกลุ่มอนุรักษ์ฯ จะต้องจัดระบบภายในให้มีความเข้มแข็ง สร้างระเบียบ กติกา ให้มีความชัดเจน และนำไปสู่การยกระดับขององค์กร

“การต่อสู้กับโครงการเหมืองแร่โปแตช ไม่มีวันจบเพราะถึงแม้เราไล่บริษัทนี้ออกไป ก็ยังจะมีบริษัทใหม่เข้ามาลงทุนแทน ดังนั้น กลุ่มอนุรักษ์ฯ จะต้องยืนหยัดต่อสู้ ไปพร้อมกับการยกระดับไปสู่การสร้างประชาธิปไตยฐานรากภายในองค์กร และมองประเด็นปัญหาสังคมให้มากกว่าประเด็นเฉพาะพื้นที่ของตนเอง” นายสุวิทย์กล่าว

ด้านนางมณี  บุญรอด  แกนนำกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอุดรธานี กล่าวว่า กลุ่มอนุรักษ์ฯ ยืนยันที่จะคัดค้านโครงการเหมืองแร่โปแตชให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะอยู่ในกระบวนใดก็ตาม เนื่องจากว่าโครงการฯ จะสร้างผลกระทบแก่ชุมชน โดยตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ผ่านมา พวกเราถูกกระทำมามากมายทั้งถูกจับกุมขึ้นโรงขึ้นศาล ไปร้องเรียนต่อหน่วยงานราชการก็ไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกปกปิดข้อมูล

“มาถึงวันนี้ต้องบอกกับพี่น้องว่าถ้าพวกเราไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ป่านนี้เหมืองคงเกิดและได้รับผลกระทบกันแล้ว ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ ถ้าเราไม่รวมตัวกันเพื่อปกป้องบ้านเราเอง ยกตัวอย่างที่เราล่ารายชื่อได้เกือบ 6 พันคนและยื่นหนังสือคัดค้านกับกพร.(กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ กระทรวงอุตสาหกรรม) มาถึงวันนี้ก็ยังไม่มีคำตอบ ส่วนคณะกรรมการที่เราไปเรียกร้องและได้มา ก็เงียบหายไม่มีการประชุมต่อและไม่ได้ข้อสรุปอะไร แล้วแบบนี้จะให้เราเชื่อถือได้อย่างไร” นางมณีกล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net