แอดมิน “sexy pancake” เปิดใจในวันที่นางแบบคู่หูแยกทางไป แต่ทำไมเพจยังอยู่

 

“sexy pancake”  เป็นชื่อเพจในเฟซบุ๊กที่ผ่านตาชาวโลกออนไลน์ในฐานะ “ของแปลก”  มีจุดเด่นด้วยการฉายภาพ “ฉากชนบท” ผ่านตัวนางแบบกระเทยคนแรกชื่อ “เหน่ง” หรืออีกชื่อคือ “แพนเค้ก” ตามฉายาที่ “สุ” ซึ่งเป็นแอดมินเพจและเป็นกระเทยรุ่นพี่ของเหน่งเป็นผู้ตั้งชื่อให้

ต่อมามีข่าวฮือฮาสำหรับผู้ติดตามเพจนี้ เมื่อ “เหน่ง” ได้แยกทางไปกับเพื่อนใหม่และตั้งเพจชื่อ “sexy pancake2” แต่ดูเหมือนว่าเพจใหม่จะไปไม่ถึงฝัน

ขณะที่ “สุ” ยังเดินหน้าสื่อสารความเคลื่อนไหวในเพจต่อไป แม้นางแบบอันเป็น “ภาพจำ” จะไม่ใช่คนเดิม เธอต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงอย่างไร ติดตามได้จากบทสัมภาษณ์ชิ้นนี้ 

 

นางแบบไปแล้ว แต่ทำไมเพจยังอยู่ ยังมีคนมาคลิ๊กไลค์ มาติดตาม

ความจริงก็เคยคิดไว้อยู่แล้วว่า สักวันถ้าเหน่งเขาไปได้ดี ไปเป็นดาราไม่สามารถมาถ่ายแบบให้พี่ได้ แล้วพี่จะทำยังไง ซึ่งพี่ไม่คิดว่าจะเกิดเร็วขนาดนี้  พอถึงตอนแยกทางกันไป พี่ก็คิดอยู่เหมือนกันนะ ว่าการที่นางแบบคนแรกไปแล้ว จะยังมีคนติดตามเพจพี่ไหม

พอถึงเวลาจริง ก็คิดว่าจะทำยังไงให้คนยังตามเรา ไอเดียแรกที่คิด ก็เลยประกาศหานายแบบ คือ จะไม่ปั้นใครเป็นตัวเป็นตน กลัวมีปัญหาอีก

เริ่มจากลุงคนนั้น เป็นคนแถวบ้าน ตอนแรกคิดว่า จะถ่ายเซ็กซี่ ถึงตัวสุจะไม่ตลกแต่ว่าจะให้ตลกที่นายแบบ คือ ถ้าขี้เหร่ก็ขี้เหร่สุด ถ้าหล่อก็คือหล่อที่สุด หล่อล่ำให้คนสนใจตัวนายแบบ แต่มันก็ไม่ได้ เราไม่สามรถหานายแบบได้ ทั้งที่ได้รับการติดต่อจากหนุ่มกรุงเทพฯ หนุ่มในเมือง สนใจเยอะ หนุ่มแบงก์ก็มี หนุ่มหน้าตาดีๆ ติดต่อมาเยอะ แต่ไม่สะดวกเพราะไกล ไม่มีเวลาที่จะไปถ่ายรูปกับเรา ก็เลยต้องตัดประเด็นหานายแบบออกไป

ดังแล้วแยกวง? ใครแยกไปก่อน?

หลังจากเพจเป็นที่รู้จักแล้ว พี่ก็ติดต่อเขาได้บ้างไม่ได้บ้าง โดยเฉพาะเวลามีนัดหมายงานก็จะติดต่อไม่ได้ พี่ก็เลยให้เพื่อนที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง ติดต่อให้ ก็ติดต่อได้ ได้รับคำตอบว่าอยู่ตรงนั้นตรงนี้ แต่ที่จริงกลับพบว่าเขาอยู่อีกที่หนึ่ง

พอมีแฟนคลับถามมาเยอะว่า เหน่งหายไปไหน ทำไมมีแต่ภาพพี่สุ ตอนนั้นพี่โพสต์ภาพตัวเองเพื่อให้เพจไม่นิ่ง พี่ก็เลยโพสต์ไปว่าคนที่ถามว่าเหน่งไปไหนมาช่วยสุตามหาดีไหมว่าเหน่งไปไหน  พอโพสต์ไปก็ได้เรื่องเพราะคนมาคอมเมนต์บอกว่า เมื่อคืนผมเจอที่โน่นที่นี่ จังหวัดนั้นจังหวัดนี้  ตอนแรกไม่เชื่อ เพราะเขาบอกว่าเขาอยู่อีกที่  แต่พอมีแฟนคลับโทรหาพี่ว่าไม่ได้มากับเหน่งเหรอ เรื่องเลยแดงขึ้นมาว่าเขาไปไหน ไม่ตรงกับที่บอกเรา พี่คิดว่า เหน่งก็เลยไม่พอใจ ที่พี่ไปโพสต์อะไรแบบนั้น

ตอนนั้นทำไมต้องโพสต์ตามตัว “เหน่ง”

ตอนนั้นมีนัดหมายงานแล้ว เช่น สมมติรับงานถ่ายแบบ แต่ติดตามนางแบบไม่ได้เลย นางแบบอยู่ที่ไหน ต้องมาถ่ายโฆษณาครีม แล้วจะทำยังไง ก็เลยเป็นปัญหาเกิดขึ้น พี่เป็นคนรับงานไว้ ก็ต้องโทรไปยกเลิกประมาณ 6 งาน เพราะตามตัวนางแบบไม่ได้ ทั้งที่ตอนนั้น มีการติดต่อมาอีกตั้งหลายสิบงาน แต่ยังไม่ได้รับปาก

ส่วนถ้าใครจะหาว่าพี่โกงค่าตัว ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า พี่จะโกงได้ยังไง เพราะตั้งแต่แยกมารับงานทำ 2 คน ก็ยังไม่ได้รับงานสักตัวเพราะเขาแยกทางกันไปก่อน ส่วนงานที่เคยรับก่อนหน้านั้น อาจารย์ลิงค์ เป็นคนรับมาให้ ซึ่งเขาได้ชี้แจงในเฟซบุ๊กไปแล้วเรื่องค่าจ้างเป็นอย่างไร

เท่าที่ทราบ เหน่งก็ไปเปิดเพจใหม่กับเพื่อนเขา

งานตอนนั้น มีอะไรบ้าง

ถ่ายโฆษณาครีม ถ่ายมิวสิควีดีโอเพลงนักร้องในสังกัดค่ายของคุณโดม ปกรณ์ ลัม งานประกวดกระเทยที่เชียงใหม่ และ ก็งาน โชว์ตัว ประมาณนี้ละคะ ก็ต้องยกเลิก แต่บางงานเขาก็ติดต่อมาอีกทีให้พี่ไปถ่ายโฆษณาเอง

พลังของแฟนคลับ ที่ไปถล่มฝ่ายตรงข้ามกับคุณสุ มาได้อย่างไร

พอเกิดปัญหานี้ขึ้นมา พี่ถึงรู้แล้วว่าต่อไปมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้วไง... คือมีคนที่รักพี่ เห็นใจพี่เยอะมาก โดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย เขาเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่ ตอนแรกถ้าไม่เกิดปัญหาแบบนี้ พี่ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนรักพี่ขนาดนี้  แฟนคลับเขาก็มีสิทธิ์ จะแสดงความคิดเห็น ส่วนการด่าก็ต้องเป็นคำที่แรงอยู่แล้ว แต่มันก็มีข้อเท็จจริงที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้น  เรื่องผิดหรือถูก ทุกคนก็คิดว่าตัวเองถูกอยู่แล้ว

คุณสุจะกลายเป็นคนที่แตะต้องไม่ได้ โดนด่าไม่ได้หรือเปล่า

คุณต้องรู้ความจริงก่อนว่าอะไรเป็นอย่างไร การที่มีคนอื่นมาด่าพี่ ก็เพราะเขาไม่ได้รู้ความจริงจากฝ่ายเรา ส่วนกลุ่มแฟนคลับพี่ เขาไปตั้งกลุ่มกันเองในเฟซบุ๊กเป็นกลุ่มเปิด ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้ แต่เขาดึงเราเข้าไปในกลุ่ม ก็เลยมีโอกาสชี้แจง ทุกวันนี้ พี่ก็ยังมีทั้งคนรักคนด่า บางคนก็คิดว่า ถ้าพี่ดีจริงๆ นางแบบคงไม่หนีพี่ไปหรอก เขาก็คิดแบบนี้

เมื่อเราโดนด่าก็มีเครียดบ้าง เพราะมีคนอื่น(บุคคลที่3) อัดคลิปด่าเพราะเขาฟังความข้างเดียว พี่คิดว่า เขาน่าจะหาข้อมูลก่อนที่จะออกมาพูด แต่พี่ก็คิดเหมือนเดิมคือ ทุกคนมีสิทธิ์โดนด่า มีสิทธิ์ถูกเกลียด แต่กำลังใจคนที่รักเราก็ทำให้เราผ่านมาได้ตอนมีปัญหา ส่วนใครอยากด่าก็ด่าไป คนด่าก็จะเครียดไปเองด้วย เรื่องราวมันจะไปกันใหญ่ ก็เพราะมีคนที่ไม่รู้จริงออกมาพูด

ที่มารายการ “ครัวคุณสุ” เป็นคลิปโพสต์ในเฟซบุ๊ก มาได้อย่างไร

ตอนนั้น ก็คิดว่า ลองถ่ายภาพตัวเองแบบบ้านๆ เลี้ยงวัวเลี้ยงควาย กิจกรรมทำไร่ดำนาที่เคยถ่ายไว้ นำมาโพสต์ไปพลางๆ ก่อน ทีนี้แฟนคลับก็ชอบ และแนะนำมา โดยหนึ่งในคำแนะนำนั้น คือ ให้ลองทำ “ครัวคุณสุ” ดูสิคะอาหารอีสานบ้านเรา คนบอกมาเยอะก็เลยลองทำ ก็ไปได้ แล้วก็ทุกคนชอบด้วย สองคลิปแรกได้รับกระแสตอบรับดีมาก แต่คลิป 3-5 ช่วงนั้น มีปัญหาข่าวเยอะเรื่อง “วงแตก” ก็เลยออกอรรถรสไม่เต็มที่ เพราะเครียดด้วย

พอมาถ่ายเองมีคนไลค์ แต่พี่มองตัวเองก็ไม่ค่อยขำเท่าไหร่ก็เลยหานางแบบที่มีบุคลิกลักษณะตลกมาเสริมพี่บ้าง

คนนี้ผู้หญิงหรือกระเทย

เขาเป็นกระเทย อยู่ในหมู่บ้าน เขาชื่อปอน  ยังไม่มีผม ก็เอาวิกมาสวมเฉยๆ ให้น้องมาเสริมเรียกเสียงหัวเราะ เช่น แม่เบี้ย สปา ผีกินเครื่องเส้น  โดยเฉพาะชิ้นผีกินเครื่องเส้นนี่เป็นงานโฆษณานะคะไม่ใช่ถ่ายเฉยๆ งานตัวนั้นพี่ได้ตังค์นะคะ ได้ตลกและได้ตังค์ด้วย

ใครเป็นตากล้องให้

คลิปที่ถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ ที่เป็นกิจกรรมทำไร่ทำนา ก็มีเพื่อนที่เป็นกระเทยกลุ่มเดียวกันถ่ายให้  แต่ช่วงหลังมา คนที่เป็นตากล้อง ก็คือ น้องปอน คนที่พี่จับเขามาถ่ายด้วย เขาเรียนจบ ม.6 บ้านนอกเราไม่มีตังค์ ก็รอหางานทำ เขาก็มาเล่นกับพี่ พี่ก็จับเขาถ่ายแล้วก็ให้ตังค์ค่าขนมไปบ้าง ซื้ออะไรให้บ้าง เด็กบ้านนอก ก็คงต้องขายแรงงาน ซึ่งตอนนี้ ปอนก็ยังไม่มีงานทำ ก็อยู่บ้าน

เบื้องหลังแต่ละคลิป “ครัวคุณสุ” เป็นอย่างไร

เราต้องถ่ายคลิปเดียว ในระยะเวลาสั้นๆ จะได้สะดวกในการอัพโหลดภาพ ถ้าเราจะมาตัดต่อก็ไม่มีความรู้ด้านการตัดต่อ  ไม่มีเครื่องมือ ก็เลยเป็นไฟท์บังคับว่าคลิปเดียวจบ คำพูดก็ไม่มีการคิดมาก่อน ต้องพูดสดๆ ตอนนั้นเลย รวมถึงการเล่นมุข ไม่มีสคริปต์ ไม่มีการตัดต่อ ถ่ายแบบดิบๆ (หัวเราะ)

เวลาถ่าย จะมีอาหาร 2 หม้อ คือ หม้อที่สุกแล้วกับหม้อที่ทำโชว์ อย่างตอนต้มปลาไหล  ระหว่างถ่ายคลิปก็บรรยายว่า 10นาทีผ่านไป รอเวลาอีก 10 นาทีเดี๋ยวอาหารก็สุก ทั้งที่จริงๆ คลิปมันไม่ถึง 10 นาทีหรอก แต่ถ้าฉันยกหม้อมาเปลี่ยนตรงนี้ คนอื่นก็รู้สิ (หัวเราะ)

ถ้างั้นตัดภาพไปตรงโน้น ก็ใช้วิธีให้กล้องหมุนไปทางอื่น แพนไปที่คอกวัวคอกควายไปก่อน ... พอสุพูดว่า อ้าว 10 นาทีผ่านไป ก็เป็นสัญญาณให้ตากล้องหันมาถ่ายเรา ก็เอาหม้อที่อาหารสุกแล้วอีกหม้อหนึ่งขึ้นมาโชว์ แล้วสุ ก็บอกว่านี่นะคะ ก็ชิมได้ อย่างตอนเด็ดใบกระเพราะที่ต้นอยู่ข้างๆ โต๊ะที่วางเตา ก็คิดสดๆ ไม่ได้คิดว่าฉันต้องมาตั้งโต๊ะตรงที่มีใบกระเพรา พอดีบังเอิญเหลือบไปเห็นแล้วมันก็ใช้ได้จริง แล้วไม่ได้เตี๊ยมกับตากล้องว่าจะไปเก็บกระเพรา เตี๊ยมแค่วันนี้ฉันจะทำเมนูอะไรต้องหาให้พร้อม แต่เขาก็ตามไปถ่ายตอนเด็ดกระเพรา

มีการตกแต่งเอาเครื่องปรุงมีใส่เปลือกปลีกล้วย

จริงๆ เริ่มต้นไม่ได้คิดว่าเพื่อความสวยงาม แต่ผลตอบรับดี คนดูรู้สึกว่าเก๋ แต่ที่ไหนได้ เผอิญวันนั้น เห็นปลีกล้วยวางอยู่ แล้วขี้เกียจล้างจาน ก็เลยเอาเปลือกปลีกล้วยมาใส่ ความจริงคือฉัน ขี้เกียจล้างจาน(หัวเราะ) ทุกอย่างมีแต่เรื่องบังเอิญ

อุปกรณ์ ตั้งใจจะไม่ใช้หม้อใหม่สวยๆ หรือเตาแก๊สเหรอ

หม้อดำๆ ก็ใช้ในชีวิตประจำวัน  ถ้าเอาหม้อใหม่ในบ้านที่แม่เอาไว้ในตู้ ถ้าเอามาตั้งไฟ ฟม้อก็จะดำ เสียเวลาขัด ก็เลยเอาหม้อดำๆ ที่ใช้อยู่ทุกวัน ก็เลยจบ แต่มันก็มีเสน่ห์ใช่ไหม นี่แหละ(หัวเราะ) วิถีชีวิตจริงไง

ทำแล้วกินจริงๆ ได้ใช่ไหม      

ทุกอย่างกินได้จริงนะคะ ไม่ได้ทำเล่นๆ พอพี่ทำเสร็จแล้วก็มีเด็กเอาไปกิน อย่างป่นกบ ไม่ได้กินนานแล้ว ก็กินเพราะต้องถ่ายคลิป หรือวันนั้นต้มปลาไหล เคยกินตอนเป็นเด็ก แต่ก็เป็นคนกลัวงู ก็ไม่ได้กินปลาไหลนานแล้ว ต้องเลี่ยงโดยการบอกว่าตัวเองเป็นริดสีดวงบ้าง(หัวเราะ)

พอทำเสร็จก็ไม่ได้เอาไปทิ้ง ก็มีน้อง เด็กๆ ผู้ชาย เอาไปกินกัน อย่างป่นกบน้องตากล้องก็เอาไปกินหมดเกลี้ยง

จากชนบทสู่เมือง

พอเราเป็นที่รู้จักขึ้นมา ก็ต้องมีการจ้างงานบ้าง เข้าเมืองมาก็มาทำงาน มีงานให้พี่ทำที่ก็ทำ จากเดิมเย็บผ้าในโรงงานก็ไม่ได้เย็บผ้าแล้ว เพราะกระแสตรงนี้มันมาแรง ก็ต้องออกมาทำตรงนี้ พอรู้ว่ามันมีรายได้จากตรงนี้ พอที่เราจะอยู่ได้ งานหนึ่งมันก็ดีกว่าเราทำงานโรงงานทั้งเดือน

เรียกได้ว่า ชีวิตเปลี่ยนไปเลยไหม

การดำเนินชีวิตก็ยังเหมือนเดิม ก็ยังอยู่บ้าน กินอะไรก็เหมือนเดิม ไม่ได้มีเงินเยอะ หนี้สินก็ยังมีเหมือนเดิม งานก็มีตั้งแต่ 2,000-3,000บาท หรือมีงานหมื่นบ้าง แต่ค่าใช้จ่ายหนี้สินก็ยังเหมือนเดิม บอกตรงๆ ตั้งแต่รับงานมา มีเงินเก็บแค่ 120,000 บาท

หนี้สินมาจากอะไร

ส่วนหนี้สินของครอบครัวตามประสาชนบท เช่น หนี้ ธกส. ของพ่อของแม่  “กองทุนเงินล้าน” หนี้หยิบยืมให้ลูกหากินไปวันๆ ของสังคมชนบท หาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องก็เป็นหนี้เป็นสิน มีความแห้งแล้งภาคอีสานยากจน สังคมชนบทถึงเราไม่อยากเป็นหนี้ก็ต้องเป็นหนี้อยู่ดี ชีวิตมันขัดสน สังคมบ้านนอก ต้องเป็นหนี้ ธกส. ต้องใช้ดอก ในหมู่บ้านก็มีหนี้นอกระบบแต่เป็นส่วนน้อย

ชีวิตก็ยังมีเหมือนเดิม ใช่ว่าเราจะมีชื่อเสียงแล้วจะต้องมีเงินนะ เพราะบางงาน 1,000 บาท เราก็ไป 2,000 บาท เราก็ไป ใช่ว่างานเป็นหมื่นเป็นแสน

เงินที่เรามี 120,000 สำหรับคนอื่นอาจจะแค่เศษเงิน แต่สำหรับพี่ พี่เพิ่งมีเงินขนาดนี้  แต่ถึงมีเงินเก็บหลักแสน ชีวิตก็ยังปกติเหมือนเดิม เพราะยังต้องทยอยใช้หนี้สินเบ็ดเสร็จก็ 200,000-300,000 บาท และยังต้องเลี้ยงครอบครัว สรุปชีวิตก็ยังเหมือนเดิมปกติ ยังไม่หมดหนี้ และยังไม่มีงานเข้ามาตลอดเวลา คือ พออยู่ได้

ถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนก็คือ มีคนรู้จักเรามากขึ้น แต่ถามว่า รวยไหมก็ไม่รวย ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง

มีคนมาเสนอตัวเป็นนางแบบนายแบบให้พี่สุปั้น เยอะไหม

เยอะมาก ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย รวมถึงกระเทยอย่างพี่ มีทุกเพศ แต่ติดปัญหาระยะทางไกลและไม่มีเวลาทำให้เขา เพราะไม่สะดวก ก็อาศัยให้น้องในหมู่บ้านวันที่เขาว่างก็ให้เขามาเป็นนางแบบให้ วันไหนเขาไม่ว่าง ก็ต้องพึ่งตัวเองทุกอย่างตอนนี้

แล้วที่กลัวคือ ทุกคนเวลาเห็นเงินเข้ามาก็มักจะมีปัญหา ตอนแรกก็อาจจะตกลงกันได้ดี แต่พอเห็นเงินเข้ามา ความคิดมันเปลี่ยน มีคนถามว่าทำไมเธอไม่ทำสัญญา เราก็คิดว่าจะทำไปทำไม ในเมื่อเป็นน้องนุ่ง บ้านเดียวกัน ถ้ามีปัญหาเราจะกล้าไปฟ้องเขาเหรอ ก็คนบ้านเดียวกัน จะทำร้ายกันได้ขนาดนั้นเลยเหรอ ในความคิดของพี่นะ ทั้งต่ออดีตและอนาคต

ตอนแรกก็อาจจะไม่มีเรื่องผลประโยชน์ เพราะยังไม่มีคนรู้จักมาก แต่พอเงินมา ความคิดคนก็เปลี่ยน ก็เลยไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับใครมาก เพราะเราเคยเห็นปัญหาแล้วไง บางทีอาจจะไม่ใช่เพราะตัวนางแบบเอง แต่เป็นเพราะคนใกล้ตัวของเขา พอเห็นเงินแล้วคิดว่ามันได้ขนาดนี้เลยเหรอ หาเงินเดือนหนึ่งได้หมื่นหนึ่งก็ดีสำหรับชีวิตบ้านนอก ก็เกิดคำถามได้ว่า ทำไมไม่ไปหาเองเลยล่ะ มาแบ่งเขาทำไม ในเมื่อก็ไปได้ประมาณนี้ พี่ก็เลยเบื่อ จึงคิดว่า ถ้าเพจจะล่ม หรือไปได้ ก็ขอให้เป็นเพราะตัวเราเป็นหลักดีกว่า นี่คือที่พี่คิดตอนนี้ ถ่ายปอนก็ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไร เพราะยังไม่ได้เอาจริงเอาจัง 

มีเยอะนะ ประเพณีอีสานบ้านๆ โดยไม่ต้องมีนางแบบก็ได้ ขอแค่ไปถ่ายมา หรือ การทำอาหาร ก็มีคนแนะนำมาเยอะมาก โดยเฉพาะ คนอีสานไปอยู่เมืองนอกเยอะ แฟนคลับต่างประเทศเยอะเหมือนกัน เขาอยากเห็นแบบนั้นแบบนี้

เพจ sexy pancake เป็นของใคร

เพจนี้ พี่เป็นคนสร้างขึ้นมาเอง พี่เป็นแอดมินดูแลทุกอย่างตั้งแต่แรก แล้วชื่อ แพนเค้ก พี่ก็เป็นคนเรียกเขาคนแรก เป็นคนตั้งชื่อให้เอง ตอนอยู่บ้านนอกก็มี เด็กๆ เรียกแพนเค้กตามพี่ แต่คนเฒ่าคนแก่เขาก็ยังเรียกเหน่ง เขาไม่ได้เรียกว่าแพนเค้ก

เพจนี้เป็นของพี่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขาเป็นแค่นางแบบ ในความคิดของพี่ตอนนี้คือ sexy pancake อาจจะเหมือนนิตยสารเล่มหนึ่งที่นางแบบจะเป็นใครก็ได้ ถ้านางแบบคนหนึ่งสามารถต่อยอด ให้ตัวเองไปได้ดีไม่มีเวลามาทำตรงนี้ พี่ก็จำเป็นต้องหานางแบบคนใหม่ หรือว่า ถ้านางแบบคนหนึ่งกระแสตก ทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็ต้องตัดออกไป ก็ต้องหานางแบบคนใหม่ เหมือนนิตยสารหรือเหมือนเวทีประกวด เวทีหนึ่งซึ่งมีการเปลี่ยนทุกปี ของเราอาจจะ เปลี่ยนทุก 3 เดือนหรือยังไง ก็แล้วแต่สถานการณ์

Sexy pancake คือ ยี่ห้อหนึ่ง เวทีหนึ่ง นิตยสารเล่มหนึ่ง ที่สุ เป็นเจ้าของ ก่อตั้งขึ้นมาแล้วแต่สุจะให้ใครเป็นนางแบบในวาระเท่าไหร่ๆ เท่านั้นเอง คะ

เป็นแอดมินคนเดียวหรือเปล่า

ตอนนี้ มีแอดมินอีกคนหนึ่ง ที่เขาเป็นเจ้าของค่ายเพลง essa entertainment ชื่อ พี่เอ็ดดี้ คือช่วงก่อนเกิดเรื่อง เพจพี่มีปัญหาเข้าไม่ได้ พี่เขาเข้ามาช่วยแก้ไขให้ แล้วทีนี้ สุเลยให้พี่เขาเป็นแอดมินอีกคนเผื่อว่าเพจเกิดมีปัญหา พี่เขาจะได้ช่วยแก้ไขให้ พี่เขามีความรู้เรื่องนี้ไง ถ้าไม่ได้พี่เขา เพจพี่ก็คงจะจบไปแล้วตั้งแต่มีเรื่องแยกวงขึ้นมา

คิดว่า ทำไมเพจยังอยู่

คิดว่าเพราะคนชอบวัฒนธรรมพื้นบ้านอีสาน ชอบความเป็นอีสาน ชอบความเป็นชนบท สำหรับคนอยู่ต่างประเทศก็เยอะไง เขาอาจจะคิดถึงบ้าน ถ้าได้เห็นอะไรเกี่ยวกับวิถีชีวิตบ้านๆ เขาก็คงชอบ ทำให้หายคิดถึงบ้านบ้าง หรือว่า เพิ่มความคิดถึงบ้าน บ้าง

แล้วที่สำคัญคือ พี่คิดว่าไอเดีย ไอเดียก็คืออย่างเช่น นางแบบคนใหม่ ที่เอามาเสริม พี่ให้เขาทำตามไอเดียพี่ ยอดไลค์ก็ยังเป็นแสน ก็แสดงว่ามันสำคัญที่ไอเดีย ไม่ได้สำคัญที่ตัวนางแบบ ถ้ายึดติดกับนางแบบ แล้วทำไมพี่เอานางแบบใหม่เข้ามา ภาพก็ยังตลก ทำไมมีคนไลค์เป็นแสนเหมือนเดิม มันก็น่าคิด

นางแบบคนเดิม อาจจะมีความตลกด้วยหน้าตาและการโพสต์ท่าด้วยไอเดียที่พี่ใส่ให้เขา พอเขาไม่อยู่ พอพี่เอานางแบบคนใหม่มาก็ยังได้เหมือนเดิม

แต่ละภาพที่เอามาโพสต์ ผ่านการคิดคอนเส็ปท์ก่อน

ต้องคิดก่อนวิธีคิดคือ 1 หาได้ตามพื้นที่ 2 ทำยังไงให้ภาพออกมาตลก คนหัวเราะ สำหรับกรณีภาพที่ตลก

นอกจากตลกแล้วมีภาพแบบอื่นไหม

ภาพพี่เองก็ไม่ตลกนะ เป็นภาพธรรมดาของชีวิต เมื่อสมัยพี่เป็นเด็ก ไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ก็ไปถ่ายกับควาย ถือวิทยุทรานซิสเตอร์ ภาพนี้คนคลิ๊กเป็นแสน มันไม่ตลก แต่มันเป็นชีวิตจริงเมื่อก่อน คนก็อาจจะชอบ

ภาพนั้นคนดูก็ยิ้มได้ แต่คุณสุไม่คิดว่ามันตลกเหรอ

ต้องถามคนนอก เพราะสำหรับพี่มันก็ไม่ตลก แต่สงสัยคนชอบดูภาพวิถีชีวิต เพราะเห็นยอดไลค์ก็เยอะ คอมเมนต์ก็เยอะ เขาชอบวิถีชีวิตหรือเปล่า

ภาพโพรไฟลล์ นั่งอาบน้ำมายังไง

อันนั้นก็มาจากการไปถ่ายโฆษณาครีมตัวหนึ่ง วิวมันสวย ก็ลองคิดว่าสาวบ้านนาสมัยก่อน 20-30ปีย้อนหลัง อาบน้ำสระอาบน้ำท่าแบบนี้ แล้วจะอาบยังไง ถึงจะไม่ตลกแต่สวยเหมือนชีวิตจริงๆ

ทำเพจด้วยเนื้อหาชนบท แต่เผยแพร่ไปทั่วโลก

ตอนแรกพี่ก็ไม่รู้ ว่ามันจะทำให้คนรู้จักเรา ตอนแรกคิดว่าจะรู้จักเฉพาะ คนรู้จักที่เล่นเฟซบุ๊ก เช่น พี่มีเพื่อนในเฟซบุ๊ก 10 คน ตอนแรกก็คิดแค่ว่า 10 คนนี้ ต้องเห็นภาพของฉัน แค่ 10 คน แต่ที่ไหนได้ ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะ ความจริงเขาเอาไปแชร์ได้ ตอนแรกไม่รู้ว่ามีการแชร์

ทุกอย่างที่มีวันนี้ เริ่มแรกก็เกิดจากความไม่รู้ ว่ามันสามารถทำให้คนทั้งโลก เห็นได้ ซึ่งตัวพี่ตามเทคโนโลยีไม่ทัน เพราะตัวพี่ไม่มีความรู้เรื่องเทคโนโลยี เรื่องเกี่ยวกับโซเชียลเน็ตเวิร์ค พี่ไม่มีความรู้เลย ทุกวันนี้ พี่ก็ยังไม่มีความรู้เท่าไหร่เกี่ยวกับเรื่องนี้

 คิดอย่างไรกับฟีดแบคกลับมามันมีพลังแค่ไหน

ฟีดแบคที่กลับมา มีพลังมาก เช่น 1 มีคนรู้จักเราเยอะขึ้น 2 มีงานโฆษณางานจ้างงานโชว์ตัวเข้ามา ตกใจเหมือนกัน แล้วพอเกิดปัญหาก็มีกลุ่มคนที่รักเรา กลุ่มคนที่ไม่ชอบเรา เนี่ย ทุกอย่างมันแปลกมากสำหรับชีวิตกระเทยบ้านนอก กระเทยบ้านนอกคนหนึ่งธรรมด๊าธรรมดา ทำไร่ทำนา มีแฟนคลับเหมือนดารา เป็นไปได้ยังไง เนี่ยมีหลายอย่างแปลกใหม่สำหรับตัวพี่มากเลย ซึ่งไม่เคยคิดมาก่อน ว่ามันจะมีแบบนี้

ตั้งรับอย่างไรกับปัญหาที่เปลี่ยนไป ไม่ทำให้เตลิดเปิดเปิง

อาจจะเป็นวิธีคิดของพี่ คือมีคำแนะนำกำลังใจจากแฟนคลับมีความสำคัญ และตัวเองก็สำคัญที่สุด อย่างที่พี่บอก ทุกคนมีสิทธิ์ด่า ทุกคนมีสิทธิ์ชอบ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ต้องรู้ตัวเราเอง ต้องอยู่กับตัว ถ้าเราเข้าใจสถานการณ์และความจริง ก็นิ่งดีกว่าไปร้อน

อยากใช้ชีวิต”ไฮโซ” บ้างหรือเปล่า

น้องขา เราต้องรู้ตัวสิคะ ว่าเราอยู่ยังไง สถานะ และฐานะเราเป็นอะไร เงินแค่นี้สำหรับพี่สำหรับครอบครัวพี่มันเยอะ เพราะไม่เคยมี แต่มันอาจจะเป็นเศษของเศษเงินของคนอื่นๆ แล้วเราจะเอาเงินส่วนนี้ไปถลุงกับปัญหาที่มันเกิดขึ้น เพื่ออะไรคะ ทั้งที่อนาคตข้างหน้าครอบครัวเราก็ยังอยู่ ก็ต้องกินต้องใช้ตลอดไป

เงินแค่นี้ ถึงจะเป็นสังคมบ้านนอก ถ้าเอาเข้าจริงๆ ก็อยู่ลำบากสุดๆ เหมือนกัน ทุกวันนี้ ก็ปากกัดตีนถีบเหมือนกัน ถ้าเอาเงินส่วนนี้ไปถลุง แล้วต่อไปข้างหน้าเราจะใช้ที่ไหน เราต้องรู้จักใช้ให้เป็น พ่อแม่ก็ยังมี ลูกหลานก็ยังมี ครอบครัวก็ยังมี ต้องกินต้องใช้ตลอด ซึ่งเงินพี่ก็ไม่ได้เก็เองถึงจะอายุ 35-36 แล้ว แต่เงินที่ได้มา เหลือจากไว้ให้ตัวเองเดินทางกับค่าใช้จ่ายโทรศัพท์ ก็ให้แม่เก็บ เป็นบัญชีแม่ ตรวจสอบได้

ดังแล้วไม่ คิดว่าเงินจะมาเรื่อยๆ หรือ

ชีวิตปกติอยู่บ้านนอก ก็ยังเหมือนเดิม สังคมรอบข้างก็ยังเหมือนเดิม ทุกอย่างเหมือนเดิม จะเปลี่ยนก็ตรงที่มีงานในกรุงเทพฯ เดินทางเข้าเมืองบ้าง งานสองงานพอได้ค่าอยู่ ค่ากิน ค่าอินเตอร์เนต ซึ่งมันก็ไม่ได้อะไรมากๆ    

 เงินเดือนเดิม ตอนทำงานโรงงาน เป็นอย่างไร

ช่วงมีข่าววงแตก มีข่าวว่า พี่ยอมออกจากงานเงินเดือนหมื่นห้า มารับงานกับนางแบบ แล้วพี่อยากถามว่า เงินเดือนบ้านนอกที่ไหนจะถึงหมื่นห้า เดือนไหนที่มีโอทีเลิกดึกๆ เดือนหนึ่งก็ยังไม่ถึงหมื่นเลย อย่างมากก็หมื่นซึ่งถ้าจะถึงขนาดนั้น แปลว่า เราต้องมีโอทีถึงห้าทุ่มทุกวัน กว่าจะถึงบ้านก็ตีหนึ่ง แล้วตื่นตีห้า เตรียมตัวอาบน้ำ ทำกับข้าว ไปทำงาน กว่าจะได้เข้าบ้านก็ตี1

เดือนหนึ่งมีวันหยุด 4 วัน วันทำงาน 26 วัน วันละ 300 บาท ถ้าไม่มีโอที มันจะเท่าไหร่เอง ถ้ามีโอทีเพิ่มไปอย่างมากก็ 7,000-8,000 บาทเต็มที่แล้วถ้ามีโอทีเข้ามา  ไม่ถึงหมื่นห้าหรอกคะ   

เคยโพสต์ว่า เป็นเด็กวัดที่วัดยานนาวา

ตอนพี่จบ ม.6 ใหม่ๆ มาหางานทำในกรุงเทพฯ ก็ได้งานที่ช่องนนทรี เกือบ 20 ปีที่แล้วค่าแรงวันละ 120-130 บาท เงินไม่

พอใช้ ก็ไปเป็นเด็กวัด ตอนเช้าไปหิ้วบาตร ไปกับหลวงตาเดินบิณฑบาต ถือถุงกับข้าว เพราะความจนไม่มีเงิน พอกลับวัดก็แต่งตัว นั่งรถแดงมาทำงานบริษัทไรท์พิคเจอร์ ออนป้า ที่ช่องนนทรี ทำเกี่ยวกับวีดีโอหนัง เมื่อก่อนยังไม่ใช่ซีดี พี่ก็เอาของลงกล่อง ส่งตามที่ต่างๆ พี่เคยทำก่อสร้าง งานไร่อ้อย งานเข็นผลไม้ขาย ที่วงเวียนใหญ่

ตอนอยู่ ม.2 ปิดเทอมก็จากพ่อจากแม่ มาทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯ แถวมีนบุรี บางกะปิ หรือที่อยุธยา ปากน้ำก็เคยไป กับคนอื่น สมัยก่อนม.2  ร้องไห้คิดถึงบ้าน เวลาปิดเทอมก็เข้ามาทำงานกรุงเทพฯ แล้วก็เคยอยู่ตัวเมืองขอนแก่น วนเวียนเป็นสาวโรงงาน หรือไม่ก็ก่อสร้าง หลังๆ ก่อนที่พี่จะทำเพจ ก็มีโรงงานขยายไปแถวๆ บ้านบ้าง เป็นโรงงานเย็บผ้า พี่ก็เลยปักหลักที่โรงงานนั้นเลย

ถ้าไม่ได้ทำเพจ ชีวิตจะเป็นอย่างไร

ถ้าไม่มีเพจนี้ ตอนนี้ พี่ก็คงทำงานโรงงาน แม้แต่ตอนกระแสดังแรกๆ ก็ยังทำงานโรงงานอยู่

////////////

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท