24 มิ.ย. ที่จะถึงนี้จะเป็นวันครบ 81 ปี การที่คณะราษฎรเปลี่ยนแปลงการปกครอง และหลายปีที่ผ่านมานี้มีคนกลุ่มเล็กๆ ที่จัดกิจกรรมรำลึกในเวลาย่ำรุ่งของเช้าวันดังกล่าว บริเวณหมุดคณะราษฎร ลานพระบรมรูปทรงม้า เช่นการอ่านประกาศคณะราษฎรฉบับที่ 1 การวางดอกไม้ การจุดเทียนและการแสดงละครเป็นต้น เช่นเดียวกันปีนี้ก็มีกิจกรรมแต่เปลี่ยนจากการรำลึกเป็นการ “เฉลิมฉลองวันชาติ 24 มิถุนา” และ เปิดด้วยการทำคลิปเชิญชวนในยูทูบโดยชายสวมแว่นดำแต่งกายคล้ายทหาร ออกมาประกาศเชิญชวนให้คนเข้าร่วมกิจกรรมที่จะเริ่มตั้งแต่เย็นวันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย.ไปจนเช้าวันที่ 24 มิ.ย. โอกาสนี้ประชาไทจึงได้สัมภาษณ์ “กอล์ฟ” หรือ ภรณ์ทิพย์ มั่นคง ผู้ก่อตั้งกลุ่มประกายไฟการละครและหนึ่งในผู้ริเริมจัดกิจกรรมนี้ เพื่อดูถึงที่มาที่ไป ความคิดมุมมองของเธอถึงสาเหตุว่าทำไมต้องมาจัดกิจกรรมนี้
คลิปเชิญชวนร่วมกิจกรรม 'เฉลิมฉลองวันชาติ 24 มิถุนา'
ประชาไท : ที่มาของ คณะจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติ 24 มิถุนา เป็นใครบ้าง?
ภรณ์ทิพย์ มั่นคง : ก็เริ่มจากเรา(ภรณ์ทิพย์)อยากจัดงานวันชาติในแบบที่ไม่เหมือนทุกๆปี เรารู้สึกว่างานรำลึกมันบอกอะไรได้น้อยกว่า เราเลยไปชวนพี่ๆ กลุ่ม 24 มิถุนา มาร่วมกันจัดงาน จริงๆบอกเค้าว่าพี่เราอยากจัดงานแบบงานวัดแบบงานฉลองสมัยก่อน พี่เค้าก็ตกลง จากนั้นก็เลยรวบรวมเพื่อนที่เคยเล่นละครด้วยกัน แล้วก็ไปชวนกลุ่มอื่นๆ มาร่วมกัน ตอนนี้ก็มีกลุ่มประกายไฟการละครรวมการเฉพาะิกิจแห่งประเทศไทย, กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย, กลุ่มเพื่อนนักกิจกรรม, กลุ่มกวีราษฎร์, เสื้อแดงธนบุรี 15 เขต, ไทยแลนด์ มิเรอร์ และคณะราษฎร 2555 เหมือนจะเยอะนะ แต่คนทำงานนิดเดียว (หัวเราะ) เป็นปกติของงานกิจกรรมแบบนี้แหละ งานปีนี้เราก็พยายามจะรวบรวมงานในแต่ละที่ที่จัดมาใส่ไว้ในกำหนดการที่จะแจกให้กับคนที่มาเข้าร่วมงานกับเรานะ เพื่อจะได้เป็นทางเลือกให้คนได้มีพื้นที่เรียนรู้เรื่องนี้เยอะๆ เค้าจะเลือกไปที่ไหนก็ได้ ไม่ได้แค่ให้มางานเราอย่างเดียว งานเราไม่มีข้อมูลความรู้มากเท่างานวิชาการที่หลายที่จัดขึ้นแต่ถ้าคนที่ชอบงานรื่นเริงแล้วอยากไปเรียนรู้เพิ่มเราก็แค่บอกเค้าว่ามีที่ไหนให้ไปบ้าง
“กอล์ฟ” ภรณ์ทิพย์ มั่นคง
ทำไมต้องการให้วันที่ 24 มิ.ย.เป็น ‘วันชาติ’ ?
ภรณ์ทิพย์ : จริงๆ แล้วคิดว่าทุกคนที่อ่านประวัติศาสตร์หรือพอจะเข้าใจการเมืองบ้างก็น่าจะเข้าใจอยู่ เพราะมันเป็นวันที่เปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นประชาธิปไตย โดยคณะราษฎร พ.ศ 2475 ซึ่งชาติในที่นี้มันได้ถูกเปลี่ยนเป็นความหมายว่าเป็นประชาชน ดังนั้นถ้าวันนี้เรายังยืนยันว่าเราปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยแล้ว วันนี้จึงเป็นวันชาติที่แท้จริง
และทำไมต้องออกมาเฉลิมฉลองกัน?
ภรณ์ทิพย์ : เนื่องจากวันนี้จอมพล ป. ได้ประกาศให้เป็นวันที่เฉลิมฉลองวันชาติ ในปี พ.ศ. 2482 และ ชาติในที่นี้หมายความถึงชาติที่มีความเป็นประชาธิปไตยแล้ว เค้าก็มีการจัดงานเฉลิมฉลองกันให้ประชาชนได้เข้าใจถึงความสำคัญของประชาธิปไตย อย่างในต่างประเทศเขาก็จะนับเอาวันที่ปฏิวัติหรือวันที่ได้รับเอกราชเป็นวันชาติ แต่ก่อนหน้านี้มันได้หายไปโดยการรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ก็ได้เปลี่ยนวันชาติเป็นวันที่ 5 ธันวาคม ซึ่งมันคือการแทนที่ชาติของประชาชนเป็นชาติที่ครอบครองโดยพระมหากษัตริย์ ทำให้ความเข้าใจเรื่องวันชาติหรือการให้ความสำคัญกับระบอบประชาธิปไตยถูกทำให้เลอะเลือนไป
ดังนั้นในวิกฤตการณ์ทางสังคม ณ ตอนนี้ที่หลายฝ่ายหลายๆคนมักอ้างถึงประชาธิปไตยอยู่เสมอแต่ด้วยการแสดงออกกลับไม่ได้เป็นในทิศทางของการส่งเสริมประชาธิปไตย นี้ไม่ได้พูดถึงสีใดสีหนึ่งแต่หมายถึงคนสองสี หรือคนที่ชอบบอกว่าตัวเองเป็นกลางด้วย เอาเข้าจริงแล้วพวกเราเข้าใจประชาธิปไตยมากแค่ไหนกันเชียว ทุกวันนี้วัฒนธรรมของประเทศเราไม่ได้ส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตยเลยพวกเราที่เติบโตมาจึงพูดถึงประชาธิปไตยแค่เปลือก นี่ไม่ได้หมายความว่าเราเข้าใจมากกว่าคนอื่น แต่เราอยากให้ทบทวนว่าเราเข้าใจกันแล้วจริงๆ ใช่ไหม ทีนี้ เราก็เลยอยากจะจัดงานมาในลักษณะของงานวัฒนธรรมขึ้นมาเพื่อย้อนให้คนเห็นถึงยุคสมัยที่ทุกคนเฉลิมฉลองวันชาติที่เป็นวันชาติที่เฉลิมฉลองการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ฟื้นงานเฉลิมฉลองวันชาติของประชาชนขึ้นมาอีกครั้ง
ภาพโปสเตอร์ประกอบละคร
กิจกรรมที่เตรียมไว้มีอะไรบ้าง ทำไมต้องมีกิจกรรมเหล่านั้นเอาเงินเอาแรงที่ไหนมาจัด?
ภรณ์ทิพย์ : กิจกรรมก็มีหลายอย่าง มีแต่งกายย้อนยุค ก็อยากให้ทุกคนใส่ มีร้องเพลงร่วมกับทายาทคณะราษฎร ซึ่งเราก็ได้รับความร่วมมือจากลุงแมว ทายาทพระยาพหล แต่เราก็ติดต่อไปหลายคนมากนะคะส่วนใหญ่ก็อายุเยอะกันแล้ว อย่างป้าจีรวัสส์ลูกสาวของจอมพล ป. ซึ่งก็อยากมาแต่ก็มาไม่ได้เพราะสุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ก็อย่าไปพูดถึงเลยคะ แต่น่าแปลกที่หลายคนก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะให้มีการเอาวันชาติ 24 มิถุนากลับมา หรือแม้แต่จะส่งทายาทอีกรุ่นหนึ่งมาก็ยังลำบาก
มีละครเรื่อง 9 แผ่นดิน ซึ่งก็เป็นเรื่องสุดท้ายที่ประกายไฟเคยประกาศไว้คราวนี้มารวมกันเฉพาะกิจ แล้วก็มีรำวงย้อนยุคกับวงไฟเย็น มีซุ้มกิจกรรม มีอาหารแจกฟรี มีผัดไทยด้วย ผัดไทยนี่เป็นอาหารในยุคชาตินิยมจริงๆ แล้วกิจกรรมสุดท้ายก็คือการอ่านสุนทรพจน์ของจอมพล ป. โดยอาจารย์ณัฐพล ใจจริง ซึ่งเป็นสุนทรพจน์เนื่องในโอกาสวันเฉลิมฉลองวันชาติ
ส่วนงบประมาณเราก็ระดมกันมาตอนแรกก็ไปเปิดหมวกในที่ชุมนุม หรือตามสะพานลอยแต่เอาเข้าจริงได้น้อยมากๆ ทางคณะกรรมการ 40 ปี 14 ตุลาฯ ก็เลยช่วยสนับสนุนมาเป็นส่วนใหญ่แล้วก็ได้จากกลุ่มโดมรวมใจด้วย
สำหรับแรงที่ทำงานนี้ก็ใกล้จะหมดแล้ว สำหรับพวกเรานะ เพราะจัดงานแบบนี้แต่คนให้การสนับสนุนน้อย อาจจะเป็นเพราะมันเป็นงานวัฒนธรรมด้วย แล้วคนก็คงมองว่าพวกเราเป็นเด็กๆ อะไรแบบนี้แต่ก็อดทน ยังไงก็จะจัด ต่อให้ตอนนี้ได้เงินแค่สองหมื่นก็จะเล่นกันกลางถนนนั่นหละ (หัวเราะ)
ณ หมุดคณะราษฎร ลานพระบรมรูปทรงม้า วันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย.56 17.00 – 17.20 น. :วงกำปั้น เปิดงาน วันจันทร์ ที่ 24 มิ.ย.56 |
จะเห็นว่าทุกปีจะมีการจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการณ์นี้ ปีที่แล้วก็มีคณะราษฎรที่ 2 มันจะกลายเป็นเพียงงานประจำปี และจัดกันเฉพาะคนที่สนใจเป็นเหมือนงานแซยิดหรือไม่ จัดกันเองดูกันเองหรือเปล่า?
ภรณ์ทิพย์ : ก็คงต้องเป็นแบบนั้น และก็คงจะเป็นแบบนั้นต่อไปเพราะว่าไม่ว่ายังไงมันก็ยังเป็นแบบนั้นเราเปลี่ยนแปลงทัศนคติของคนไม่ได้เพียงแค่ในเวลานี้ แต่ถ้าเราจะทำให้ได้จริงเราต้องผลักดันให้มันเป็นนโยบายรัฐ ให้รัฐเป็นผู้ริเริ่มมากกว่านี้ แต่เราจะหวังอะไรได้ ในเมื่อ ส.ส. หรือ ส.ว. ส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักวันนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ว่าสิ่งที่เราทำได้คือไม่ให้มันหายไป อย่างน้อยก็ยังรวบรวมคนที่สนใจไว้ด้วยกัน เท่านั้นเอง ส่วนจะมีคนสนใจเพิ่มมากขึ้นไหม มันก็เป็นแค่ความคาดหวัง
ผลลัพธ์สุดท้ายที่คิดว่าจะได้จากงานนี้คืออะไร?
ภรณ์ทิพย์ : ก็คงจะเป็นการรวบรวมคนที่สนใจมารวมกันประจำปีซึ่งเราคิดว่าการจัดงานในลักษณะงานวัฒนธรรมที่ทำให้คนอื่นเขาเข้ามามากขึ้น
“ถ้าการช่วงชิงกลับมาคือการบอกเล่าเรื่องจริง
เราก็คิดว่าการบอกความจริงคือสิ่งที่ต้องทำ เป็นสิ่งที่ควรจะทำ..”
ภรณ์ทิพย์ มั่นคง กล่าวถึงความสำคัญของการช่วงชิงวันชาติ
ทำไมคิดว่า “วันชาติ” จึงมีความสำคัญที่จะต้องช่วงชิงกลับมา และมองว่าสุดท้ายใครจะได้ประโยชน์จากมัน?
ภรณ์ทิพย์ : ถ้าการช่วงชิงกลับมาคือการบอกเล่าเรื่องจริง เราก็คิดว่าการบอกความจริงคือสิ่งที่ต้องทำ เป็นสิ่งที่ควรจะทำ คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือคนที่ยังสนใจมันเป็นแค่การหล่อเลี้ยงคนกลุ่มหนึ่งที่อยากบอกเล่าความจริงในทางประวัติศาสตร์ มันอาจจะทำให้เขามีแรงที่เขาจะบอกเล่าเรื่องต่อไปจนกว่าจะถึงวันที่ทุกคนตื่นเต้นและเห็นความสำคัญของมันในสักวันหนึ่ง หรือแม้แต่ลูกหลานคณะราษฎรเองก็ยังไม่ได้เห็นความสำคัญในการที่เอาวันนั้นกลับมาเป็นวันชาติ เพราะฉะนั้นจะมาคาดหวังให้คนทั้งประเทศตื่นตัวและเห็นความสำคัญของวันชาติ 24 มิถุนา ในระยะเวลาอันสั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยมันก็ได้ หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคนทำงาน และคนที่อยากบอกเล่าความจริงเอาไว้ ซึ่งรัฐบาล รัฐสภา ก็เป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงการปกครองแต่คนเหล่านี้ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับวันนี้เลย เพราะฉะนั้นคนทำงานหรือคนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ก็จะไม่ได้รับความสนับสนุนจากรัฐบาลหรือคนในสังคม เราจึงต้องดูแลกันเองให้ความรู้ และการจัดงานนี้ก็อาจจะช่วยขยายข้อมูลข้อเท็จจริงซึ่งก็คือความจริงทีมันเคยเกิดขึ้นไปสู่คนที่มาร่วมงานได้บ้าง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)