ศาลฎีกาให้ปล่อยตัวชั่วคราว 2 ชาวบ้านทุ่งลุยลาย-‘แรมโบ้’ นัดพีมูฟแจงปัญหา พรุ่งนี้

ศาลฎีกาให้ปล่อยตัวชั่วคราวตายายคดีบุกรุกสวนป่าโคกยาว ชี้ได้รับการปล่อยตัวมาโดยตลอด ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี แต่ให้เพิ่มหลักทรัพย์จากรายละ 2 แสนเป็น 3 แสน ด้านพีมูฟได้เจราจากับ ‘สุภรณ์ อัตถาวงศ์’ กำหนดนัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพรุ่งนี้

 
 

ศาลฎีกาให้ปล่อยตัวชั่วคราว 2 ชาวบ้านทุ่งลุยลาย 

วันนี้ (9 พ.ค.56) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดี นายเด่น คำแหล้ อายุ 60 ปี และนางสุภาพ คำแหล้ อายุ 57 ปี ชาวบ้าน ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ สมาชิกเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน (คปอ.) ถูกศาลอาญาตัดสินมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ในข้อหาร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำประโยชน์ในพื้นที่สวนป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม เมื่อวันที่ 25 เม.ย.56 และศาลฎีกาพิจารณาไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว   
 
ทีมทนายความที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินภาคอีสาน แจ้งว่าเวลาประมาณ 15.00 น.ศาลจังหวัดภูเขียวได้อ่านอ่านฎีกาให้ประกันตัวผู้ถูกคุมขังออกมาแล้ว โดยได้เพิ่มหลักทรัพย์จากรายละ 200,0000 บาท เป็นรายละ 300,000 บาท
 
คำสั่งศาลมีใจความโดยสรุปว่า ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลล่างทั้งสองศาลพิพากษายืนลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 4 คนละ 6 เดือน นับว่าไม่ร้ายแรงนัก ประกอบกับจำเลยที่ 1 และที่ 4 ให้การปฏิเสธ และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวมาโดยตลอด ไม่ปรากฏพฤติการณ์หลบหนี เชื่อว่าหากได้รับการปล่อยชั่วคราวแล้วยังไม่มีเหตุสงสัยจะหลบหนี อนุญาตให้ปล่อยตัวจำเลยที่ 1 และที่ 4 ชั่วคราวในระหว่างฎีกา ตีราคาหลักประกันคนละ 3 แสนบาท ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาหลักประกันและดำเนินการต่อไป
 
ส่วนหลักทรัพย์ประกันตัวได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม ซึ่งมีการเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว อย่างไรก็ตาม คำสั่งออกมาในช่วงที่ศาลภูเขียวใกล้จะปิดทำการ จึงต้องนำหลักทรัพย์ไปประกันนายเด่นและภรรยาในวันพรุ่งนี้
 
ทั้งนี้ กรณีพื้นที่พิพาทสวนป่าโคกยาว ต.ทุ่งลุยลาย อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ มีขึ้นภายหลังถูกประกาศเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนามเมื่อปี 2516 กระทั่งได้มีโครงการปลูกสวนป่า ทดแทนพื้นที่สัมปทาน ด้วยการนำไม้ยูคาลิปตัสมาปลูกในพื้นที่เมื่อปี 2528 โดยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และกองกำลังทหารพราน ได้อพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่ทำกินเดิม โดยสัญญาว่าจะจัดสรรที่ดินแห่งใหม่ให้รายละ 15 ไร่ เมื่อชาวบ้านบางส่วนออกจากพื้นที่ เพื่อเตรียมการจะเข้ามาอยู่ตามพื้นที่จัดสรร กลับปรากฏว่าเป็นที่ดินผืนนั้นมีเจ้าของเป็นผู้ครอบครองอยู่แล้ว การเรียกร้องต่อสู้เพื่อผืนดินทำกินจึงเริ่มแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
 
 
 

ร้องความเป็นธรรมในการดำเนินคดี อย่าทำกับชาวบ้านเสมือนเป็นอาชญากร

สำหรับความเคลื่อนไหว วันที่ 4 ในการชุมนุมของ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น.กลุ่มชาวบ้านได้ร่วมกันเดินรณรงค์จากที่ชุมนุมไปยังศาลฎีกาบริเวณฝั่งตรงข้ามสนามหลวง เพื่อยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงประธานศาลฎีกา กรณีนายเด่น คำแหล้ และภรรยาด้วย
 
หนังสือดังกล่าวระบุว่า ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีชาวบ้านจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากนโยบายการพัฒนา ได้ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม เช่น กรณีการไล่ชาวบ้านออกจากพื้นที่ การประกาศพื้นที่ป่าทับที่ทำกิน การสร้างเขื่อน การคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้า การคัดค้านการทำเหมืองแร่ เหมืองทอง และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่สำคัญเมื่อวันที่ 25 เม.ย.56 ศาลจังหวัดภูเขียว ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ตัดสินจำคุกนายเด่น คำแหล้ และภรรยา
 
หนังสือขอความเป็นธรรม ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริง นายเด่น คำแหล้ และภรรยา ได้อยู่ในที่ดินแปลงดังกล่าวนี้ มาก่อนที่จะมีการประกาศใช้กฎหมายป่าไม้ดังกล่าว ดังนั้น คดีของนายเด่นคำแหล้ และภรรยา จึงเป็นการเผชิญ
หน้ากันระหว่างความชอบธรรมกับการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งกระบวนการยุติธรรมยึดกฎหมายเพียงด้านเดียว ขณะที่สังคมตั้งคำถามว่าเป็นความยุติธรรมเพื่อใคร เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ผลแห่งคดีนี้ไม่ก่อประโยชน์ต่อสาธารณะ และยิ่งสั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม
 
ส่วนข้อเรียกร้อง พีมูฟระบุเรื่องความเป็นธรรม ในการดำเนินคดี ที่ไม่ทำกับชาวบ้านเสมือนเป็นอาชญากร
 
 
 
 

นัดเช้าพรุ่งนี้  แจงประเด็นปัญหากลุ่มย่อยพีมูฟ

ก่อนหน้านี้ในช่วงเช้า เวลาประมาณ 8.30 น. นางสมปอง เวียงจันทร์ แกนนำชาวบ้านสมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ได้นำขบวนผู้ชุมนุมเดินทางไปยังบริเวณประตู 4 เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ขอทราบความชัดเจน ในการนำข้อสรุปทั้ง 4 ประเด็นที่ได้มีการหารือกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงรองนายกฯ เข้าครม.ในวันอังคารที่ 14 พ.ค.นี้ และเร่งรัดให้มีการการเรียกประชุมคณะอนุกรรมการ 10 ชุด และคณะกรรมการชาวเล เพื่อจะหาข้อยุติก่อนที่จะมีการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ในวันที่ 27 พ.ค.ที่จะถึงนี้ โดยต้องการความชัดเจนภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้
 
จากนั้น นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นตัวแทนออกมารับหนังสือ และเชิญตัวแทนชาวบ้านเข้าหารือในทำเนียบรัฐบาล
 
นายสุภรณ์ กล่าวว่า ขอให้แต่ละกลุ่มย่อยในพีมูฟจัดทำข้อมูลต่างๆ มาให้ชัดเจน และนำมาร่วมประชุมกับตัวแทนหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ที่อาคารสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ ซึ่งมี ร.ต.อ.เฉลิม เป็นประธาน ในวันที่ 20 และ 27 พ.ค.นี้ และฝากให้แกนนำของพีมูฟไปเจรจากับสมาชิกให้กลับภูมิลำเนาไปก่อน ไม่ต้องกังวลว่านายกรัฐมนตรีจะไม่ใส่ใจการแก้ปัญหา เพราะได้มีการนำเรื่องร้องเรียนไปรายงานให้ทราบและทุกอย่างก็ถูกบันทึกไว้แล้ว ขอให้สบายใจได้ว่าการประชุมของคณะกรรมการต้องมีมติข้อสรุปที่กำหนดกรอบเวลาการแก้ปัญหาต่างๆ ให้ได้
 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท