Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ในขณะที่ผู้คนกำลังตกอยู่ในสภาวะการณ์ตึงเครียดจากวิกฤติการณ์ของมวลชนที่มีความคิดเห็นตรงกันข้ามอย่างสุดขั้ว ต่างฝ่ายต่างพยายามขับไล่และปกป้องผู้ที่กำลังครองอำนาจรัฐอยู่ในปัจจุบันโดยหลงลืมไปว่าปัญหารากเหง้าที่แท้จริงของประเทศไทยนั้นคือปัญหาของการรวมศูนย์อำนาจอยู่ที่ส่วนกลาง ภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนเชียงใหม่มหานครซึ่งประกอบด้วยผู้คนทุกภาคส่วน ทุกสีเสื้อ ทุกความเห็นที่แตกต่างทางการเมือง แต่มีความเห็นตรงกันคือการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยการเสนอโครงสร้างแห่งอำนาจใหม่ โดยลดการรวมศูนย์อำนาจให้เล็กลง และเพิ่มอำนาจให้แก่ท้องถิ่นมากขึ้น จัดระบบการบริหารราชการแผ่นดินเสียใหม่โดยยกเลิกราชการส่วนภูมิภาคเหลือเพียงราชการส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นเต็มพื้นที่

กลุ่มคนเหล่านี้ได้ยกร่าง พรบ.ระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานครฯ ขึ้นและยื่นต่อรัฐสภาไปเมื่อ 26 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมาและมีแนวร่วมที่ขับเคลื่อนพร้อมกันอีกกว่า 45 จังหวัดซึ่งได้เล็งเห็นปัญหาของความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จึงได้ไปยื่นแถลงการณ์ต่อตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยที่เชียงใหม่ในวันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน 2556 ที่ผ่านมา โดยมีข้อความดังนี้

“จากสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งทางการเมืองที่เขม็งเกลียวจนสุ่มเสี่ยงที่จะมีการขยายเป็นความรุนแรงได้ตลอดเวลาในขณะนี้ ภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนเชียงใหม่มหานครเห็นว่าเงื่อนไขของปัญหาที่สำคัญส่วนหนึ่งเกิดมาจากการที่ประเทศไทยมีการปกครองแบบรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลาง ทำหน้าที่ตัดสินใจ กำหนดนโยบาย บริหารจัดการ และจัดสรรงบประมาณ โดยรัฐบาลเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด มีหน่วยงานของกระทรวง ทบวง กรม เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ครอบคลุมทั้งประเทศ ด้วยระบบการบริหารราชการและบังคับบัญชาแบบราชการส่วนกลาง และส่วนภูมิภาคมาอย่างยาวนาน

ซึ่งการรวมศูนย์การตัดสินใจ และการจัดการทุกเรื่องไว้ที่ส่วนกลางทำให้ระบบการบริหารประเทศใหญ่โต ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนในชุมชน ตรวจสอบได้ยาก ประชาชนขาดพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมือง ทำให้ประชาชนเฉื่อยชาต่อการร่วมจัดการชุมชนเพราะไม่สามารถทำหรือตัดสินใจแก้ปัญหาใดๆของตนเองได้

ปัญหาการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง เป็นสาเหตุของปัญหาเชิงโครงสร้าง ทำให้เกิดการแย่งชิงทรัพยากรและการกระจุกตัวของความเจริญ เช่นการอนุมัติและการดำเนินโครงการขนาดใหญ่ที่มีผลกระทบกับชุมชน การไม่อนุญาตให้ชุมชนใช้ทรัพยากร หรือภูมิปัญญาในการจัดการท้องถิ่น เช่น การจัดการป่าไม้ การจัดการลุ่มน้ำ กลายเป็นสาเหตุของความเหลื่อมล้ำ และสร้างความขัดแย้งทางสังคม

ระบบที่มีความซับซ้อน ไร้ประสิทธิภาพในปัจจุบันนี้ไม่สอดคล้องกับความต้องการของคนในชุมชน ประชาชนขาดพื้นที่การมีส่วนร่วมทางการเมือง มีการตรวจสอบได้ยาก จึงจำเป็นต้องคืนอำนาจให้ชุมชนตัดสินใจ และกำหนดทิศทางของชุมชนได้ด้วยตนเองทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิต สวัสดิการ การศึกษา สาธารณสุข  การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ และการกำหนดทิศทางการพัฒนาชุมชนโดยชุมชนเอง ปัญหาเชิงโครงสร้าง และความสัมพันธ์เชิงอำนาจที่ผูกขาดนี้ต้องให้ท้องถิ่นมีความอิสระในการกำหนดทิศทางการพัฒนาชุมชน การพัฒนารูปแบบการปกครองท้องถิ่นให้สามารถจัดการตนเองได้จึงจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากเหตุผลดังกล่าว ทำให้ภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนเชียงใหม่มหานครซึ่งประกอบไปด้วยผู้คนทุกหมู่เหล่าและทุกสีเสื้อ ซึ่งจะเป็นต้นแบบอันดีในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ยังหาทางออกไม่ได้ในขณะนี้ ได้นำเสนอแนวคิด และผลักดันให้เกิดการกระจายอำนาจและการจัดการตนเอง โดยการปฏิรูปเชิงโครงสร้างอำนาจรัฐ  การบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ การบริหารบุคลากร เพื่อลดอำนาจรัฐ  เพิ่มอำนาจประชาชน ให้อำนาจอยู่ที่ท้องถิ่น และสนับสนุนให้ประชาชนเจ้าของพื้นที่ มีอำนาจในการตัดสินใจบริหารจัดการท้องถิ่นของตนเอง

เราจึงได้ศึกษาและรับฟังข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนารูปแบบกลไก โครงสร้าง การบริหารจัดการ  การจัดความสัมพันธ์ระหว่างท้องถิ่นกับส่วนกลาง และประเด็นที่สำคัญต่อการจัดการตนเอง ขับเคลื่อนสู่การผลักดันระดับนโยบายด้วยการเสนอรายชื่อสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร  พ.ศ....ต่อรองประธานสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2556 ที่ผ่านมา ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการการตรวจสอบรายชื่อ และคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในไม่ช้านี้

เราเชื่อว่าภายใต้สถานการณ์ที่ทุกภาคส่วนกำลังร่วมกันค้นหา และเสนอแนวทางในการปฏิรูปประเทศนี้ รูปธรรมสำคัญที่จะเป็นทางออก คือการปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ โดยกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นจังหวัดจัดการตนเอง จะเป็นการลดปัญหาการรวมศูนย์อำนาจและเป็นทางออกหนึ่งของการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในประเทศไทยขณะนี้ได้

เราจึงขอเรียกร้องให้พรรคการเมืองทุกพรรคที่ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ทุกหมู่เหล่าได้ช่วยกันผลักดันและขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยการปฏิรูปโครงสร้างการรวมศูนย์ สู่การกระจายอำนาจให้จังหวัดจัดการตนเอง และผลักดันร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเชียงใหม่มหานคร เพื่อให้ท้องถิ่นได้จัดการตนเอง ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยเราได้เกิดสันติสุขและเจริญรุ่งเรืองสืบไป”

จะเห็นได้ว่าหากเราปรับโครงสร้างการเมืองการปกครองเสียใหม่ตามรูปแบบของเชียงใหม่มหานครโมเดลนี้แล้วก็สามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งได้ที่ถึงแม้อาจจะแก้ไขได้ไม่หมดไปเลยเสียทีเดียว เพราะทุกสังคมย่อมมีความแตกต่างในด้านความคิดและรสนิยมทางการเมือง แต่จะไม่เกิดวิกฤติมากมายดังเช่นในปัจจุบัน เพราะปัญหาส่วนได้รับการแก้ไขแล้วในระดับท้องถิ่นแล้ว

หากเรายังไม่ปฏิรูปโครงสร้างอำนาจ ไม่ว่าใครหรือพรรคการเมืองใดขึ้นสู่อำนาจก็ไม่สามารถบริหารจัดการให้ก้าวหน้าได้เพราะโครงสร้างในปัจจุบันนั้นเอื้ออำนวยต่อการทุจริตคอร์รัปชัน และยังเป็นเงื่อนไขที่เอื้อให้กลุ่มทุนทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงผู้ที่ถืออาวุธและกฎหมายอยู่ในมือเข้ามาเสวยสุขบนความทุกข์ยากของประชาชนอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ถึงเวลาแล้วล่ะครับที่เราจะต้องมาร่วมกันพิจารณาปรับโครงสร้างอำนาจกันเสียใหม่ แล้วร่วมเดินหน้าพัฒนาประเทศไทยไปด้วยกัน เมื่อทำได้ดั่งนี้แล้วจะมีหรือไม่มีตระกูลชินวัตร หรือจะมีหรือไม่มีอำมาตยาธิปไตย ก็ย่อมที่จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพราะอำนาจที่แท้จริงนั้นได้ถูกกระจายให้แก่ท้องถิ่นเรียบร้อยแล้ว

 

 

หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่ 27 พฤศจิกายน 2556

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net