Skip to main content
sharethis

เครือข่ายกล้าคิดซึ่งประกอบจากนักกิจกรรมนักศึกษาจาก7สถาบันการศึกษา ภาคใต้ ชี้เพื่อไทยดันนิรโทษทักษิณเกิดวิกฤติ วอนรัฐบาลยันหลักการร่างวรชัย ไม่นิรโทษแกนนำ-ผู้สั่งการ นิรโทษนักโทษทางความคิด ม.112 ปลดล็อคทักษิณโดยการล้มล้างผลพวงรัฐประหาร แก้ รธน.309

แถลงการณ์ร่วมเครือข่ายกล้าคิด สร้างมิตร สร้างประชาธิปไตย


สืบเนื่องจากการประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเพื่อไทยในวันที่ 29  ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา มีวาระการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้กระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน โดยหลังการประชุมได้มีมติว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล  จะลงมติในทิศทางเดียวกัน  เพื่อสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ตามที่กรรมาธิการเสียงข้างมาก ซึ่งมีใจความสำคัญอยู่ในมาตราที่ 3 ซึ่งบัญญัติว่า

"ให้บรรดาการกระทำทั้งหลายทั้งสิ้นของบุคคลหรือประชาชนที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมือง หรือความขัดแย้งทางการเมือง หรือที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กระทำผิดโดยคณะบุคคลหรือองค์กรที่จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ.2549 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2556 ไม่ว่าผู้กระทำจะได้กระทำในฐานะตัวการ ผู้สนับสนุน ผู้ใช้ให้กระทำ หรือผู้ถูกใช้ หากการกระทำนั้นผิดต่อกฎหมาย ก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง การกระทำในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112"

จากมาตรา 3 เดิมที่มีเนื้อหาครอบคลุมบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมือง หรือบุคคลซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการแสดงออกทางการเมือง ที่มีห้วงเวลาตั้งแต่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ถึงวันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 โดยไม่รวมถึงการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ซึ่งการเปลี่ยนสาระสำคัญของ พ.ร.บ. นิรโทษกรรมฯ ดังกล่าว  เป็นการจงใจแก้ไขเพิ่มเติมและบิดเบือนสาระสำคัญของร่างเดิม ที่ผ่านความเห็นชอบของสภาในวาระแรก เพียงเพื่อฉวยโอกาส ช่วยเหลือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ทั้งยังเป็นการนิรโทษกรรมฯ ครอบคลุมแกนนำทุกฝ่าย ทั้ง นปช. และ พันธมิตร และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ การนิรโทษกรรมฯ ให้กับผู้สั่งการและเจ้าหน้าที่ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมษา-พฤษภา 53 ซึ่งต่อมาทั้ง พ.ต.ท. ทักษิณ และสมาชิกพรรคเพื่อไทยบางคน ก็ออกมาแก้ต่างการกระทำดังกล่าว อย่างสวยหรูว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการ Set Zero การเมืองไทย แล้วให้ประชาชนและผู้สูญเสียทำใจยอมรับกับการ Set Zero ดังกล่าว อีกทั้งยังกล่าวว่า ร่างนิรโทษกรรมเดิมที่ผ่านความเห็นชอบของสภาในวาระแรกนั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ที่บัญญัติถึงความเสมอภาคกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน

ด้วยเหตุดังกล่าวกลุ่มกล้าคิดฯ  จึงมีความคิดเห็นต่อ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับกรรมาธิการเสียงข้างมากดังต่อไปนี้

ประการแรก การอ้างหลักความเสมอภาค ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 30 ดังกล่าวเป็นการอ้างที่ไร้น้ำหนักโดยสิ้นเชิง เนื่องจากมีการละเว้นบุคคลที่ต้องโทษในคดีอาญา มาตรา 112 ซึ่งก็เป็นทราบกันว่าผู้ที่ต้องคดีดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากความขัดแย้งทางการเมืองหลังจากเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยา 49 อีกทั้งการยังมีการแก้เนื้อหา

ประการที่สอง ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับกรรมาธิการเสียงข้างมากทำให้บุคคลทุกฝ่าย ทุกระดับชั้นพ้นไปจากความผิดที่ได้กระทำ  จะส่งผลให้สังคมไทยไม่ได้เรียนรู้อะไรจากการสูญเสียอันเนื่องมาจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงดังกล่าว  และโดยเฉพาะแกนนำ และผู้มีอำนาจสั่งการต้องมีส่วนรับผิดชอบจากการสูญเสียที่เกิดขึ้น

ประการที่สาม แม้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลจะมีเสียงข้างมากในรัฐสภาที่มาจากระบอบประชาธิปไตยก็ตาม แต่ก็ใช่แค่คะแนนเสียงในรัฐสภาเท่านั้น หากยังต้องคำนึงถึงผลกระทบที่อาจตามมาจากประเด็นดังกล่าวด้วย ซึ่งกรณีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับกรรมาธิการเสียงข้างมากนั้นเป็นที่ประจักษ์ว่ากำลังสร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง

ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้นเครือข่ายกล้าคิด สร้างมิตร สร้างประชาธิปไตย มีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับกรรมาธิการเสียงข้างมาก และเรียกร้องให้ใช้ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับ วรชัย เหมะตามที่ได้ผ่านความเห็นจากของสภาในวาระแรกแล้ว ด้วยเหตุผล 2ประการคือ

ประการแรก ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ฉบับ วรชัย เหมาะ ที่นิรโทษเฉพาะประชาชนทุกสีเสื้อยกเว้นแกนนำ ผู้สั่งการให้เคลื่อนไหว ผู้สั่งการและเจ้าหน้าที่ ในเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมษา-พฤษภา 53 อีกทั้งยังครอบคลุมไปถึงบุคคลที่ต้องโทษในคดีอาญา มาตรา 112

ประการที่สอง สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถือว่าเป็นผู้ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรมอันเนื่องจากผลพวงการทำรัฐประหาร จึงควรให้ความเป็นธรรมโดยลบล้างผลพวงการทำรัฐประหาร แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกเลิกมาตรา 309 จึงจะเป็นการช่วยเหลือ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตรอีกทั้งยังเป็นการ Set Zero การเมืองไทย อย่างถูกต้อง

ด้วยความเคารพ

เครือข่ายกล้าคิด สร้างมิตร สร้างประชาธิปไตย
31 ตุลาคม 2556

 

%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%%

 

หมายเหตุ

เครือข่ายกล้าคิด สร้างมิตร สร้างประชาธิปไตย เกิดขึ้นครั้งแรกในปีพ.ศ.2553ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง โดยนักศึกษาที่มีความสนใจทางด้านประชาธิปไตย ซึ่งมีวัตถุประสงค์

1)เพื่อส่งเสริมให้ให้นักศึกษา เยาวชนคนหนุ่มสาว และสมาชิก ได้มีความรู้ความเข้าใจ เคารพ และยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

2)เพื่อผลิตนักศึกษา เยาวชนคนหนุ่มสาวในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อันนำมาซึ่งการรับใช้สังคมบนแนวทางและหลักการที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย

3)เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษา เยาวชนคนหนุ่มสาว ตระหนักสำนึกรักประชาชนอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกันในฐานะผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย

ซึ่งต่อมาแนวความคิดของกลุ่มก็ได้รับการตอบรับจากนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่างๆในภาคใต้ได้แก่มหาวิทยาลัยลงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มหาวิทยาลัยลงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฎสุราษฎรธานี มหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ มหาวิทยาราชมงคลศรีวิชัย

แถลงการณ์ชิ้นนี้เกิดจากการพูดคุยกันระหว่างแกนนำกลุ่มของแต่ละมหาวิทยาลัย จากนั้นแต่ละมหาวิทยาลัยก็เข้าสู่การพูดคุยในมหาวิทยาลัยของตน จากนั้นแกนนำของแต่ละมหาวิทยาลัยก็นำเอาสรุปประเด็นของการพูดคุยจากมหาลัยของตนมาคุยกันในระดับแกนนำอีกครั้ง ซึ่งทุกคนต่างมีมติร่วมกันว่า จะออกแถลงการณ์เพื่อคัดค้านประเด็นดังกล่าว

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net