เราพันธมิตรปกป้องแม่น้ำโขง รู้สึกหวั่นวิตกในแผนการของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวที่เสนอให้สร้างเขื่อนดอนสะโฮงขึ้นในบริเวณใจกลางของพื้นที่สีพันดอน ซึ่งเป็นพื้นที่อันมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อระบบนิเวศของแม่น้ำโขง โครงการเขื่อนดอนสะโฮงนี้ จะทำลายล้างพื้นที่ในอาณาบริเวณของทั้งสีพันดอนและแม่น้ำโขง แม่น้ำที่เป็นเสมือนมารดาของลุ่มน้ำในภูมิภาคลงไปอย่างไม่อาจที่จะเยียวยาได้อีกต่อไป
แม้แต่สำนักงานเลขาธิการคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงเอง ครั้งหนึ่งยังได้เคยระบุไว้ในรายงานของตนว่า “ระบบนิเวศของสี่พันดอนนั้น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นเสมือนหนึ่งโลกใบเล็ก ๆ ใบหนึ่งที่มีระบบนิเวศที่เกาะเกี่ยวโยงใยกับแม่น้ำโขงทั้งสาย” และยังได้สรุปว่า “เนื่องจากลักษณะทางธรรมชาติอันพบได้ยากยิ่งนี้ ทุกภาคส่วนจักต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะอนุรักษ์และปกป้องพื้นที่สีพันดอนนี้จากโครงการพัฒนาใด ๆ ก็ตาม”
เขื่อนดอนสะโฮง จะเปลี่ยนแปรลักษณะของพื้นที่สีพันดอนและพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขงไปอย่างมิอาจหวนคืน เขื่อนแห่งนี้จะก่อให้เกิดประตูกีดขวางกั้นทางน้ำฮูสะโฮง ที่จะทำให้ปลาไม่สามารถว่ายผ่านได้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการประมงหลายคนได้เคยกล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่จะก่อให้เกิดสิ่งเลวร้ายที่สุดหากเลือกเป็นพื้นที่สำหรับการสร้างเขื่อน เนื่องจากฮูสะโฮงเป็นทางน้ำที่มีปลาว่ายอพยพผ่านมากที่สุดในแม่น้ำโขง จึงเป็นจุดที่เป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญยิ่งต่อการประมงน้ำจืดในที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก การสร้างเขื่อนจะทำให้เกิดการจุดลอกดินและหินที่ท้องแม่น้ำในบริเวณฮูสะโฮงออกมามากกว่า 2 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อเปิดทางให้มีน้ำไหลเข้าฮูสะโฮงเป็นจำนวนมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้ กำลังการผลิตติดตั้ง 260 เมกะวัตต์ของเขื่อน ย่อมถือว่าเป็นผลประโยชน์แสนกระจ้อยร่อย เมื่อเทียบกับผลกระทบด้านลบอย่างรุนแรงที่มีต่อการประมงและวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เช่นเดียวกัน จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของผู้คนนับล้านที่อยู่ในประเทศสปป.ลาว และในประเทศเพื่อนบ้าน คือ ประเทศกัมพูชา ประเทศไทยและประเทศเวียดนาม โครงการนี้ยังจะเป็นภัยคุกคามต่อปลาอพยพขนาดใหญ่ที่หายากและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล รวมทั้งปลาบึกและปลาเอิน ภัยคุกคามที่จะมีผลต่อการอยู่ร่วมกันอย่างกลมเกลียวในภูมิภาคนี้ จะกลายเป็นปัญหาร้ายแรงอันจะยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาความขัดแย้งอื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วทั้งในประเทศและระหว่างกันให้เลวร้ายลงไปอีก
พวกเราแทบจะไม่เหลือความเชื่อถือต่อศักยภาพของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง (MRC) หรือข้อตกลงแม่น้ำโขง พ.ศ. 2538 ในการจัดการกับภัยคุกคามอย่างมีประสิทธิภาพและเพียงพอ ในกรณีภัยคุกคามที่จะเกิดขึ้นจากเขื่อนดอนสะโฮงหรือโครงการอื่น ๆ ที่เสนอจะสร้างบนแม่น้ำโขงสายประธาน สาเหตุที่สำคัญที่เป็นตัวบ่งชี้ คือความล้มเหลวของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงในการแก้ปัญหาความไม่ลงรอยกันระหว่างรัฐบาลของชาติสมาชิก ในประเด็นที่ว่ากระบวนการ “การปรึกษาหารือล่วงหน้า” ที่มีขึ้นเพื่อการสร้างเขื่อนไซยะบุรีนั้น ยังคงเป็นกระบวนการที่คั่งค้างอยู่ หรือได้เสร็จสิ้นไปแล้ว
รัฐบาลลาวกำลังอ้างว่าเขื่อนดอนสะโฮง “ไม่ได้ตั้งอยู่บนแม่น้ำโขงสายประธาน" และด้วยเหตุนี้เอง จึงได้ใช้กระบวนการ “แจ้งให้ทราบล่วงหน้า” แทน “กระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า” ต่อประเทศเพื่อนบ้าน เราขอคัดค้านข้ออ้างนี้ของสปป.ลาวอย่างถึงที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนไร้ข้อกังขาว่า เขื่อนดอนสะโฮงนั้นเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในแม่น้ำโขงสายประธาน ซึ่งจะก่อผลกระทบอย่างที่สุดต่อการไหลของกระแสน้ำและการอพยพย้ายถิ่นของปลา และจะส่งผลกระทบข้ามพรมแดนอย่างมหาศาล ด้วยเหตุผลเหล่านี้ เราเชื่อว่าคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงจะประสบความล้มเหลวอีกครั้งหนึ่งในการทำให้เกิดการจัดการแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้ง และปล่อยให้การตัดสินใจในเรื่องเขื่อนดอนสะโฮงตกอยู่ในมือของรัฐบาลสปป.ลาวแต่เพียงผู้เดียว
เราเห็นด้วยกับข้อกังวลที่มีการกล่าวในสาธารณะโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลของประเทศลุ่มแม่น้ำโขง เกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ และการขาดความโปร่งใสในโครงการเขื่อนดอนสะโฮง บุคคลเหล่านี้รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศเวียดนาม อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมกัมพูชา และสมาชิกของคณะกรรมการแม่น้ำโขงระดับชาติของไทย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตระหนักถึงความเป็นห่วงเหล่านี้ เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลแม่น้ำโขงทั้งหลาย ได้เสนอต่อรัฐบาลลาวให้แสดงเคารพต่อจิตวิญญาณของการร่วมมือกันอย่างแท้จริงในภูมิภาคนี้
ในช่วงเวลาแห่งความคลุมเครือไม่ชัดเจนในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขื่อนดอนสะโฮง รวมทั้งโครงการอื่น ๆ บนแม่น้ำโขงสายประธาน กระบวนการใด ๆ ที่กำลังดำเนินอยู่ในทุก ๆ โครงการจะต้องถูกระงับไว้ก่อน มีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนที่จะต้องจัดให้มีพื้นที่ร่วมแบบใหม่ขึ้นมาเพื่อทำการตรวจสอบ ชี้แจงและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้ผ่านทางกลไกการตัดสินใจระดับภูมิภาค บนพื้นฐานของหลักความโปร่งใสและการมีส่วนร่วมอย่างแท้จริงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ต้องมีการศึกษาในเรื่องต่าง ๆ ที่จำเป็น รวมถึงการประเมินผลกระทบข้ามพรมแดนสำหรับโครงการทั้งหมดต้องเกิดขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ
ดังนั้น พวกเรา พันธมิตรปกป้องแม่น้ำโขง ขอเรียกร้องความร่วมมือมายัง ฯพณฯ ท่าน ขอได้โปรดตระหนักถึงจิตวิญญาณของความตกลงในภูมิภาคแม่น้ำโขง และดำเนินการแทรกแซงให้ยกเลิกการสร้างเขื่อนดอนสะโฮงโดยทันที อีกทั้งระงับการตัดสินใจใด ๆ เกี่ยวกับโครงการบนแม่น้ำโขงสายประธานลงไว้ก่อน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ส่วนรวมแก่ประชาชนทั่วทั้งภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง
การก่อสร้างโครงการไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ในลุ่มแม่น้ำโขง คือการสังเวยแม่แห่งธรรมชาติ และวิถีชีวิตของผู้คนหลายสิบล้านคนเพื่อสิ่งที่เรียกว่าเป็น “การพัฒนา” ดังนั้น การตัดสินใจในเรื่องดังกล่าวจึงไม่ควรเป็นความรับผิดชอบของเหล่ารัฐบาลเท่านั้น รัฐบาลของประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงจักต้องตระหนักถึงสิทธิของผู้คนในลุ่มแม่น้ำโขง ในฐานะผู้มีส่วนได้เสียที่เสมอภาคและเท่าเทียมกันในกระบวนการตัดสินใจ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)