14 พ.ย.56 เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่โรงแรมเจริญธานี จังหวัดขอนแก่น คณะอนุกรรมการจัดทำการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ในคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ. ร่วมกับจังหวัดขอนแก่น ได้จัดเวทีประชุมรับฟังความคิดเห็นโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ของประชาชนในพื้นที่ ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางที่ให้รัฐบาลปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี พ.ศ. 2550 มาตรา 57 วรรคสอง และมาตรา 67 วรรคสอง โดยการนำแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำไปจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน และผู้มีส่วนได้เสียอย่างทั่วถึง เนื่องจากโครงการบริหารจัดการน้ำทุกสัญญา (โมดูล) มีความเสี่ยงที่จะเกิดผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยผู้เข้าร่วมมีทั้ง พระสงฆ์ หน่วยงานราชการ นายก อบต. นายกเทศบาล กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และประชาชนประมาณ 200 คน
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิด โดยกล่าวว่า “ เรื่องเกี่ยวกับทรัพยากรน้ำมีทั้งปัญหาน้ำมาก เป็นปัญหาอุทกภัย สร้างความเสียหายทางการเกษตรให้กับประชาชน เดือดร้อนด้านความเป็นอยู่ ขณะเดียวกันปัญหาน้ำน้อย ที่เข้าใจกันว่าภัยแล้งก็สร้างความเสียหายให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน รวมไปถึงน้ำอุปโภค บริโภคที่ขาดน้ำดิบในการผลิตน้ำประปา เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญ คือ น้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการเริ่มต้นของสิ่งต่างๆหากไม่มีน้ำที่เพียงพอ ก็จะทำให้กิจกรรมนั้นๆชะงักไป รัฐบาลได้เห็นความสำคัญเรื่องน้ำจึงได้มีการตั้งงบประมาณเป็นกรณีพิเศษ เพื่อการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผน อย่างไรก็ตาม โครงการต่างๆที่เป็นประโยชน์ ควรจะได้ผ่านไป เพื่อจะได้ดำเนินการขับเคลื่อนต่อไป เพราะสุดท้ายเป็นประโยชน์เพื่อประชาชน ”
หลังจากนั้นวิทยากรกระบวนการได้เสนอแผนการดำเนินงานของแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ และเสนอวีดีทัศน์โครงการในการดำเนินการก่อสร้างการบริหารจัดการน้ำ 9 แผนงาน ประมาณ 14 นาที โดยเสนอเพียงโครงสร้างของโครงการเท่านั้น
ก่อนการเปิดเวลาให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นต่อโครงการ ได้มีการเปิดเวทีให้มีการยืนหนังสือหรือเอกสารต่างที่ประชาชนต้องการเสนอ ต่อจากนั้นได้มีการเปิดเวทีให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น โดยเปิดโอกาสให้เพียงคนละ 3 นาที
นายเจริญ แซ่ตั้ง นายกเทศบาลตำบลโต้น อ.พระยืน จ.ขอนแก่น กล่าวว่าการมาร่วมเวทีในวันนี้หวังว่าจะไม่เป็นการจัดเวทีเพียงพิธีกรรม และในการนำเสนอในเอกสารที่แจกและการนำเสนอทางวิดีทัศน์ไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวของกับการบริหารจัดการน้ำในจังหวัดขอนแก่นดังนั้นจึงมีคำถามว่ามาจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นเพื่ออะไร
นายสวัสดิ์ ใจกล้า ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูแก่งละหว้า กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เพราะปัญหาเก่ายังไม่แก้ไข ปัญหาใหม่ก็จะเข้ามาทับถม นอกจากนั้นยังก่อให้เกิดหนี้สาธารณะ กรณีแก่งละหว้า ก่อนมีการสร้างพนังค์ น้ำท่วมไม่นาน 2-3 วัน น้ำก็ลดลง ข้าวในนาที่ชาวบ้านลงทุนก็ได้เก็บเกี่ยว แต่เมื่อมีการสร้างพนังค์กัน เมื่อ ปี พ.ศ. 2528 น้ำท่วมขังเป็นเวลานาน 3-4 เดือน สร้างความเสียหายให้กับชาวบ้าน ไม่สามารถเก็บผลผลิตได้ ข้าวเสียหาย การกำหนดโครงการต่างๆ ต้องถามชาวบ้านในพื้นที่ก่อน ควรให้ข้อมูลอย่างรอบด้าน ในโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท รัฐบาลควรกลับไปทบทวนโครงการก่อนมีการดำเนินการต่อไป”
หลังจากนั้น นายสวัสดิ์ ใจกล้า ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์และฟื้นฟูแก่งละหว้า ได้มีการยืนหนังสือคัดค้านเวทีการรับฟังความคิดเห็น ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
นอกจากนั้นแล้ว ผู้เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็นได้สลับสับเปลี่ยนกันแสดงความคิดเห็น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นการเสนอปัญหาพื้นที่ของตนเองและเสนอโครงการต่างๆเพื่อพัฒนาในพื้นที่ตน เช่น การขุดลอกคูคลอง สร้างพนังค์กั้นน้ำ