Skip to main content
sharethis

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ชี้การที่มีประชาชนออกมาชุมนุมจำนวนมากโดย 'ไม่แบ่งสี ไม่แบ่งพรรค' นั้นเพราะเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง สะสมความอึดอัด-ความเลวร้ายที่เกิดขึ้นในสังคม และต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง โดยหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้คนอีกหลายล้านนำพาสังคมไปในทางที่ถูกต้อง

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ระหว่างพบปะประชาชนในการชุมนุมที่สถานีรถไฟสามเสน เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2556 (ที่มา: เพจ Abhisit Vejjajiva/แฟ้มภาพ)

 

26 พ.ย. 2556 - เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์ รายงานว่า เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel เกี่ยวกับการชุมนุมใหญ่วันที่ 24 พ.ย. ว่า เป็นการแสดงออกอย่างสำคัญของสังคมไทยที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง

“ผมคิดว่าหลายคนเมื่อวานนี้ที่เดินทางไป ซึ่งจำนวนเป็นเรือนล้าน คงจะต้องถือว่ามีประสบการณ์ที่ยากที่จะมีประสบการณ์เช่นนี้อีก ผมเองตอนเช้าไปร่วมในงานทำบุญตอนเช้า ขณะนั้นก็เห็นแล้วครับว่าประชาชนก็หนาแน่นกว่าทุกๆ วันที่เราติดตามข่าวสารอยู่จากราชดำเนินสำหรับในช่วงเช้า แต่ว่าพอช่วงบ่ายก็มีข่าวสารการเคลื่อนขบวนของประชาชนที่นัดหมายตามจุดต่างๆ เยอะแยะไปหมด ผมเองก็เดินทางไป แล้วก็รถไปถึงประมาณสะพานขาว แล้วก็ลงเดินไป ก็มีพี่น้องจำนวนมากซึ่งกำลังเดินทางไปที่ราชดำเนิน ก็เรียกว่าแน่นตลอดทาง แล้วก็กว่าจะไปถึงตัวเวทีก็ประมาณน่าจะชั่วโมงกว่าๆ ครับ ชั่วโมงครึ่ง แล้วก็ทราบเลยว่ามีพื้นที่ไม่พอสำหรับการชุมนุมตรงนั้น เห็นความพยายามในการที่จะต้องเอาเครื่องขยายเสียง จอภาพต่างๆ ไปให้ถึงที่ที่ประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุม แต่ว่าในที่สุดก็ไม่ไหวครับ ต้องไปเปิดอีกเวทีที่สนามหลวง แล้วก็ภาพของประชาชนบนสะพานพระปิ่นเกล้า เชื่อว่าคงไม่มีใครเห็นในลักษณะนั้นมาก่อน"

"เพราะฉะนั้นก็ผมคิดว่าเป็นการแสดงออกอย่างสำคัญของสังคมซึ่งขณะนี้เราก็ยังไม่ได้ยินว่าทางนายกรัฐมนตรีกับรัฐบาลมีปฏิกิริยา หรือมีความพยายามที่จะตอบสนองอะไรอย่างไร นอกจากคำพูดที่ค่อนข้างที่จะเป็นคำพูดเดิมๆ ทำนองว่าขอให้มาพูดคุยกันอะไรทำนองนั้นครับ”

อภิสิทธิ์ตอบคำถามถึงสาเหตุว่าทำไมคนจึงออกมาร่วมชุมนุมว่า "ผมคิดว่าการต่อต้านตัวกฎหมายนิรโทษกรรมซึ่งมีการพัฒนามานั้น เพราะในที่สุดคนก็มองว่ากฎหมายนิรโทษกรรมนั้นก็เหมือนกับเป็นอาการของโรค แล้วก็ต้องการที่จะรักษาโรค ไม่ใช่รักษาอาการเฉยๆ แล้วก็รวมไปจนถึงว่าประเด็นของกฎหมายนิรโทษกรรมนั้น เป็นประเด็นที่ทำให้ประชาชนทุกกลุ่มไม่แบ่งสี ไม่แบ่งพรรค ไม่แบ่งเพศ ไม่แบ่งอะไร สามารถที่จะรวมตัวกันได้ เพราะว่าเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ก็เป็นจุดเริ่มต้นตรงนั้นที่ทำให้เกิดพลังตรงนี้ แล้วก็พลังจำนวนมากคือสะสมความอึดอัด กับความเลวร้ายทั้งหลายที่เกิดขึ้นอยู่ในสังคม แล้วก็ต้องการที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง"

ต่อมาผู้ดำเนินรายการถามว่า "คุณอภิสิทธิ์มองท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดงวานนี้ที่ชุมนุมในสนามรัชมังคลาภิเษกอย่างไร ว่าจะมีผลกระทบกับการชุมนุมวันนี้หรือไม่" อภิสิทธิ์ตอบว่า "มันเป็นความพยายามของเขาที่จะระดมคน แล้วเราก็มี ผมเห็นก็มีเอกสารที่ส่งผ่านทางโซเชียลมีเดีย ที่เป็นคำสั่ง ผมเห็นจังหวัดนึงสั่งทางเจ้าหน้าที่ หรือทาง กศน. ให้มาร่วมกัน แล้วก็บอกให้เอาเสื้อแดงมาด้วย"

ส่วนความเห็นท่าทีรัฐบาลนั้น อภิสิทธิ์ตอบว่า "ก็ยังไม่มีท่าทีอะไรที่ชัดเจนนะครับ ผมเห็นข่าว แต่ผมยังไม่แน่ใจหรือยังว่าวันนี้ตกลงนายกฯ งดประชุมครม."

ผู้ดำเนินรายการถามว่า "คุณอภิสิทธิ์คิดว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นหรือไม่ ถ้าหากมีการเคลื่อนการชุมนุมขนาดนี้" อภิสิทธิ์ตอบว่า "ถ้าฟังจากคุณสุเทพ เส้นทางที่เคลื่อนไปนี้ แล้วก็เจตนาที่เคลื่อนไปก็ไม่ได้มีอะไรที่ไปกระทบอะไรกับการดำเนินการประชุมในวันพรุ่งนี้" โดยผู้ดำเนินรายการตอบว่า "13 เส้นทางของกลุ่มราชดำเนิน และอีก 12 เส้นทางของกลุ่ม คปท." จากนั้นอภิสิทธิ์ได้ชี้แจงว่า "คืออันนั้นผมไม่ทราบว่าตกลงแล้วเขาจะไปที่จุดไหนอย่างไรบ้าง เพราะว่าผมเห็นข่าวเมื่อเช้าสั้นๆ พอดีของคุณสุเทพเมื่อคืนพูดบนเวที ประกาศชัดเจนว่าจะไปไหนอย่างไร เพื่ออะไร เพราะฉะนั้นก็คงต้องติดตาม ผมก็มีหน้าที่เตรียมอย่างเดียวครับ ทำหน้าที่ของผม แล้วก็วันนี้ในพรรคฯ ก็คงจะต้องเตรียมกันอย่างเต็มที่ เพราะก็ยังถือว่าเป็นหน้าที่สำคัญที่เราต้องทำเพื่อให้ความจริงปรากฎกับสังคม"

เมื่อถามถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ อภิสิทธิ์ตอบว่า "เราก็ทราบนะครับ รัฐบาลมีเสียงข้างมากในสภา แต่ว่าสิ่งที่เราต้องการจะทำก็คือเปิดเผยข้อมูลหลายอย่างให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีการทุจริต คอร์รัปชั่น หรือปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตมากอย่างไรอันนี้เป็นประเด็นหลักอยู่แล้วครับ ในการอภิปรายครั้งนี้"

ต่อมาผู้ดำเนินรายการถามว่า "คุณอภิสิทธิ์วิเคราะห์เส้นทางที่คุณสุเทพจะเดินทั้ง 13 เส้นทางนี้อย่างไรบ้าง ที่มีการไปพบสื่อมวลชน หน่วยงานราชการสำคัญทั้งทหาร และตำรวจ" อภิสิทธิ์ตอบว่า "ถ้าติดตามสิ่งที่คุณสุเทพพูดมาตลอด ความหมายของคุณสุเทพก็คือว่า กลไกที่มีความสำคัญในการทำให้ระบอบทักษิณเดินต่อนั้น ก็ประกอบไปด้วยทางกลไกของราชการเพราะว่าต้องอยู่ภายใต้รัฐบาลในระบอบทักษิณ แล้วก็มีสื่อสารมวลชนซึ่งดูว่า จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่ค่อยพร้อมที่จะเสนอข่าวสารเป็นมุมมองที่แตกต่างจากรัฐบาลในระบอบนี้ เพราะฉะนั้นก็เดินทางไป ก็ชัดเจนว่าไปในกลุ่มเป้าหมาย ก็คือในส่วนของส่วนราชการที่คุณสุเทพต้องการจะไปถามว่าจะมาอยู่เคียงข้างประชาชนไหม โดยคุณสุเทพก็เชื่อว่าถ้าหน่วยงานเหล่านั้นตัดสินใจว่าจะมาอยู่เคียงข้างประชาชน ไม่รับใช้ระบอบทักษิณแล้วก็เดินต่อ ระบอบทักษิณก็ไม่น่าจะเดินต่อได้ เช่นเดียวกับสื่อมวลชนที่จะไปเรียกร้องให้มายืนเคียงข้างประชาชนในการเสนอข่าวสารอย่างตรงไปตรงมาครับ"

ส่วนคำถามที่ว่า "การที่หน่วยงานต่างๆ จะแสดงท่าที หรือจะแสดงออกในการที่จะไม่สนับสนุนรัฐบาลนั้น คุณอภิสิทธิ์คิดว่าเขาควรจะแสดงออกอย่างไร" อภิสิทธิ์ตอบว่า "ผมไม่ทราบนะครับว่า ทางกลุ่มที่เคลื่อนวันนี้จะเป็นบุคคลที่ได้รับหมอบหมาย แกนนำหรือกลุ่มอะไรต่างๆ นั้น 1.จะได้มีโอกาสพูดคุยมั้ยกับผู้ที่เกี่ยวข้อง กับ 2. ถ้ามี จะมีการพูดถึงประเด็นนี้ แล้วก็จะพูดถึงรูปแบบหรือไม่อย่างไร อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ เพราะฉะนั้นก็ไม่กล้าที่ไปวิเคราะห์ หรือไปเสนอไปเสนอว่ารูปแบบมันคืออะไร"

ส่วนกรณีการไปพบสื่อมวลชนนั้น อภิสิทธิ์ได้เตือนว่า "ผมอยากให้ระมัดระวังนะครับว่า อย่าให้เป็นลักษณะของการที่เป็นการไปข่มขู่ หรือไปคุกคาม หรือถูกมองอย่างนั้น แต่ผมเข้าใจว่ามันเป็นความอึดอัดของคนจำนวนไม่น้อยที่บ่นกันมาว่าฟรีทีวี หรือสื่อเหล่านี้ ทำไมไม่ยอม หรือไม่นำเสนอข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับความคิดต่างกับรัฐบาล เท่าที่ควรจะเป็นภายใต้ความปกติของการทำงานตามวิชาชีพ ผมว่าอันนี้คือประเด็นมากกว่า เพราะฉะนั้นก็คงต้องระมัดระวังครับว่า การไปสื่อสารตรงนี้ต้องไม่ให้ถูกตีความว่าเป็นการไปข่มขู่ หรือไปคุกคามเขาครับ"

ต่อเรื่องทางออกทางการเมืองนั้น อภิสิทธิ์ตอบว่า "ทางออกมันจะมีได้ก็ต่อเมื่อ นายกฯ และรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยมีความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ได้ทำขึ้นมา อันนี้ก็เป็นข้อเรียกร้องในการประชุมของพรรคฯ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า สิ่งที่มันขาดหายไปขณะนี้ก็คือหลักความรับผิดชอบ"

จากนั้นผู้ดำเนินรายการถามว่า "บรรดาผู้ที่ขึ้นเวทีที่ราชดำเนินนั้น มีกลุ่มพนักงานรัฐวิสาหกิจ ซึ่งหากพนักงานกลุ่มนี้มีอารยะขัดขืนขึ้นในวัน สองวันนี้ อะไรจะเกิดขึ้น" อภิสิทธิ์ตอบว่า "ผมพูดตรงๆ ว่าจะให้ไปวิเคราะห์ก็คงลำบากนะครับ แล้วก็มันก็เป็นเรื่องที่เขาเองเขาก็จะต้องเป็นผู้กำหนดจุดยืนท่าที แต่ว่าแน่นอนครับ อันนี้ก็เป็นอีกกลไกที่สำคัญถ้าหากว่าไม่ทำงานเพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมรับ ก็จะมีผลนะครับ"

ต่อคำถามว่า "คุณอภิสิทธิ์อยากฝากอะไรถึงพี่น้องคนไทยทั้งประเทศถึงสถานการณ์ในวันนี้" อภิสิทธิ์ตอบว่า "อยากจะขอเป็นกำลังใจ แล้วก็ขอบคุณกับพี่น้องประชาชนที่ได้แสดงออกอย่างสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ เมื่อวานนี้ผมเห็นหลายคนนะครับ มีความยากลำบาก ผมเห็นคุณยายนั่งรถเข็น อายุ 80 กว่า ถือธง แล้วก็ยังต้องการที่จะออกมาแสดงออก ผมเห็นหลายคนที่อาจจะไม่เคยมีประสบการณ์ในการชุมนุม ในการประท้วงอะไรทั้งสิ้น ตัดสินใจว่าจะไปเป็นครั้งแรก ผมเห็นความยากลำบากเวลาที่ต้องเบียดเสียดกัน มีปัญหาเรื่องอาหารการกิน ห้องน้ำ โดยเฉพาะพี่น้องที่มาจากต่างจังหวัดที่ถูกสกัดกั้นทุกรูปแบบ แต่ว่านี่คือสิ่งที่ผมคิดว่าจะเป็นแรงบันดาลใจแล้วก็กำลังใจให้คนอีกหลายล้านคนที่ไม่ได้มีโอกาสมาเมื่อวานนี้ ให้เห็นว่ามีประชาชนมากมายมหาศาลที่ยังหวงแหนประเทศชาติ และต้องการเห็นสังคมไปในทางที่ถูกต้องครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ" 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net