Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

แถลงการณ์กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล


เรื่อง เรียกร้องรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของปวงชนชาวไทยจงกำแน่นถือครองอำนาจรัฐไว้อย่างมั่นคงเพราะมีความชอบธรรมเต็มเปี่ยมตามหนทางประชาธิปไตย

เนื่องมาจากมีกลุ่มคนอ้างเหตุความวุ่นวายและแนวโน้วการก่อจลาจลกดดันให้รัฐบาลนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภาและลาออก กลุ่มปฏิญญาหน้าศาลจึงมีข้อเสนอต่อเรื่องนี้ดังนี้

1.เนื่องจากรัฐบาลและรัฐสภานี้ มาจากการเลือกตั้งวาระ 3 กรกฎา 2554 อันเป็นการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นจากการอุทิศเลือดเนื้อชีวิต , การทุพลภาพ , การสิ้นไร้อิสระภาพ , และการต้องคดีความ รวมทั้งการบ้านแตกสาแหรกขาดของประชาชนในจำนวนมหาศาล ที่ออกมาต่อสู้เมื่อปี 2553 และเสียงที่สนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยได้ชนะเลือกตั้งก็เกินกว่า 15 ล้านเสียง การยุบสภาเท่ากับการไม่คำนึงถึงคุณค่าของขบวนการประชาชนที่ทุ่มเทในครั้งนั้น และถือเป็นการไม่เคารพเจตนารมณ์เสียงส่วนใหญ่ของประเทศที่ต้องการได้รัฐบาลที่มีความสามารถนำพาประเทศออกจาก วิกฤตการเมืองการปกครอง วิกฤตเศรษฐกิจ และวิกฤตประชาชน อันเป็นผลของการรัฐประหาร 19 กันยา 2549

2.นโยบายข้อสำคัญที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ในสนามเลือกตั้ง คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อันถือเป็นภาระกิจสำคัญสูงสุดในทางปฏิบัติที่จะนำประเทศออกจากวิกฤตอย่างเป็นรูปธรรมยังไม่บรรลุ รัฐบาลต้องอยู่ทำหน้าที่ที่ค้างคาและมีความสำคัญสูงสุดนี้ลุล่วงก่อนหมดวาระ 4 ปี ให้จงได้

3.ในสถานการณ์ความวุ่นวายจากกลุ่มปฏิปักษ์ประชาธิปไตยที่นำโดยพรรคประชาธิปัตย์ การยุบสภาไม่ใช่หนทางออกที่จะยุติความโกลาหลนี้ได้ เพราะกลุ่มผู้แสดงตัวเป็นกบฏกลางกรุงเทพโดยเสนอโครงสร้างการปกครองใหม่ที่ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยอันมีระบบรัฐสภาและพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ประกาศยืนยันหลายครั้งต่อสาธารณะว่า แม้ยุบสภาหรือคณะรัฐบาลจะลาออกเขาก็จะยังไม่หยุด เพราะเป้าหมายแท้จริงของพวกเขาคือต้องการโค่นล้มสิ่งที่พวกเขาเรียกกันเองว่าระบอบทักษิณ และไม่ต้องการให้ครอบครัวชินวัตรยังหลงเหลือเครือข่ายอยู่บนแผ่นดินไทย
และผนวกกับโครงสร้างอันซ้อนเหลื่อมของการเมืองไทยที่ปนเปกันไประหว่างอำนาจตามรัฐธรรมนูญและอำนาจนอกรัฐธรรมนูญ ที่คนไทยทั้งชาติเคยมีประสบการณ์ร่วมกันมาแล้ว จึงไม่มีหลักประกันใดยืนยันว่า เมื่อยุบสภาแล้วรัฐบาลรักษาการจะสามารถจัดให้มีการเลือกตั้งตามกรอบเวลาที่กำหนดตามกฏหมาย

4.ประชาชนที่กล้าหาญออกมาต่อต้านรัฐประหาร 19 กันยา 2549 แล้วพลาดพลั้งตกเป็นนักโทษการเมืองอยู่ในเรือนจำหลายแห่งภายใต้นโยบายผู้ต้องคดีการเมืองและเรือนจำการเมืองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มาจากการเลือกตั้ง จะอยู่ในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงที่นโยบายนี้อาจถูกเลิกล้มไปหากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยุบสภา แล้วมีกลไกอันวิปริตสร้างรัฐบาลเฉพาะกิจขึ้นตามแนวทางที่ฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตยและพรรคประชาธิปัตย์นำเสนอต่อสาธารณะ ผู้กล้าหาญที่ประเทศประชาธิปไตยควรยกย่องแต่ต้องตกอยู่ในคุกการเมืองขณะนี้ อาจถูกส่งกลับไปจองจำในสถานที่ยัดเยียดแออัดราวกรงขังสัตว์ แทนที่จะคืนเกียรติยศศักดิ์ศรีให้พวกเขาตามอุดมคติของสังคมประชาธิปไตยและอำนาจรัฐของพรรคการเมืองที่มาจากเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ

5.จากการเรียกร้องให้ยุบสภาของนักวิชาการบางกลุ่ม และในที่ประชุมอธิการบดี ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หากรัฐบาลคล้อยตามเท่ากับปล่อยให้ ทฤษฎี "2 นัครา ประชาธิปไตย" อันหมายถึง ประชาชนเสียงส่วนใหญ่ในต่างจังหวัดเลือกพรรคการเมืองตั้งรัฐบาล แล้วถูกเสียงส่วนน้อยในกรุงเทพมาล้มรัฐบาล นั้นจะทวีความเลวร้ายขึ้นเป็น ทฤษฎี "2 ชนชั้น ประชาธิปไตย" อันหมายถึง เสียงส่วนใหญ่จากชนชั้นรากฐานของประเทศเลือกพรรคการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาล แล้วถูกนักวิชาการปัญญาชนชั้นกลางส่วนน้อยล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งสามารถตีความถึงอำนาจในการปกครองตนเองของปวงชนชาวไทยนั้น ถอยห่างจากอุดมคติประชาธิปไตยสมบูรณ์ไปไกลขึ้นทุกวัน


6.การประชุมของรัฐสภาในสมัยสามัญที่ผ่านมา ได้มีการผ่าน พรบ.อนุมัติกระทรวงการคลังกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น ระบบขนส่งมวลชนด้วยรถไฟรางคู่ความเร็วสูง ซึ่งจะนำความเปลี่ยนแปลงทางบวกครบด้าน กลุ่มปฏิญญาหน้าศาลเชื่อมั่นว่า มีแต่รัฐบาลที่ดำเนินนโยบายก้าวหน้าเท่านั้น ที่จะใช้เงินกู้นี้ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด แต่ถ้ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยยุบสภา อาจมีการแทรกซ้อนทางการเมืองทำให้พรรคประชาธิปัตย์ที่ชูนโยบายอนุรักษ์นิยม หรือกลุ่มการเมืองอื่นๆ ที่มีแนวทางอนุรักษ์นิยมมากกว่า นำเงินกู้นี้ไปใช้ผิดเป้าหมายและสร้างหนี้สินรายหัวให้ประชาชนแบกรับเหมือนที่ผ่านๆมา


ดังนั้นกลุ่มปฏิญญาหน้าศาลขอให้รัฐบาลจงยืนหยัด ใช้อำนาจรัฐที่ยึดโยงจากประชาชน ผ่านสถานการณ์นี้ไปให้ได้อย่างมั่นคง

กลุ่มปฏิญญาหน้าศาล
ผู้ประสานงานหลัก
สุดา รังกุพันธุ์
ไม้หนึ่ง ก.กุนที
29 พฤศจิกา 2556

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net