Skip to main content
sharethis

24 พ.ย. 2556 - สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมสิ่งทอและตัดเย็บเสื้อผ้าสัมพันธ์ ได้เปิดเผยว่าหลังจากที่ตัวแทนลูกจ้างได้ยื่นข้อเรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง และยังอยู่ในระหว่างการเจรจาอีก 2 ข้อที่ยังไม่ได้ข้อตกลงนั้น (คือ การจ่ายเงินให้พนักงานรายชิ้นที่ทำได้จริงไม่ต่ำกว่า 310 บาท บริษัทยังคงยืนยันที่จะไม่พิจารณาในปีนี้ แต่จะพิจารณาในปีหน้า และเรื่องโบนัส บริษัทยังยืนยันที่จะพิจารณาเรื่องโบนัสให้ในปีหน้าเช่นกัน)

ล่าสุดทางบริษัทฯ ได้ออกประกาศให้รางวัลแก่พนักงานที่ไปลงนามเปลี่ยนสัญญาจ้างเป็นรายปี โดยพนักงานที่ลงนามในสัญญาใหม่และข้อตกลงเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานก่อนวันที่ 1 พ.ย. 56 จะได้รับเงินรางวัลตามสัดส่วนอายุการทำงาน ส่วนพนักงานที่ลงนามในข้อตกลงเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานใหม่และสัญญาใหม่หลังวันที่ 1 พ.ย. 56 ก็จะได้รับรางวัลตามสัดส่วนโดยดูจากวันที่เซ็นต์สัญญาโดยเช่นกัน

ซึ่งทางสหภาพแรงงานฯ มองว่าการนำเงินมาจูงใจเพื่อแลกกับความมั่นคงในการทำงาน เปลี่ยนสัญญาจ้างให้พนักงานทำงานเป็นสัญญาปีต่อปีนั้นเป็นการแลกที่ได้ไม่คุ้มเสีย และทางสหภาพแรงงานฯ ก็ได้พยายามสื่อสารกับสมาชิกสหภาพฯ และคนงานอื่นๆ ในประเด็นนี้

อนึ่งเมื่อวันศุกร์ที่ 22 พ.ย. 56 ที่ผ่านมาตัวแทนคนงานได้ไปยื่นจดหมายขอสอบถามความคืบหน้ากรณีบริษัทจอร์จี้ แอนด์ ลู จำกัด กระทำผิดกฎหมายอันเป็นความผิดอาญา ต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสันกำแพง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

สืบเนื่องจากการที่บริษัทจอร์จี้ แอนด์ ลู จำกัด ตั้งอยู่ที่  121 หมู่ 3 ตำบลแช่ช้าง อำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบริษัทผลิตและส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป ภายใต้แบรนด์ Pure Handknit และ Neon Buddha ส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และแคนาดา ได้มีการพยายามเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างโดยไม่ได้รับการยินยอมจากลูกจ้าง และเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการไกล่ แต่ก็ไม่สามารถที่จะตกลงกันได้

จนเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2556 ลูกจ้างได้ร่วมลงลายมือชื่อเพื่อยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้างต่อบริษัท ฯ (ใช้สิทธิตามมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ.2518 มีการนัดเจรจา แต่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งในระหว่างที่มีการยื่นข้อเรียกร้องและการเจรจา ทางบริษัทฯได้มีการดำเนินการซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อลูกจ้างหลายประการ ดังนี้

1. เลิกจ้างลูกจ้างจำนวน 10 คนอย่างไม่เป็นธรรมเนื่องด้วยไม่ยอมเซ็นต์สัญญาใหม่ซึ่งเป็นการลดสิทธิของคนงาน
2. มีการลดตำแหน่งและโยกย้ายหน้าที่การงานของพนักงาน และตัวแทนในการเจรจาหลายคน

ซึ่งการกระทำของบริษัทฯ เช่นนี้ ขัดต่อพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 มาตรา 31 ที่บัญญัติไว้ว่า “เมื่อได้มีการแจ้งข้อเรียกร้องตามมาตรา 13 แล้ว ถ้าข้อเรียกร้องนั้นยังอยู่ในระหว่างการเจรจา การไกล่เกลี่ย หรือการชี้ขาดข้อพิพาทแรงงานตามมาตรา 13ถึงมาตรา 29 ห้ามมิให้นายจ้างเลิกจ้างหรือโยกย้ายหน้าที่การลูกจ้าง ผู้แทนลูกจ้าง กรรมการ อนุกรรมการ หรือสมาชิกสหภาพแรงงาน หรือกรรมการ หรืออนุกรรมการสหพันธ์แรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเรียกร้อง เว้นแต่บุคคลดังกล่าว

(1) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
(2) จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
(3) ฝ่าฝืนข้อบังคับ ระเบียบ หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง โดยนายจ้างได้ว่ากล่าวและตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรงนายจ้างไม่จำเป็นต้องว่ากล่าวและตักเตือน ทั้งนี้ ข้อบังคับ ระเบียบหรือคำสั่งนั้นต้องมิได้ออกเพื่อขัดขวางมิให้บุคคลดังกล่าวดำเนินการเกี่ยวกับข้อเรียกร้อง
(4) ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันโดยไม่เหตุผลอันสมควรและหากนายจ้างกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืน ก็ต้องระวางโทษ ตาม มาตรา 136 ที่บัญญัติไว้ว่า   ” นายจ้างผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 31 วรรคหนึ่ง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ซึ่งที่ผ่านมาคนงานที่ถูกนายจ้างเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม และถูกโยกย้ายหน้าที่การงาน ได้ไปใช้สิทธิแจ้งความดำเนินคดีต่อพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรสันกำแพง ซึ่งทางคนงานได้รับการแจ้งจากทางพนักงานตำรวจว่า คนงานไม่มีสิทธิแจ้งความดำเนินคดี

ดังนั้นพวกเราคนงานที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงได้ทำหนังสือขอคำชี้แจงอย่างเป็นทางการจากท่าน ว่า คนงานสามารถใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. 2518 ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ได้หรือไม่ หากพวกเราใช้สิทธิได้ท่านจะดำเนินการต่อไปอย่างไร  แต่หากพวกเราใช้สิทธิไม่ได้ เป็นเพราะเหตุผลใด โดยขอให้ท่านชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อความเข้าใจของพวกเรา พร้อมกันนี้พวกเราได้สำเนาหนังสือถามไปยังผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ด้วย เพื่อความชัดเจน และเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของพวกเราในฐานะที่เป็นผู้ใช้แรงงาน





 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net