Skip to main content
sharethis

ภายหลังจากที่ประชุมบอร์ด กสทช. วานนี้ (วันที่ 19 มิ.ย.) มีมติวาระ 5.7 เห็นชอบต่อ “ร่างประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ใช้บริการในกรณีสิ้นสุดอายุการอนุญาตสัมปทาน หรือสัญญาณการให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ พ.ศ.... ” ตามที่คลื่นความถี่ย่าน 1800MHz ซึ่งบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (กสท) ให้สัมปทานกับบริษัท ทรูมูฟ จำกัด และบริษัท ดิจิตอล โฟน จำกัด กำลังจะสิ้นสุดอายุสัมปทานลงในวันที่ 15 กันยายน 2556 นั้น โดยเนื้อหาหลักของร่างฯ ฉบับนี้ เป็นการให้อำนาจ กสทช. กำหนดให้มีผู้ให้บริการทำหน้าที่ให้บริการต่อไปโดยใช้คลื่นความถี่ที่หมดอายุตามสัญญาสัมปทาน โดยไม่ต้องประมูลคลื่นความถี่ตาม ม. 45 ของ พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 โดยจะเปิดให้สาธารณะรับฟังความเห็นต่อไปนั้น ทั้ง 2 กสทช.  ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา และ สุภิญญา กลางณรงค์ มีความเห็นแย้งต่อการออก (ร่าง) ประกาศฯฉบับดังกล่าว

สุภิญญา ระบุว่า มี 3 ประเด็น ที่ไม่เห็นด้วยเพราะ 1. คำตอบที่ว่าประกาศฯ ดังกล่าวถือว่าเป็นการต่อสัญญาสัมปทานหรือไม่ ยังไม่ชัดเจนในมิติกฎหมายว่า กสทช.ต่อสัญญาสัมปทานลักษณะนี้ได้หรือไม่ 2. ก่อนหน้านี้มีเวลาถึง 2 ปี ในการเตรียมการประมูลคลื่น 1800 MHz นับจากวันที่รับตำแหน่ง เหตุใดจึงไม่เสนอก่อนหน้านี้ และ 3. ยังไม่เห็นแนวทางที่ชัดเจนจากในการชดเชยกับผู้บริโภคหลังหมดสัญญาสัมปทาน อาทิ ลดราคา เป็นต้น

สุภิญญา กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะยืดระยะเวลาออกไปอีก 1 ปี เพื่อจัดประมูลคลื่นฯ เนื่องด้วยน่าจะมีการเตรียมประมูลก่อนหน้านี้ หากจะยืดอายุจริงๆ ควรมีเงื่อนไขที่มีฐานอธิบายทางกฎหมายเพิ่มขึ้น การหารือจากองค์คณะผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายในการหาทางออก เพราะการจัดการกรณี 1800 MHz ของ True คราวนี้ อาจจะกลายเป็นตัวอย่าง หรือส่งผลเป็นโดมิโนไปยังสัมปทานรายที่เหลืออย่าง AIS และ Dtac ในอนาคตที่กำลังจะหมดสัญญาสัมปทาน ดังนั้น ด้วยความที่ยังไม่ชัดเจนใน 3 ประเด็นและเหตุผลดังกล่าว จึงสงวนความเห็นเป็นเสียงข้างน้อยในการโหวตไม่รับหลักการของร่างประกาศฯ คลื่น 1800MHz ความต่อเนื่องในการให้บริการเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ควรมีปรากฏการณ์ซิมดับ แต่ขณะเดียวกันต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนว่า ทำไมมีเวลา 2 ปี จึงไม่เตรียมการประมูลและแผนการเปลี่ยนผ่าน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ยังกำลังออกไปรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ ผู้บริโภคและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดสามารถเสนอความคิดเห็นได้ ซึ่งหลังการประชาพิจารณ์หากมีแนวทางที่ชัดเจนทั้งเรื่องข้อกฎหมาย และการคุ้มครองผู้บริโภค ตนเองอาจตันสินใจพิจารณาใหม่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net