Skip to main content
sharethis

กมธ.นิรโทษฯ ซีกเพื่อไทยเสนอแก้เนื้อหานิรโทษกรรมครอบคลุมถึง "แกนนำ-ผู้สั่งการ" ที่กระทำผิดคดีชุมนุมทางการเมือง ที่เกิดตั้งแต่ ปี 47- 56 ยกเว้นความผิด ม.112 ด้าน "แก้วสรร-อภิสิทธิ์" ท้วงขัดต่อหลักการและเหตุผลในร่างเดิมที่ "วรชัย" เสนอ

18 ต.ค. 56 - ไทยรัฐออนไลน์รายงานว่าที่รัฐสภา บรรยากาศการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม แก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ที่มีนายสามารถ แก้วมีชัย ประธานกรรมาธิการ เป็นประธานการประชุม เป็นไปอย่างวุ่นวาย  ทันที ที่นายประยุทธ ศิริพานิชย์ กรรมาธิการเสียงข้างมาก จากพรรคเพื่อไทย เสนอแก้ไข เนื้อหาในมาตรา 3 ของร่างเดิมที่ นายวรชัย เหมะ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอ

โดยแก้ไข ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้น ของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือ ความขัดแย้งทางการเมือง หรือ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิด โดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 รวมทั้งองค์กรหรือหน่วยงานที่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าว สืบเนื่องต่อมาที่เกิดขึ้น ระหว่าง พ.ศ. 2547 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิด และความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ รวมถึงผู้มีอำนาจตัดสินใจ และผู้สั่งการด้วย แต่ไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ทั้งนี้ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย อาทิ นายแก้วสรร อติโพธิ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้า ปชป. ได้ทักท้วงว่า การเขียนกฎหมายลักษณะเช่นนี้ เข้าข่ายนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดฐาน ทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งขัดต่อหลักการและเหตุผล ในร่างเดิม ที่นายวรชัย เสนอ ทำให้ตั้งข้อสังเกต ได้ว่า เป็นการเสนอกฎหมายเข้ามาเพื่อนำมาแก้ไขในชั้นกรรมาธิการฯ หรือไม่ อีกทั้ง เห็นว่า น่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 309

นายแก้วสรร มองว่า หากแก้ไขเช่นนี้ ผู้ที่ได้รับประโยชน์ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นบุคคลเดียวที่ถูก คตส.ดำเนินคดีในประเด็น คอร์รัปชัน ซึ่งหากมาตรา 3 เป็นไปตามที่แก้ไข อาจทำให้เกิดความวุ่นวายมากขึ้น

โดยเฉพาะการชุมนุมบริเวณแยกอุรุพงษ์ ที่จะมีจำนวนผู้ชุมนุมมากขึ้น หลังข่าวการแก้ไขออกไป พร้อมเสนอให้แก้ไขมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ โดยระบุ ท้ายบทเฉพาะกาลให้คดีที่เห็นว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมให้สามารถต่อสู้ในกระบวนการยุติธรรมตามปกติ

ขณะที่ กรรรมาธิการเสียงข้างมาก ต่างแสดงความคิดเห็นสนับสนุน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และประเทศเกิดความสมานฉันท์

จากนั้น กรรมาธิการเสียงข้างน้อย เช่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายถาวร เสนเนียม นายแก้วสรร อติโพธิ นายธนา ชีรวินิจ และนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ได้เสนอปรับแก้เนื้อหาในมาตรา 3 โดยส่วนใหญ่ครอบคลุมความผิดตาม พ.ร.บ.มั่นคงฯ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เท่านั้น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net