Skip to main content
sharethis

 

27 พ.ย.2556  เว็บไซต์กรมประชาสัมพันธ์รายงานว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไปถึงตัวอาคาร โดยได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเจรจาหาข้อยุติ

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่กลุ่มผู้ชุมนุมประกาศยกระดับการชุมนุมด้วยการบุกรุกศาลากลางจังหวัดนั้น ล่าสุดได้รับรายงานว่าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแห่งเดียวที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมเข้าไปภายในตัวอาคาร ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ส่วนศาลากลางจังหวัดอื่นๆ สามารถทำงานได้ตามปกติ โดยผู้ชุมนุมอยู่เพียงบริเวณโดยรอบ ทั้งนี้ ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีเจรจากับผู้ชุมนุมเพื่อยุติการเคลื่อนไหวแต่ยังไม่สำเร็จ ขณะเดียวกันยืนยันไม่มีการคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะถือว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว แต่ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดย้ำกับหัวหน้าส่วนราชการดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ทุกคน

สำหรับพื้นที่ศาลากลางจังหวัดที่ไม่มีผู้ชุมนุม มีจำนวน 50 แห่ง ส่วนที่มีการชุมนุมภายในพื้นที่แต่ไม่ได้เข้าตัวอาคาร มีจำนวน 24 แห่ง ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มองว่าการกระทำเกิดขึ้นเป็นความพยายามทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลเสียหาย ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ และไม่สามารถบริหารจัดการได้ จึงขอให้ผู้ชุมนุมยุติการปิดล้อม เพราะถือว่ามีความผิดตามกฏหมาย แต่ยืนยันรัฐบาลจะไม่ใช้ความรุนแรงโดยเด็ดขาดเพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อน

ม็อบฮือบุกเข้าศาลากลางระนอง ยันไม่ค้างคืน

เว็บไซต์เนชั่นรายงานว่า กลุ่มมวลชนจาก 5 อำเภอของ จ.ระนอง ประกอบด้วย อ.ละอุ่น ,อ.กะเปอร์,อ.สุขสำราญ,อ.กระบุรี และ อ.เมืองระนอง กว่า 3,000 คน ได้นัดรวมตัวกันที่บริเวณลานอเนกประสงค์หน้าเทศบาลเมืองระนอง ก่อนร่วมกันตั้งขบวนเป็นแถวยาวกว่า 2 กม.เพื่อเดินเท้ามายังศาลากลางจังหวัดระนอง ตั้งอยู่ ม.3 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง ห่างจากตัวเมืองระนองประมาณ 7 กม. ท่วมกลางความสนใจและปรบมือให้กำลังใจจากประชาชนสองข้างทาง

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดยนายสุชีพ พัฒน์ทอง และนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่ร่วมกันผลัดเปลี่ยนกันพูดโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลด้วยเครื่องขยายเสียงตลอดระยะทาง พร้อมกับเป่านกหวีดเสียงดังสนั่น โดยผู้ชุมนุมได้ใช้เวลาเดินเท้าประมาณ 1 ชม.มาถึงศาลากลางจังหวัดระนองในเวลา 12.00 น.

โดยในช่วงแรกทาง จนท.ได้พยายามปิดกั้นไม่ให้ผู้ชุมนุมเข้ามาในศาลากลาง แต่จากการที่ได้มีการเจรจากับแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมกับ ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ผวจ.ระนอง ในที่สุดก็ยอมให้ผู้ชุมนุมเดินทางเข้ามายังด้านในของศาลากลางหลังกลุ่มผู้ชุมนุมและแกนนำยืนยันว่า จะไม่ขึ้นไปข้างบนศาลากลาง เพียงเพื่อต้องการเดินทางมาแสดงให้เห็นถึงพลังประชาชนว่าไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และร่วมกันขับไล่ระบอบทักษิณที่มองว่าเป็นระบอบที่ทำลายชาติ นอกจากนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่า จะไม่มีการยึดศาลากลางแบบนอนค้างคืน โดยจะใช้เวลาในการแสดงพลัง 2-3 ชม.ก็จะทยอยกันกลับบ้าน

ด้านนายสุชีพ พัฒน์ทอง แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมายังศาลากลางไม่ได้ต้องการมาสร้างความวุ่นวาย หรือยึดศาลากลางเพียงแต่ต้องการเดินทางมาให้กำลังข้าราชการที่ตั้งใจทำงาน และให้ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องอย่าไปฟังคำสั่งของคนชั่ว

ขณะที่ว่าที่ ร.ต.เชิดศักดิ์ จำปาเทศ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ซึ่งออกมาพบผู้ชุมนุมบริเวณหน้าอาคารศาลากลางจังหวัดระนอง กล่าวว่า ขอบคุณผู้ชุมนุมที่เดินทางชุมนุมโดยสงบ ไม่มีการทำลายทรัพย์ของทางราชการ หรือทำผิดกฏหมายใดๆ ซึ่งตนเป็นคนนอกพื้นที่ทีมารับตำแหน่ง ผวจ.ระนองที่ผ่านมาตั้งใจทำงานเพื่อคนระนอง และพยายามส่งเสริมให้การท่องเที่ยวเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งหากผู้ชุมนุมทำผิดกฏหมายก็อาจจะทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากจะมาระนอง หากจะทำอะไรก็ให้คิดถึงส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ส่วนการดูแลความปลอดภัยตนได้ประสาน จนท.ตำรวจจากกองร้อยควบคุมฝูงชนรวม 90 นายมาดูแลความสงบเรียบร้อย และอำนวยความสะดวกและสั่งกำชับไม่ให้ จนท.ทำร้ายประชาชนอย่างเด็ดขาด 

นางนฤมล ขรภูมิ ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง ชี้ว่า ทางภาคเอกชนจังหวัดระนองทั้งหอการค้าจังหวัดนอง,สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง,สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยว จ.ระนอง,สมาคมประมง จ.ระนอง กำลังวิตกต่อสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ผลกระทบจากการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมาได้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว รวมถึงกลุ่มผู้ประกอบการที่จะเข้ามาลงทุน ส่วนหนึ่งได้ตัดสินใจที่จะชะลอการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยว หรือลงทุนในประเทศไทย ดังนั้นหากสถานการณ์การชุมนุมยืดเยื้อ หรือเกิดความขัดแย้งที่รุนแรงจนบานปลาย ผลกระทบต่อเศรษฐกิจ รวมทั้งการท่องเที่ยวก็อาจจะได้รับกระทบที่รุนแรงจนยากที่จะแก้ไข จนกลายเป็นวิกฤติปัญหาที่ยากที่จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู 

" ทุกฝ่ายกำลังวิตกและไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นอีก ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือต้องให้ทั้ง2 ฝ่ายทั้งฝ่ายต้ายและฝ่ายสนับสนุน ถอยกันคนละก้าว แล้วหันหน้ามาพูดคุยกันเพื่อหาทางออกให้กับประเทศให้สามารถฝ่าฟันวิกฤติปัญหาและนำประเทศเดินไปข้างหน้าได้"

ม็อบพิษณุโลก บุกศาลากลางยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯ

เว็บไซต์แนวหน้ารายงานว่า ส่วนที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอเมืองอพิษณุโลก มีกลุ่มคนพิษณุโลกต่อต้านระบอบทักษิณจำนวนหนึ่งมารวมตัวกัน เพื่อรอเวลาเคลื่อนเข้าไปในบริเวณศาลากลางพิษณุโลก ตลอดเวลามีนายวรพงษ์ แก้วพริ้ง และนายอธิป กลันทปุระ หรือ ตี๋ กล่าวปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงโจมตีรัฐบาลตลอดเวลา โดยมีกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณเป่านกหวีดส่งเสียงดังตลอดเวลา

ต่อมากลุ่มต่อต้านระบบอบทักษิณ ได้เคลื่อนตัวเดินเข้าไปในบริเวณศาลากลาง ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอเมืองพิษณุโลกเพียงเล็กน้อย ระหว่างนั้นได้มีรถตำรวจขนอุปกรณ์ปราบจลาจลผ่านกลุ่มดังกล่าว ปรากฏว่ากลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณได้โห่ร้องแสดงความไม่พอใจ และเป่านกหวีดไล่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล 1 กองร้อยไปตั้งแถวรอรับกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณก่อหน้าแล้ว ?โดยระหว่างที่กลุ่มผู้ชุมนุมเดินเข้าไปในบริเวณสนามศาลากลางจังหวัด ได้มี พ.ต.ท.ยงยุทธ แสงศรี หัวหน้าชุดปราบจลาจล ได้เข้าไปพูดคุยกับแกนนำ ว่าขอให้ปิดเสียงเครื่องขยายเสียง เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดกำลังมีประชุมหน่วยงาน ทำให้ผู้ชุมนุมแสดงความไม่พอใจ พร้อมทั้งเปิดเสียงให้ดังและเป่านกหวีดเสียงดังลั่น จนไม่สามารถควบคุมได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณเข้ามาในสนามกีฬากลางจังหวัดพิษณุโลก ได้ไปรวมตัวกันที่จุดตั้งแถวของตำรวจปราบจลาจล โดยมีนายสุธรรม ปาเฉย อดีต สจ.และอดีตประธาน อบจ.พิษณุโลก ได้กล่าวปราศรัยการทำงานของรัฐบาล พร้อมกับกล่าวขอบคุณที่ตำรวจมาดูแลความสงบเรียบร้อย โดยกลุ่มต่อต้านมาแสดงความคิดเห็นไม่ได้มาสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร เพื่อขอยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดเพียงอย่างเดียว

ต่อมานายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการพิษณุโลก นายวัฒนะ กันนะพันธุ์ รอง ผู้ว่า นายประทีป ศิลปเทศ ปลัดจังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพบูลย์ ผบก.จว.พิษณุโลก พร้อมเจ้าหน้าที่หัวหน้าหน่วยราชการ ได้เดินมาจากศาลากลาง เพื่อมาพูดคุยกับกลุ่มประชาชนดังกล่าว

นายระพี ผ่องบุพกิจ กล่าวกับ ผู้ชุมนุม ว่า ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ไม่สงบ ตนไม่เคยขัดขวางการแสดงออก และไม่สนับสนุนให้ใครโต้แย้งกัน เพราะทุกคนรักชาติเหมือนกัน เราเปิดเวทีแสดงออกอย่างสงบ เรื่องการเมืองอยู่ในใจจะพูดก็พูดไม่ได้ เพราะรับราชการอยากเห็นพี่น้องรักกัน แต่จะลงเอยอย่างไรนั้นเป็นอีกเรื่อง ตนห่วงเรื่องโจรผู้ร้าย โรคภัยไข้เจ็บ ผมเป็นผู้ว่าต้องทำตามกฎหมาย ผมรักประเทศไทยรักประชาชนคนไทย การแสดงออกปราศจากอาวุธเป็นการแสดงออกถูกกฎหมาย

พล.ต.ต.ชฎิล พรหมไพบูลย์ ผบก. กล่าวว่า ข้าราชการต้องปฏิบัติตามราชการ ส่วนตำรวจต้องดูแลความสงบเรียบร้อยไม่ให้มีเลือดตกยางออก และผมจะไม่ยอมให้คนพิษณุโลกเลือดตกยางออก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่ง ผบก.จว.พิษณุโลก พูดด้วยอารมณ์ว่า หากพูดว่าทุกอย่างมาจากภาษีประชาชน “ทั้ง ปืนที่ใช้ โล่ กระบอง เครื่องมือ มาจากภาษีเงินของกู” หากตนจะพูดย้อนกลับไปว่า ถ้ามึงจะเผาก็เป็นเงินของมึง” กลุ่มชุมนุมได้พูดว่า ชาวบ้านเผาก็ไม่ผิดกฎหมาย

นายอธิป กลันทปุระ กล่าวว่า วันนี้กลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณมาแสดงพลังเท่านั้น ไม่ได้มายึดหรือสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่ทางตำรวจขนเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลมากันเป็นกองร้อย เสมือนว่าพวกเราจะมาสร้างความเสียหาย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจเป็นอย่างมาก หลังจากยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าเรียบร้อยก็จะเดินทางกลับทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มต่อต้านระบอบทักษิณ โดยนายอธิป กลันทปุระ เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ จากนั้นได้มอบหนังสือให้กับนายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการพิษณุโลก หลังจากนั้นคณะผู้ว่าราชการได้เดินขึ้นศาลากลาง เพื่อประชุมหน่วยงานราชการต่อ ส่วนผู้ชุมนุมได้พักผ่อนทานข้าวกัน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับโดยไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด

ม็อบพัทลุง ปัตตานี สุราษฎร์ฯ ยึดศาลากลาง

เว็บไซต์ไทยรัฐรายงานว่า จ.พัทลุง รายงานว่า กลุ่มคนพัทลุงรักชาติ ประมาณ 3,000 คน ภายใต้การนำของ นายทวี ภูมิสิงหราช อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองพัทลุง ได้ใช้รถยนต์ติดเครื่องขยายเสียง และเดินเท้ามารวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง โดยเรียกร้องขอพบ นายเสรี ศรีหะไตร ผวจ.พัทลุง ต่อมา นายสุชาติ สุวรรณกาศ และนายสุรินทร์ เพชรสังข์ รอง ผวจ.พัทลุง ได้ลงมาพบผู้ชุมนุม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงไม่ยอมรับ

นายทวี กล่าวว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นรัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม ไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ขณะนี้เป็นรัฐบาลที่ละเมิดรัฐธรรมนูญ ความเป็นรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สิ้นสุดลงแล้ว ขณะนี้คณะรัฐบาลเป็นกลุ่มบุคคลเถื่อนที่ไม่มีรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายใดรองรับแล้ว ดังนั้น คำสั่งใดๆ ของรัฐบาลจึงเป็นโมฆะ จึงขอเรียกร้องให้ ผวจ.พัทลุงอย่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งรัฐบาลอีกต่อไป

ต่อมานายเสรีได้ลงมาพบผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ข้าราชการบนศาลากลางฯ หยุดทำงานตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันศุกร์ โดยให้เปิดทำการในวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 56 และให้ข้าราชการทุกหน่วยงานออกจากศาลากลางฯ ให้หมดทุกคน แต่นายเสรีต่อรองว่าขณะนี้น้ำกำลังท่วมพัทลุง ข้าราชการต้องออกช่วยเหลือประชาชน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยินยอม ซึ่งต่อมานายเสรีและบรรดาข้าราชการก็เดินออกจากศาลากลางฯ ในที่สุด ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ต่อมากลุ่มผู้ชุมนุมได้เดินเท้าออกไปรวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางหลังเก่า แล้วเปิดเวทีกล่าวโจมตีการปฏิบัติหน้าที่ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์

ขณะที่ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี ได้มีกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 500 คน เป่านกหวีด ถือธงชาติ และดอกไม้ยืนชุมนุมอยู่หน้าประตูทางออกของศาลากลางฯ เพื่อต้องการเข้าไปภายใน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ปิดกั้นไว้ ทำให้สถาการณ์ตรึงเครียดและมีการกระทบกระทั่งกันขึ้น แต่ก็ไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆ ซึ่งทางตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมได้ชี้แจงว่า ต้องการเข้าพบ นายวิทยา พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เพื่อมอบดอกไม้และจะชุมนุมโดยสันติ เจ้าหน้าที่จึงยอมเปิดประตูให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดทยอยเข้ามาภายในศาลากลาง โดยยืนปักหลักอยู่หน้าเสาธง ซึ่งแกนนำผู้ชุมนุมได้ปราศรัยกรณีการออกมาชุมนุมว่าไม่ยอมรับระบอบทักษิณ พร้อมเป่านกหวีด

จากนั้น นายนฤพล แหละดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้ออกมาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยกล่าวกับผู้ชุมนุมว่า ตนเป็นตัวแทนของผู้ว่าฯ เนื่องจากผู้ว่าฯ ไปราชการที่ จ.สงขลา ซึ่งทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปราศัยต่อหน้ารองผู้ว่าฯ และหัวหน้าส่วนฯ ว่า กลุ่มผู้ชุมนุมออกมาชุมนุมเพื่อแสดงพลังโดยสันติ และจะไม่มีการกระทบกระทั่งแต่อย่างใด และไม่ยอมรับระบอบทักษิณ ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะเป่านกหวีดและนำนกหวีดให้รองผู้ว่าฯ เป่า 2 ครั้ง ก่อนจะมอบดอกไม้ให้รองผู้ว่าฯ และข้าราชการเพื่อเป็นกำลังใจ หลังจากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมก็เดินทางออกจากศาลากลางฯ ไปรวมตัวกันที่ลานวัฒนธรรม ด้านหน้าศาลากลางจังหวัดปัตตานี

ด้านอำเภอเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีชาวบ้านกว่า 200 คน เดินทางไปรวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย แล้วเคลื่อนขบวนไปยังหน้าตึกที่ทำการอำเภอเกาะสมุย พร้อมถือดอกกุหลาบไปมอบให้ นายกัมปนาท กลิ่นเสาวคนธ์ ปลัดอวุโสอำเภอเกาะสมุย ทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายอำเภอเกาะสมุย ที่ลงมารับข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุม โดยผู้ชุมนุมได้ยื่นข้อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย หยุดงานเป็นเวลา 3 วัน โดยให้มีผลทันที ตามแนวทางของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และกลุ่มแกนนำขับไล่ระบอบทักษิณ ที่ประกาศให้กลุ่มผู้ชุมนุมในต่างจังหวัดไปร่วมตัวกันที่หน่วยงานราชการ และขอให้เจ้าหน้าที่หยุดการทำงานโดยทันที

หลังจากนั้น นายกัมปนาทได้ขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุม ที่แสดงออกทางการเมือง ชุมนุมอย่างสงบที่บริเวณหน้าที่ว่าการฯ โดยไม่ให้เข้าไปในตัวอาคารที่ว่าการฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกฝ่ายอยู่ในที่ว่าการอำเภอเกาะสมุย ต่างเก็บข้าวของส่วนตัวทยอยกันออกจากที่ทำงานในทันที ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะสมุย ได้เรียกประชุมกำลังตำรวจ พร้อมจัดกำลังดูแลความเรียบร้อย สถานีที่หน่วยงานราชการตลอด 24 ชั่วโมง.

ผู้ว่าฯ สงขลา นำม็อบเข้าศาลากลางเอง หวังลดความตึงเครียด

เว็บไซต์ ASTV ผู้จัดการรายงานบรรยากาศการชุมนุมที่ศาลากลาง จ.สงขลา ซึ่งมีกลุ่มมวลชนชาวสงขลากว่า 2,000 คน มาชุมนุมอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัด ล่าสุด นายกฤษฏา บุญราช ผู้ว่าราชการ จ.สงขลา ได้เข้าเจรจากับแกนนำ พร้อมกับเป็นผู้นำขบวนกลุ่มมวลชนเข้าไปในศาลากลางจังหวัด และปักหลักชุมนุมอยู่ที่บริเวณสนามหน้าศาลากลาง ทั้งนี้เพื่อลดความตึงเครียด และเหตุปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่กับกลุ่มผู้ชุมนุม โดยขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ปักหลักเป่านกหวีด และส่งเสียงตะโกนเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ส่วนราชการต่างๆ ใน จ.สงขลา หยุดทำงาน และออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่ปักหลักอยู่ในขณะนี้ โดยแกนนำ ระบุว่า การชุมนุมยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะยืดเยื้อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net