Skip to main content
sharethis
ศาลเลื่อนพิพากษาคดีฟ้องดีเจหนึ่งอดีตนักจัดรายการวิทยุประจำคลื่นรักเชียงใหม่ 51 ฐานชักชวน ปลุกปั่น ยุยงให้ประชาชนปิดถนนเมื่อปี 52 ไปเป็นวันที่ 5 ก.ย.นี้
 
 
วันนี้ (1 สิงหาคม 2556) เวลาประมาณ 13.30 น.  ศาลจังหวัดเชียงใหม่นัดฟังคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1970/2554  ซึ่งมีนายจักรพันธ์  บริรักษ์  หรือดีเจหนึ่ง  ซึ่งมีชื่ออยู่ในผังล้มเจ้าฉบับ ศอฉ. เป็นจำเลยในข้อหาปลุกปั่นยุยงให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116  จากการออกอากาศวิทยุชุมชนสถานีรักเชียงใหม่ 51 คลื่น 92.5 Mhz  กรณีที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเสื้อแดงปิดถนนที่บริเวณสามแยกดอยติ จังหวัดลำพูนในวันที่ 12 เมษายน 2552  


นายจักรพันธ์ถูกจับกุมครั้งแรกช่วงเดือนพฤษภาคม 2552 โดยถูกกักขังที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ 1 วันและได้รับการปล่อยตัว  จนกระทั่งถูกจับกุมอีกครั้งในวันที่ 24 มิถุนายน 2553 หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมษา-พฤษภา 53  โดยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวด้วยหลักประกันเงินสด 200,000 บาท  พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ส่งฟ้องต่อศาลเมื่อวันที่  15 สิงหาคม 2554  ”อัยการส่งฟ้องคดีเสื้อแดง “ดีเจหนึ่ง" ข้อหาปลุกปั่นฯ คดีเก่าปี 52”  และดำเนินกระบวนการสืบพยานตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2555 จนเสร็จสิ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2556 รวมทั้งสิ้นเป็นพยานโจทก์ 16 ปาก  พยานจำเลย 4 ปาก โดยมี ศ.ดร.นิธิ  เอียวศรีวงศ์เข้าให้การต่อศาลในฐานะพยานจำเลยด้วย  แต่ศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไปเป็นวันที่ 5 กันยายน 2556 อ่านรายละเอียดคดีนี้ได้ที่ http://freedom.ilaw.or.th

ศาลให้เหตุผลว่า  คดีนี้เป็นคดีสำคัญจึงต้องส่งให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ตรวจก่อน  แต่เนื่องจากยังตรวจไม่แล้วเสร็จและยังไม่ส่งสำนวนคดีคืนกลับมา  จึงต้องขอเลื่อนไปก่อน ในการพิจารณาคดีมีผู้เข้าร่วมรับฟังการพิจารณาในวันนี้มีประมาณ 10 คน  ประกอบด้วยแฟนรายการวิทยุ  สื่อมวลชน  และนักกิจกรรมสังคม

นายจักรพันธ์ บริรักษ์ กล่าวว่า  ประเด็นที่โดนฟ้อง คือ เขาใช้คำพูดของผม ที่พูดว่า "ปิดถนน" ผมก็ยอมรับว่าผมพูดจริงๆ ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าผมไม่ได้พูด แต่คำพูดสามคำของผมไม่น่าจะเข้าหมวดกฎหมายด้านความมั่นคง ดังนั้นจึงน่าจะผิดแค่ พ.ร.บ.จารจร ไม่น่าผิดกฎหมายอาญามาตรา116 ข้อหานี้เป็นข้อหาที่แรงเกินไป

คดีนี้เป็นคดีตั้งแต่ปี 2552 ทำให้ผมมีคดีติดตัว ที่ผ่านมาตนวิ่งขึ้นศาลตลอด "คนที่มีคดีติดตัวมันทำอะไรก็ลำบากผมก็อยากให้มันจบๆไป จริงๆแล้วผมเตรียมใจว่าไม่ว่าจะออกมาในรูปไหนก็แล้วแต่ก็พร้อมรับ แต่พอเลื่อนออกไปอีกหนึ่งเอนก็เหมือนว่าเสียเวลาไปอีกหนึ่งเดือน
 
ต่อกรณีที่จะมีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองซึ่งคดีนี้อาจเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรม นายจักรพันธ์ กล่าวว่าตนเห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แม้ว่าคดีของตนจะส่งผลกระทบและใกล้จบไปแล้วเนื่องจากเห็นว่ายังคงมีอีกหลายคดีที่กระทบคนอีกเป็นจำนวนมาก
 
"ผมอยากให้นิรโทษกรรมตั้งแต่หลังปี 2549 ที่มีการรัฐประหารด้วยซ้ำไป อาจจะรวมถึงกฎหมายอาญาคดีมาตรา 112 ด้วย ให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีคดีติดตัว ที่รอลงอาญาก็ยกเลิกไปหรือถึงที่สุดตัดสินว่าไม่ผิดก็ให้ลบประวัติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อไม่ให้มีประวัติติดตัว" นายจักรพันธ์ กล่าว
 

วัฒนา  เจนนภา  ทนายความผู้รับผิดชอบคดีจากกลุ่มทนายยุติธรรมล้านนาให้ความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ว่า

“ในทางพิจารณาจำเลยรับว่าได้กล่าวข้อความว่า “ปิดถนนดอยติ” จริง  เอกสารซีดีบันทึกเสียงจะมีการตัดต่อหรือไม่เราจึงไม่ได้ต่อสู้ตรงนั้น  ต่อสู้เท่าที่ว่าจำเลยไม่มีเจตนาหรือไม่มีมูลเหตุจูงใจใดๆ ให้ประชาชนปิดถนนหรือเปลี่ยนแปลงการปกครอง 

“ในทางข้อกฎหมาย  ม.116 อยู่ในหมวดความผิดต่อความมั่นคงในราชอาณาจักร  การที่ประชาชนไปละเมิดพรบ.จราจรทางบกและพรบ.ทางหลวงนั้นไม่ใช่กฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคง  จึงไม่สมควรตีความเกินกว่าเจตนารมณ์ของกฎหมาย

“การสืบพยานดำเนินไปอย่างยากลำบาก  เพราะเหตุผ่านมาหลายปี  มีการตั้งคณะกรรมการทำสำนวนคดี  พนักงานสอบสวนหลายคนโยกย้ายไปหลายจังหวัด  ทำให้ต้องตระเวนไปสืบพยานในภูมิลำเนาของตัวพยาน”

ต่อคำถามถึงความมั่นใจในการต่อสู้คดี  ทนายวัฒนากล่าวว่า “กฎหมายอาญาไม่มีบอกว่าคดีใดเป็นคดีการเมือง  เมื่อถูกฟ้องก็พิจารณาแต่องค์ประกอบตามกฎหมายเหมือนกันหมด  ที่มาสู้นี่ไม่เคยมั่นใจ  ตราบใดที่ไม่ได้ตัดสินเองจะไปมั่นใจได้อย่างไร  7 ปีที่ผ่านมาเป็นบทเรียน  เพียงแต่ยังศรัทธาว่าความยุติธรรมน่าจะยังมีอยู่บ้าง”.

 

มาตรา 116 ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต

(1) เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้าย

(2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ

(3) เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี

 

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net