ปฏิรูปศาสนา วาระแห่งชาติ เพื่อพลิกฟื้นคืนความสุขให้แก่คนไทย

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ตามที่พวกเรามักจะเห็นข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางวินัยของพระสงฆ์  ตลอดจนการจัดมหรสพเพื่อหาเงินเข้าวัด  มีการเต้นระบำด้วยท่าทางและการแต่งกายล่อแหลมภายในวัด  แต่ก็ไม่มีผู้ใดที่เคร่งครัดเอาจริงเอาจังในการป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น  ผมในฐานะพุทธศาสนิกชนคนหนึ่งมีความรู้สึกเป็นห่วงต่อสังคมไทยซึ่งคนด้วยส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ  โดยส่วนตัวผมทำงานที่ต้องพบพูดคุยและให้คำปรึกษาผู้กระทำความผิดอาญาและนักโทษจำนวนมากซึ่งการกระทำผิดส่วนหนึ่งนั้นคือการทำผิดศีลห้าซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติหนึ่งในคำสอนของศาสนาพุทธ  ผมรู้สึกเฉลียวใจว่าความจริงแล้วคนไทยจำนวนมากมีชื่อทางทะเบียนว่านับถือศาสนาพุทธ  แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ได้ปฏิบัติตนเป็นพุทธศาสนิกชนแต่อย่างใด  หากเปรียบเทียบกับบุคคลที่นับถือศาสนาอื่นๆ บางศาสนาก็จะพบว่าพวกเขามีการประพฤติปฏิบัติต่อคำสอนหรือความเชื่อของศาสนาและสังคมของตนได้ดีพอสมควร  หากศาสนาสอนไม่ให้ดื่มสุรา  พวกเขาก็จะไม่ดื่มสุรา  หากสังคมนั้นตั้งข้อรังเกียจการมีชู้ แต่สอนให้มีผัวเดียวเมียเดียว (หรือมีเมียได้  4  คน  โดยเปิดเผย  แต่ห้ามมีชู้)  พวกเขาก็จะปฏิบัติตาม  เป็นต้น  แต่หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามก็จะถูกสังคมนั้นเองตำหนิติเตียนหรืออาจได้รับโทษทัณฑ์  นอกจากคำสอนแล้วการร่วมพิธีกรรมทางศาสนานั้นๆ ก็ยังเป็นสิ่งที่ได้รับความนิยมและจรรโลงจิตใจจนนับได้ว่าซึมแทรกเข้ากับกิจวัตรประจำวันของพวกเขา  เช่นการเข้าโบสถ์วันอาทิตย์  การทำละหมาดวันละหลายๆ ครั้ง  ทุกๆ วัน

หากย้อนมาดูศาสนาพุทธก็จะพบว่ามีคำสอนหลักสำหหรับฆราวาสคือการให้ทาน  รักษาศีล  เจริญภาวนา  ประกอบกับกิจวัตรประจำวันคือการตักบาตร  สวดมนต์  เข้าวัดในวันพระ  อย่างไรก็ตามด้วยสังคมไทยพัฒนาด้านวัตถุมากขึ้น  คนไทยจำนวนมากจึงต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบเพื่อทำการงาน  ดูแลตนเองและครอบครัว  จนไม่มีเวลาให้กับศาสนา  ผลที่เกิดขึ้นก็คือ  จะหาคนไทยที่สวดมนต์เพียงวันละครั้งก็ยากเต็มที  และจำนวนมากไม่รู้จักศีลห้าดีเพียงพอว่าสอนอะไรบ้าง  ท่องได้ไม่ครบ  ๕  ข้อ  และโดยส่วนใหญ่ทำผิดศีลครบทั้ง  5  ข้อ  ขอย้ำว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดศีลห้าเป็นประจำทุกวัน  ซึ่งหากจะเรียกได้ว่าคนเหล่านั้นไม่ใช่พุทธศาสนิกชนอีกต่อไปก็ไม่ผิดนัก  ข้อเท็จจริงเหล่านี้สามารถอ้างอิงข้อมูลได้จากสถิติทั่วโลกเกี่ยวกับเรื่องอาชญากรรม  การดื่มสุรา  การมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร  การทุจริตคอรัปชั่น  ฯลฯ  ซึ่งประเทศไทยมักติดอันดับต้นๆ แทบจะไม่แพ้ชาติใดในโลก  ทั้งๆ ที่โลกนี้มีประเทศต่างๆ ทั้งสิ้นกว่า  120  ประเทศก็ตาม  เรื่องบางเรื่องเป็นสิ่งที่คนไทยเห็นกันจนชินตาตั้งแต่ภายในครอบครัวของตนเองจนกระทั่งระดับผู้นำประเทศ  ไม่ว่าจะเป็นการดื่มสุรา  เสพยาเสพติด  การนอกใจสามีหรือภรรยา  การพูดจาโกหกหลอกลวง  การโกงในทุกระดับ  ฯลฯ  และแน่นอนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ท้ายที่สุดได้นำมาซึ่งปัญหาของสังคมและอาชญากรรม

สิ่งที่ผมจะสื่อมิได้ประสงค์ให้มีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนไทยโดยฉับพลัน  แต่หากมีความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นแม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ  การที่ผมต้องรับฟังปัญหาจากนักโทษจำนวนมากและประสบพบเห็นความเสื่อมทรามของสังคมแล้วจึงมั่นใจว่าปัญหาที่สำคัญนั้นเกิดจากคนไทยห่างไกลจากศาสนามากขึ้น  สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะคนไทยเบื่อหน่ายพระสงฆ์จำพวกที่มีความประพฤติไม่เหมาะสมกับวินัย  ใช้ชีวิตหรูหรายึดติดในวัตถุ  ทำคุณไสย  ปลุกเสกดินและหิน  หาได้ศึกษาพระธรรมวินัยแต่อย่างใดไม่  หากจะเดินเข้าวัดก็เห็นวัดจำนวนมากมีการดำเนินการเชิงพุทธพาณิชย์  ไม่มีความสมถะ  ไม่น่าเลื่อมใส  แต่สาเหตุที่สำคัญมากก็คือ  คนไทยสมัยใหม่แทบจะไม่เคยเข้าวัดเพื่อฟังธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าเลย  พวกเขาเข้าวัดตามเทศกาลเพื่อจะได้ออกจากบ้านมาพบปะผู้คนเท่านั้น  บางส่วนเอาเงินมาทำบุญทำทาน  แต่ก็ไม่รู้ว่าผลบุญของการทำทานเป็นอย่างไร  มีผลมากน้อยเพียงใด  ส่วนใหญ่กลายเป็นสนับสนุนให้พระและวัดยึดติดกับการพัฒนาวัตถุ  มิใช่พัฒนาจิตใจคนแต่อย่างใด

ข้อเสนอของผมนั้นเรียบง่ายแต่หากผู้มีอำนาจนำไปใช้อย่างจริงจังก็จะเกิดผลดีแก่สังคมไทยอย่างทันตา  มีเพียง 2  ข้อ ได้แก่  1. จัดให้มี “วันฆราวาส” เป็นวันที่ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาและพากันไปเข้าวัดฟังธรรมทุกวันอาทิตย์ (เพราะวันพระไม่ตรงกับวันอาทิตย์  ยุคปัจจุบันนั้นไม่ใช่สมัยพุทธกาล  ฆราวาสจึงต้องทำงานหรือเรียนวันจันทร์ถึงวันศุกร์)  โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลศาสนามีการโฆษณาปลุกกระแสโดยใช้ดารานักแสดงเชิญชวนให้ทุกคนไปเข้าวัดเพื่อฟังธรรมทุกวันอาทิตย์  2. ยกเลิกกฎหมายที่อนุญาตให้วัดจัดงานมหรสพหรือจัดงานเรี่ยไร  (การทำบุญทำทานเป็นเรื่องการสมัครใจของฆราวาส  ไม่ใช่หน้าที่ของวัดที่จะมอบความบันเทิงเพื่อแลกเปลี่ยนกับเงิน  หากวัดใดไม่มีเงินสร้างโบสถ์  สร้างวิหาร  ก็ไม่ต้องสร้าง  หากไม่ครบองค์ประกอบก่อตั้งเป็นวัด  ก็ให้ยุบตัวลงเป็นเพียงสำนักสงฆ์หรือสำนักปฏิบัติธรรม)

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ  ครอบครัวจะมีความผูกพันกันมากขึ้น  มีคำสอนของศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ทำชั่ว  (ปัจจุบันคนจำนวนมากมีเงินเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ  และทำชั่วด้วยการผิดศีลห้าเพื่อให้ได้เงินมา)  ส่วนพระสงฆ์และวัดเองก็จะไม่หลงผิดทาง  แต่จะรู้จุดประสงค์ของตนเองว่ามีหน้าที่อบรมธรรมะขัดเกลาจิตใจคนในสังคมตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้า  มิฉะนั้นแล้วคนดีๆ ในสังคมก็คงจะท้อแท้ใจพากันไม่ศรัทธาในศาสนา  แม้กระทั่งพระสงฆ์ดีๆ ก็อาจจะลาสิกขาออกไปดังที่เป็นข่าวไม่นานมานี้  ผมเห็นว่าปัจจุบันประชาชนจำนวนมากออกมาต่อสู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยเพื่อรักษาสถาบันชาติ  สถาบันพระมหากษัตริย์  แต่ถ้าไม่ออกมาพัฒนาสถาบันศาสนาแล้วธงชาติไทยจะมีสีขาวไว้เพื่ออะไร

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท