Skip to main content
sharethis

วันที่ 16 ต.ค.56 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวภายหลังร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจที่มีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมเป็นประธานว่า ที่ประชุมไม่ได้หารือเรื่องโครงการรับจำนำข้าว แต่เนื่องจากเรื่องดังกล่าวอยู่ในกระแสจึงขอชี้แจงว่า ประเทศจีนซื้อข้าวจากไทยหลายวิธีการ แต่ล่าสุดในการเดินทางเยือนประเทศไทยของนายหลี่ เค่อ เฉียง นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ไทยและจีนได้ลงนามว่าจะซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) อย่างต่อเนื่องให้ได้ปีละ 1 ล้านตัน ซึ่งราคาซื้อขายจะเท่าไรนั้นในเดือนพ.ย.หรืออย่างช้าในเดือนธ.ค. ตนและคณะจะไปหารือกับรมว.พาณิชย์จีนอีกครั้ง โดยประเทศจีนอาจส่งรัฐวิสาหกิจมาซื้อแบบจีทูจีอีกก็ได้ โดยไทยจะขายข้าวคุณภาพดี ราคาสูงและคุณภาพดีกว่าข้าวของประเทศเวียดนาม รวมทั้งใช้ราคาตลาดโลกเป็นราคาอ้างอิง แต่จะไม่กำหนดราคาไว้เพราะเป็นการขายข้าวในระยะยาว
       
นายนิวัฒน์ธำรง กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ในการเยือนของนายกฯจีนยังมีการลงนามว่าจะซื้อขายระหว่างรัฐวิสาหกิจกับเอกชนของไทยให้ได้ 1 ล้านตันใน 5 ปี  รวมถึงยังมีการขายแบบรัฐต่อเอกชน เอกชนซื้อกับเอกชนอีก ส่วนการขายข้าว 1.2 ล้านตันให้มณฑลเฮย์หลงเจียงนั้นไม่เกี่ยวกับยอดขายข้าวแบบจีทูจีครั้งนี้ แต่คาดว่าการซื้อขายดังกล่าวจะลงนามซื้อขายได้ภายในเดือนต.ค.นี้ ดังนั้น ขณะนี้มีการขายที่แน่นอนแล้ว 3 ยอด ได้แก่ ขายข้าวมณฑลเฮย์หลงเจียง จีทูจี และรัฐวิสาหกิจจีนและเอกชนไทย อย่างไรก็ตาม ช่วงนี้เราจะเจรจาขายข้าวกับอีกหลายประเทศทั้งประเทศอิรัก และอินโดนีเซีย สำหรับสต็อกรัฐบาลที่สามารถขายได้มีประมาณ 10 ล้านตัน ที่เหลือเป็นข้าวที่มีพันธสัญญาแล้ว
       
รมว.พาณิชย์ ยังกล่าวถึงกรณีม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลขาดทุนกว่า 4 แสนล้านบาทว่า ข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าหนังสือพิมพ์นั้นมีเพียง 7 บรรทัด เนื้อหาเพียง 2 หน้า คิดว่ามีหลายตัวเลขต้องขอข้อมูลเพิ่มเติมว่าเป็นตัวเลขจากอะไร ตรงกันหรือไม่และนำมาจากไหน เพราะข้อมูลสั้นมากพิสูจน์อะไรไม่ได้ หากมีข้อมูลเรื่องทุจริตนั้นหากใครมีข้อมูลก็จะต้องไปขอเพื่อมาดำเนินคดี ทั้งนี้ โครงการจำนำข้าวเป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกที่จะนำมาเข้าโครงการหรือไม่ก็ได้ ปัจจุบันจำนำอยู่ที่ปีละ 22 ล้านตัน จากผลผลิตทั้งหมด 38 ล้านตันหรือ 60% ของผลผลิตทั้งหมด โดยในปี 2555 ใช้เงินในโครงการ 3.4 แสนล้านบาท และปี 2556 ใช้เงินในโครงการ 3.3 แสนล้านบาท โอนเงินให้เกษตรกรในบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) โดยตรง วงเงิน 3.3 แสนล้านบาทก็เข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงไม่มีใครเอาไปที่ไหน ไปดูได้ว่าที่ธ.ก.ส. มีบัญชีเกษตรกรกว่า 2 ล้านบัญชี
 
รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการขายข้าวนั้นก็ยังขายอย่างต่อเนื่อง และใช้เงินคืนธ.ก.ส.แล้วกว่า 1.6 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้าวของปี 2554ปี 2555 และปี 2556 เหลืออยู่ ขณะที่การขาดทุนในโครงการนั้นต้องรอขายข้าวให้หมดก่อนจึงจะปิดบัญชีได้ ตัวเลขการปิดบัญชีที่ตนเห็นล่าสุดคือ ตัวเลขปิดบัญชีในเดือนมกราคม 2556 ฉบับอื่นยังไม่เห็น โดยบัญชีล่าสุดขาดทุนประมาณ 1 แสนล้านบาท แต่ยังมีข้อถกเถียงเรื่องการคิดราคาจำนวนข้าวที่เหลือในสต็อก ขณะนี้หลายฝ่ายอยู่ในระหว่างการประเมินตัวเลขการขาดทุน ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ก็ยังไม่ได้ประเมินการขาดทุนอย่างจริงจังเพราะยังขายของไม่หมด อย่างไรก็ตาม หลักการโครงการจำนำข้าวเป็นการพยุงราคาข้าว ถ้าไม่มีโครงการรับจำนำ ราคาข้าวก็จะไปขึ้นอยู่กับราคาตลาด ราคาที่เกษตรกรขายได้จะอยู่ที่ 7,000 บาทต่อตันเท่านั้น เมื่อรัฐบาลไปเติมส่วนต่างตันละ 2,500 บาทต่อตัน ราคารวมก็ยังไม่ถึง 1 หมื่นบาทต่อตัน แต่ถ้ามีโครงการจำนำข้าวอย่างแย่ที่สุดเกษตรกรจะได้รับที่ 1.1 หมื่นบาทต่อตัน
       
ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการจำนำข้าวขาดทุน 4.2 แสนล้านบาทจริงหรือไม่ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า โครงการที่ผ่านมาใช้เงินทั้งสิ้น 3.3 แสนล้านบาท หากขาดทุน 2 แสนล้านบาทต่อปี เท่ากับว่ารัฐบาลขายข้าวในราคาประมาณ 30% ของราคาที่ซื้อมา ซึ่งต่ำเกินไป ทุกปีที่ช่วยชาวนารัฐบาลเตรียมงบประมาณไม่ต่ำกว่าปีละ 6 หมื่นล้าน และที่ผ่านมาก็รับซื้อข้าวกว่า 22 ล้านตัน จึงอาจขาดทุนแบบสมเหตุสมผลที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท

ด้นนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการเปิดงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้ง 18 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เกี่ยวกับแนวทางการรับจำนำข้าวเปลือก เพราะ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เห็นด้วยกับแนวทางการช่วยเหลือเกษตรกร ด้วยการชดเชยให้เกษตรการเพิ่มเติมจากระดับราคาตลาด เหมือนกับที่รัฐบาลช่วยเหลือชาวสวนยาง เพื่อนำมาใช้กับการจำนำข้าว รัฐบาลพร้อมรับข้อเสนอแนะของฝ่ายต่าง ๆ เพื่อนำมาดูแลราคาสินค้าเกษตร


ส่วนการเปิดเผยข้อมูลการขาดทุนจากรับจำนำข้าวเปลือก 4.2 แสนล้านบาทของปีที่ผ่านมา มองว่าเป็นการเข้าใจผิดของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร

สำหรับกรอบวงเงินที่ใช้รับจำนำข้าวเปลือกฤดูการผลิตปี 56/57 นั้น รัฐบาลจะบริหารให้อยูในวง 2.7 แสนล้านบาท จึงไม่เป็นห่วงเรื่องวงเงินที่ใช้สำหรับการรับจำนำข้าวเปลือก เพราะงบประมาณปี 57 ได้ผ่านความเห็นชอบจากสภาแล้ว ทำให้มีเงินชดเชยคืนให้กับ ธ.ก.ส. หลังออกสำรองจ่ายให้ไปแล้ว 90,000 ล้านบาท และยังต้องเร่งกระทรวงพาณิชย์ระบายข้าว เพื่อนำเงินมาใช้รับจำนำ เรื่องวงเงินการใช้จึงไม่น่าเป็นห่วง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา ม.ร.ว.ปรีดิยาธรได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึง "ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร" ทบทวนโครงการรับจำนำข้าว หันใช้แนวทางเดียวกับการให้ความช่วยเหลือชาวสวนยาง โดยระบุว่าโครงการจำนำข้าว 2 ปีขาดทุน  425,000 ล้าน  ชาวนาจะได้รับไม่ถึงครึ่ง รั่วไหลจากการทุจริตถึง 115,831 ล้าน 

ด้านความเคลื่อนไหวของฝ่ายค้า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 17 ตุลาคม ฝ่ายค้านได้เตรียมประเด็นกระทู้ถามสดโครงการรับจำนำข้าว จากกรณีที่หลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ออกมาระบุว่าจะซื้อข้าวจากไทย 5 ปี 1 ล้านตัน แต่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กลับออกมาระบุว่า จีนจะซื้อข้าว 5 ปี 5 ล้านตัน ยังไม่มีความชัดเจน มีความแตกต่างหลายเท่า น.ส.ยิ่งลักษณ์พูดชัวร์หรือมั่วนิ่มกันแน่ ไม่ใช่วิสัยของผู้นำที่ทำให้สังคมเคลือบแคลง นายกฯต้องออกมาตอบ

ขณะที่ ป.ป.ช. เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบ 'กิตติรัตน์' กรณีทุจริตโครงการจำนำข้าว  โดยเมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ศ.พิเศษ วิชา มหาคุณ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนการทุจริต โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล กล่าวถึงการดำเนินการพิจารณาคดี ในขณะนี้ว่า ทาง ป.ป.ช.ได้เตรียมตั้งคณะอนุกรรมการชุดใหม่ขึ้นมาดำเนินการ ตรวจสอบกรณีการจำหน่วยข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี โดยมีบริษัท สยามอินดิก้า เข้ามาเกี่ยวข้องตามคำร้องของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ขอให้มีการตรวจสอบ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมทั้งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ด้วยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริตในการขายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่ เนื่องจากพบว่า บริษัท สยามอินดิก้า ดังกล่าวได้มีการถูกฟ้องล้มละลายไปแล้ว และได้กลับมามีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายข้าวครั้งนี้ ซึ่งทาง ป.ป.ช. ถือว่าเป็นกรณีใหม่ ที่ไม่ได้เป็นการร้องซ้ำ จึงรับไว้พิจารณาเตรียมตั้งอนุกรรมการไต่สวนต่อไป ว่าบริษัทดังกล่าวเป็นตัวแทนของรัฐจริงหรือไม่

 

 

ที่มา: เว็บไซต์ASTV-ผู้จัดการ, เว็บไซต์สำนักข่าวไทย,  เว็บไซต์ไอเอ็นเอ็น

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net