ผู้สื่อข่าวตะวันออกกลาง The Independent วิจารณ์การนำเสนอข่าวซีเรียของสื่อต่างชาติมักเจืออคติ

แพทริก ค็อกเบิร์น ผู้สื่อข่าวตะวันออกกลางที่เชี่ยวชาญเรื่องสงครามอิรักกล่าวถึงกรณีการนำเสนอสงครามกลางเมืองในซีเรียของสื่อต่างประเทศ ว่าหลายสำนักข่าวนำเสนอข่าววิกฤติในซีเรียมักจะมีความเข้าใจผิด หรือมีอคติเอนเอียง

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. แพทริก ค็อกเบิร์น ผู้สื่อข่าวตะวันออกกลางที่เคยทำงานให้กับสื่อ Financial Times กับ The Independent และเคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับอิรักหลายเล่ม ได้วิพากษ์วิจารณ์การนำเสนอข่าวกรณีสงครามกลางเมืองในซีเรียของหลายสำนัก โดยบอกว่าการนำเสนอข่าววิกฤติในซีเรียมักจะมีความเข้าใจผิด หรือมีอคติเอนเอียง ทั้งยังมีการวางแผนการแก้ไขวิกฤติในระยะยาวตามความเข้าใจผิดดังกล่าว

แพทริก อ้างถึงรายงานเรื่องซีเรียขององค์กรวิกฤตินานาชาติ (International Crisis Group) ที่บอกว่า "เมื่อกลุ่มประเทศต่างชาติที่สนับสนุนกลุ่มต่อต้านรัฐบาลในซีเรียเริ่มมีความเชื่อมั่นในชัยชนะมากเกินไป พวกเขาก็ปรับกระบวนทรรศไปในทางที่ห่างจากความเป็นจริง ซึ่งถือว่าอันตราย"

แพทริกกล่าวว่ามักมีการนำเสนอภาพกลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาลในซีเรียดูเป็นกลุ่มที่อยู่ในฝ่ายดี ขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลดูเป็นตัวร้าย นอกจากนี้กลุ่มประเทศที่สนับสนุนกลุ่มต่อต้านยังได้ให้อาวุธแก่ฝ่ายกบฏโดยหวังว่าถ้ามีความกดดันทางการทหารมากพอก็มีโอกาสชนะได้โดยการให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ยอมเจรจาโดยจำนนต่อเงื่อนไขที่ถูกวางไว้แล้ว

แต่แพทริกก็บอกว่าการพยายามใช้โวหารสร้างให้อัสซาดเป็นตัวร้ายก็ทำให้เกิดข้อเสียเปรียบหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการที่คณะที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงของสหรัฐฯ ซูซาน ไรซ์ และ วิลเลียม ฮาค ตัดการใช้วิธีเจรจาอย่างจริงจังและไม่ยอมอ่อนข้อให้กับผู้มีอำนาจในซีเรีย และจากการที่ฝ่ายรัฐบาลยังคงคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในซีเรียได้ ไรซ์และฮาคก็ใช้วิธีการสร้างสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น (endless war) ขณะที่แสร้งแสดงความกังวลด้านมนุษยธรรมต่อประชาชนซีเรีย

แพทริกยังได้เล่าประสบการณ์จากที่เขาได้เดินทางไปที่กรุงดามาสกัส เมืองหลวงของซีเรีย, เมืองฮอม และชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้เขาทราบว่าสิ่งที่ถูกนำเสนอในสื่อมีความแตกต่างจากที่เขาได้ประสบมา

เช่นเมื่อวันอังคารที่แล้วเขาได้เดินทางไปยังเมืองทัล คาลักห์ เป็นเมืองที่อยู่ติดพรมแดนทางตอนเหนือของเลบานอนซึ่งมีประชาชนอยู่ 55,000 คน เมืองนี้ถูกกองทัพรัฐบาลยึดครองและผู้นำกลุ่มกบฏปลดปล่อยชาติซีเรีย (FSA) 39 คนยอมวางอาวุธ และจากการพูดคุยกับคนในพื้นที่พบว่าสันติภาพในเมืองนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยทันที แต่กลุ่มผู้นำพลเรือนในเมืองนี้คอยจัดให้มีการเจรจาและการหยุดยิงมาโดยตลอดในช่วงปีที่ผ่านมา แต่สำนักข่าวอื่นๆ กลับรายงานข่าวว่าพบควันไฟจากการต่อสู้ในเมืองนี้ทั้งที่หลายชั่วโมงที่แพทริกอยู่ในเมืองนี้ เขาไม่ได้เห็นการยิงสู้รบหรือควันไฟเลย

"แน่นอนว่าทุกๆ ฝ่ายในสงครามมักจะแสร้งทำเป็นว่าตนสูญเสียฐานที่มั่นโดยมีการสู้รบอย่างกล้าหาญกับข้าศึกจำนวนมาก" แพทริกกล่าว "แต่เรื่องข่าวที่ดูไม่ชัดเจนในทัล คาลักห์ ก็ชี้ให้เห็นจุดสำคัญคือ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลในซีเรียมีความยืดหยุ่นในแง่ของความภักดีต่อพันธมิตร"

โดยขณะที่สหรัฐฯ อังกฤษ และกลุ่มประเทศที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มเพื่อนซีเรีย" ที่พยายามจะติดอาวุธให้กับกลุ่มกบฏที่ไม่ใช่กลุ่มกบฏทางศาสนา แต่แพทริกก็บอกว่ากลุ่มกบฏต้านรัฐบาลกับกลุ่มกบฏเคร่งศาสนาก็ไม่ได้มีการแตกแยกกันมากนัก และกลุ่มเหล่านี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลุ่มกบฏอัล-เคด้า มีนักรบคนหนึ่งที่เคยอยู่ในกลุ่มสังกัดเดียวกับอัล-เคด้า คือกลุ่มอัล-นุสรา ได้แยกตัวออกมาอยู่ในกลุ่มที่ดูกลางๆ ทางศาสนาเพราะแค่เขาติดบุหรี่ แพทริกบอกอีกว่า กลุ่มเคร่งศาสนาจ่ายให้มากกว่าและจากความยากจนของชาวซีเรียจำนวนมากแล้ว กลุ่มกบฏจะสามารถหาคนมาร่วมได้มากกว่าเสมอแบบที่นักการทูตรายหนึ่งเคยกล่าวกับแพทริกว่า "มันเป็นเรื่องของเงินตรามากกว่าเรื่องอุดมการณ์"

แพทริกกล่าวว่าสื่อต่างชาติมักจะนำเสนอโดยอ้างอิงแหล่งข่าวจากฝ่ายกบฏมากกว่าฝ่ายรัฐบาลซีเรีย แม้ว่าเหตุผลหนึ่งอาจจะมาจากเรื่องอคติ แต่อีกเหตุผลหนึ่งคือเรื่องเดียวกันกลับไม่มีการให้ข่าวจากมุมมองของฝ่ายรัฐบาล แพทริกทราบถึงสาเหตุของเรื่องนี้หลังจากที่เขาเดินทางไปในเมืองฮอม และไม่สามารถพูดคุยกับแหล่งข่าวที่เป้นทหารฝ่ายรัฐบาลได้ แพทริกชี้ว่าการพยายามปกปิดมากเกินไปของฝ่ายรัฐบาล ทำให้ฝ่ายต่อต้านอาศัยพื้นที่นี้ในการสร้างความน่าเชื่อถือ

แพทริกยังได้กล่าวถึงความลักลั่นในการนำเสนอข้อมูลโดยอ้างว่าเขาเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระเบิดในเมืองดามาสกัสเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาทำให้มีคนเสียชีวิต 4 คน ซึ่งเขาเชื่อว่าระเบิดลูกแรกเป็นระเบิดจากปืนครกเนื่องจากพื้นทางเท้ามีรอยแตกลงไปข้างล่างเล็กน้อยและมีเลือดกระจายอยู่ไม่มาก และไม่นานนักก็มีลูกที่สองตกใส่เหนือบ้านอีกหลังหนึ่งทำให้ผู้หญิงในบ้านนั้นเสียชีวิต ซึ่งข่าวจากช่องโทรทัศน์ของรัฐบาลรายงานว่าน่าจะเป็นเหตุระเบิดพลีชีพที่ตั้งเป้าไว้เป็นโบสถ์คริสต์นิกายออโธดอกซ์ หรืออาจจะเป็นโรงพยาบาลของมุสลิมนิกายชีอะฮ์ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงกัน ส่วนองค์กรเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนในซีเรียซึ่งมักเป็นแหล่งข่าวของสื่อต่างชาติบอกว่าเป็นระเบิดที่ตกค้างอยู่บนถนน

แต่แพทริกก็บอกว่ามีกล้องวงจรปิดในโรงพยาบาลของนิกายชีอะฮ์ที่แสดงให้เห็นว่ามีระเบิดจากปืนครกตกลงมา และเขาคาดเดาว่ากระสุนปืนครกนี้อาจจะมาจากกลุ่มกบฏที่ยิงปืนครกอย่างสุ่มมาจากย่านโจบาร์

แพทริกบอกว่าท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่โหดร้ายการคิดว่าฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายกบฏจะไม่สร้างเรื่องหรือบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองก็ดูเป็นการเชื่อคนง่ายเกินไป และสื่อต่างประเทศจำนวนมากก็นำเสอนเรื่องซีเรียด้วยฐานคติเช่นนี้

"แผนการของซีไอเอและกลุ่มเพื่อซีเรียที่พยายามจะยับยั้งสงครามด้วยการนำอาวุธเข้าไปมากขึ้นนั้นก็ดูไร้เหตุผลพอกัน" แพทริกกล่าว "สงครามมีแต่จะยิ่งก่อให้เกิดสงครามมากขึ้น"

 

 

เรียบเรียงจาก

Foreign media portrayals of the conflict in Syria are dangerously inaccurate, The Independent, 30-06-2013

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท