Skip to main content
sharethis

คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติมีมติให้คงราคาจำนำข้าวที่ 1.5 หมื่นบาท/ตัน ถึง 15 ก.ย. 56 จำกัดวงเงินไม่เกินครัวละ 5 แสนบาท หลังสามสมาคมชาวนายื่นให้ทบทวนมติลดราคาจำนำข้าวเหลือ 1.2 บาท/ตัน 

 
1 ก.ค. 56 - เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์รายงานว่า คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)  ที่มี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน มีการพิจารณาวาระสำคัญตามที่ 3 สมาคมชาวนา ซึ่งประกอบด้วย สมาคมชาวนาไทย, สมาคมส่งเสริมชาวนาไทย และสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ยื่นหนังสือเปิดผนึกถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อขอให้ กขช. ทบทวนมติที่ประชุมเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ที่เห็นชอบให้ปรับลดราคารับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 ค่าความชื้น 15% จาก 15,000 บาท/ตัน เหลือ 12,000 บาท/ตัน โดยเรียกร้องให้ กขช.ทบทวนกลับไปใช้ราคารับจำนำข้าวที่ 15,000 บาท/ตัน ตามเดิม จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูกาลผลิตข้าวในรอบนี้
 
โดยกขช.มติให้กลับไปใช้เงื่อนไขโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 (นาปรัง) ของรัฐบาลมาใช้รูปแบบเดิมที่ราคาตันละ 15,000 บาท คงราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้า 100 เปอร์เซนต์ ที่ความชื้น 15% และข้าวชนิดอื่น ๆ กลับมาที่ราคาเดิมเช่นกัน โดยจะรับจำนำเฉพาะปริมาณที่ไม่เกินที่ระบุในใบรับรองเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเท่านั้น ในวงเงินไม่เกิน 500,000 บาทต่อครัวเรือน ตามมติ กขช.เดิม
 
ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา เป็นวันสิ้นสุดการขึ้นทะเบียนเกษตรกรในฤดูกาลผลิตดังกล่าว พบว่ามีเกษตรกรขึ้นทะเบียนกว่า 200,000 คน มีปริมาณข้าว 2.9 ล้านตัน ถือว่าอยู่ในกรอบที่รัฐบาลกำหนดไว้ ซึ่งโครงการรับจำนำดังกล่าวจะสิ้นสุดในวันที่ 15 ก.ย. 2556 ยกเว้นพื้นที่ภาคใต้สิ้นสุดวันที่ 30 พ.ย.2556 โดยการขึ้นทะเบียนกษตรกรเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและชัดเจนผู้ที่มีสิทธิรับจำนำอยู่ในจำนวนที่รัฐบาลสามารถดูแลโครงการรับจำนำได้ไม่เกินกรอบที่รัฐบาลกำหนดไว้ 500,000 ล้านบาท
 
ส่วนโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ฤดูกาลผลิตปี 2556/2557 ที่ประชุม กขช.จะมีการพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งต่อไป โดยจะนำเสนอมติ กขช.ให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาในวันที่ 2 ก.ค.นี้
 
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า กขช.ยังมีมติให้เพิ่มช่องทางและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลช่วงครึ่งปีหลังด้วยการขายข้าวเป็นการทั่วไปให้ผู้ประกอบการในประเทศ เพื่อการส่งออกยังต่างประเทศหรือจำหน่ายภายในประเทศ ทั้งข้าวหอม ข้าวเหนียวและข้าวขาว ข้าวเปลือก ในส่วนของปริมาณข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลฤดูกาลผลิตปี 2555/2556 (นาปรัง) และ ฤดูการผลิตปี 2556/2557 (นาปี) จากปัจจุบันที่ดำเนินการอยู่ในการเพิ่มกลุ่มประเทศส่งออกข้าวใหม่และปริมาณขายข้าวเพิ่มขึ้น ด้วยรูปแบบช่องทางเดิมการเจรจาขายแบบรัฐต่อรัฐ (G To G ) และร่วมกับภาคเอกชนผู้ส่งออกข้าวในการนำข้าวสารส่งออกให้มีความสม่ำเสมอมากขึ้น โดยเฉพาะข้าวเปลือกจะนำมาแปรรูปเป็นข้าวนึ่ง โดยมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินการต่อไป
 
ด้าน นายวิเชียร พวงลำเจียก นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย กล่าวว่า ดีใจกับการตัดสินใจของรัฐบาล ที่เห็นชอบให้รับจำนำข้าวเปลือกที่ตันละ 1.5 หมื่นบาท ต่อไป จนถึงสิ้นฤดูการผลิตในเดือนก.ย. และในวันที่ 2 ก.ค.นี้ตัวแทนชาวนาจะขอเข้าพบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อให้กำลังใจ กรณีที่รัฐบาลรวมถึงคณะรัฐมนตรี ได้ตัดสินใจอย่างถูกต้อง ในการช่วยเหลือชาวนา
 
"ขอยืนยันว่าชาวนาจะสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อไป เพราะที่ผ่านมามีแต่พรรคเพื่อไทยเท่านั้น ที่กล้าลงมาช่วยเหลือ  ชาวนาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยไม่เกรงกลัวว่า จะถูกพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามจ้องเล่นงาน"นายวิเชียรกล่าว   
 
อย่างไรก็ตามชาวนาเข้าใจและเห็นใจการทำงานของพรรคเพื่อไทยด้วยมีหลายฝ่ายทั้งกลุ่มนายทุน และนักการเมืองที่เสียผลประโยชน์จากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลและเพียรพยายามจะล้มโครงการนี้ให้ได้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net