Skip to main content
sharethis

อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เผยบริษัทยังทำผิดเงื่อนไขใบอนุญาต เหตุโปรโมชั่น กำหนดค่าเอฟยูพี ต่ำกว่าที่กำหนด ย้ำต้องไม่ต่ำกว่า 345 กิโลบิตต่อวินาที หลังพบ แจ้งมาตรฐานความเร็วขั้นต่ำที่ผู้บริโภคได้รับตกลงเหลือเพียง 64 กิโลบิตต่อวินาทีเท่านั้น พร้อมหนุน กสทช. เร่งรัดบริษัทลดค่าบริการให้ได้ 15%


(20 พ.ค.56) เดือนเด่น นิคมบริรักษ์ อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม กสทช. เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้มีการหารือกันเกี่ยวกับบริการ 3G ในหลายประเด็น ซึ่งที่ประชุมได้มีมติสนับสนุนการดำเนินการของ กสทช. กรณีเร่งรัดเพื่อให้เกิดการลดค่าบริการ 3G ลงร้อยละ 15 ให้กับผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมคณะอนุกรรมการยังพบว่าผู้ให้บริการยังไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 ในประเด็นคุณภาพการให้บริการและการคุ้มครองผู้ใช้บริการ ซึ่งระบุว่า ผู้รับใบอนุญาตต้องจัดให้มีการควบคุมคุณภาพบริการให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานของคุณภาพการให้บริการโทรคมาคมประเภทข้อมูลสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบุว่า ความเร็วเฉลี่ยในการส่งข้อมูลของบริการ 3G ต้องไม่ต่ำกว่า 345 กิโลบิตต่อวินาที

“จากข้อมูลโปรโมชั่นของผู้ให้บริการพบว่า อัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลต่ำกว่าที่กำหนดตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานของคุณภาพการให้บริการโทรคมนาคมประเภทข้อมูลสำหรับโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ คือความเร็วในการดาวน์โหลดต้องไม่ต่ำกว่า 345 กิโลบิตต่อวินาที และความเร็วในการอัปโหลดต้องไม่ต่ำกว่า 153 กิโลบิตต่อวินาที แต่จากรายการส่งเสริมการขายใหม่เพื่อให้บริการ 3G พบว่าได้กำหนดอัตรารับรองในการรับส่งข้อมูลขั้นต่ำนั้นต่ำลงกว่าเมื่อครั้งเป็นบริการ 2G คือ อัตราความเร็วในการรับส่งข้อมูลขั้นต่ำเหลือเพียง 64, 128 และ256 กิโลบิตต่อวินาที เท่านั้น” อนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคกล่าว

เดือนเด่นกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังเห็นว่า ควรมีการกำหนดมินิมัมแพ็คเกจ ที่เป็นมาตรฐานไว้และหากพบว่ามีการใช้บริการเกินกว่ามินิมัมแพ็คเกจ ก็ควรมีการแจ้งเตือนกับผู้ใช้บริการ เพื่อป้องกันปัญหาค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

"ผู้ให้บริการควรมีการแจ้งเตือนเรื่องค่าใช้จ่ายการใช้บริการ เช่นในต่างประเทศ หากการใช้บริการของผู้ใช้บริการมีการเปลี่ยนแปลงไปแบบผันผวนเช่น ใช้มากกว่าปกติไป 2 ถึง 3 เท่าตัว จะต้องแจ้งผู้ใช้บริการทราบ เพื่อเป็นกลไกในการคุ้มครองผู้บริโภคแบบอัตโนมัติ ซึ่งสำหรับประเทศไทยพบว่า มีบางบริษัทที่โทรสอบถามลูกค้าหากมีการใช้บริการที่มากผิดปกติ ซึ่งควรทำให้เป็นมาตรฐานเป็นการทั่วไป " เดือนเด่นกล่าว

นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้บริโภคที่ใช้บริการ 3G ประสบปัญหาโดยรวมคือ กรณีโปรโมชั่นเดิม หรือลูกค้ารายเดิมที่เคยใช้บริการ 3G ภายใต้โครงข่าย 2G นั้นพบว่า มีการลดค่าบริการให้จริง แต่บริษัทมิได้แจ้งรายละเอียดสิทธิประโยชน์ให้ผู้ใช้บริการทราบ เช่น ลดค่าบริการให้ลูกค้าจาก 699 บาทเหลือ 499 บาท แต่ไม่แจ้งสิทธิประโยชน์ให้ทราบ, ลดค่าบริการให้จริงแต่ก็ลดสิทธิประโยชน์ลงด้วย เช่น เคยใช้บริการเสียงได้ 400 นาทีถูกลดเหลือ 300 นาที, หรือยังไม่ดำเนินการลดค่าบริการให้กับผู้ใช้บริการเลย

รวมถึงการไม่โอนย้ายเงินคงเหลือในระบบให้ในกรณีการโอนย้ายบริการจาก 2G ไป 3G ของผู้ใช้บริการระบบเติมเงิน หรือกรณีการโอนย้ายเครือข่ายแล้วไม่สามารถใช้บริการไม่ได้ เมื่อผู้ใช้บริการต้องการโอนย้ายไปผู้ให้บริการรายใหม่ แต่บริษัทไม่ดำเนินการให้โดยอ้างว่าต้องอยู่กับผู้ให้บริการรายเดิม 90 วัน ซึ่งประกาศ กสทช. ไม่เคยกำหนดให้ผู้ใช้บริการต้องกับอยู่ผู้ให้บริการรายเดิม 90 วัน แต่ผู้ใช้บริการสามารถโอนย้ายเครือข่ายเมื่อใดก็ได้, ปัญหาความครอบคลุมของพื้นที่ให้บริการ เช่น มีการประชาสัมพันธ์ แต่ไม่มีการให้บริการในพื้นที่นั้น เป็นต้น


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net