องค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยยื่น กกต.เบรคโบนัสข้าราชการ

เป็นการลุแก่อำนาจนำภาษี ปชช.ทั้งประเทศมาก่อประโยชน์ให้กับกลุ่มหรือคณะหรือพรรคการเมืองฝ่ายบริหารชี้ขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้งส่อซื้อเสียงล่วงหน้า
วันนี้  10.30 น. ณ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ  จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ภาคีเครือข่ายประชาชนคนปทุมธานี สมาคมสิทธิผู้บริโภค และเครือข่ายพิทักษ์สิทธิพลเมือง ได้เข้ายื่นหนังสือเป็นจดหมายร้องเรียนกล่าวโทษ นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อธิบดีกรมบัญชีกลาง และ กทม. ว่าได้กระทำความผิดตามข้อห้ามของรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง

ทั้งนี้สืบเนื่องจากกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ได้มีมติจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ 55 ให้สำหรับส่วนราชการ จังหวัดและสถาบันอุดมศึกษา ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง โดยอนุมัติงบประมาณรายจ่ายปี 56 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 1,400 ล้านบาท เพื่อจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ 55 สำหรับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ที่ได้จัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการและประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบ 55 เพิ่มเติม จากที่มีการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 56 เพื่อการนี้ไว้แล้วในงบกลาง รายการค่าใช้จ่ายในการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 2,000 ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบ55 ของส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา ที่เหลือจ่ายประมาณ 345 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 3,745 ล้านบาท นอกจากนี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร(กทม.) ก็ยังได้มีการเตรียมพิจารณาแจกเงินรางวัลผลปฎิบัติราชการประจำปี(เงินโบนัส)แก่ข้าราชการและบุคลากรของกทม.อีกด้วยในอัตรา 1.5 เท่าของเงินเดือนซึ่งจะใช้เงินงบประมาณจากภาษีประชาชนประมาณถึง 2,030 ล้านบาท

การนำเงินงบประมาณแผ่นดินซึ่งมาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศมาตอบแทนให้กับข้าราชการซึ่งมีเงินเดือน เงินสวัสดิการต่าง ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมมากมายอยู่แล้วนั้น เป็นการขัดต่อหลักกฎหมาย หลักธรรมาภิบาล และหลักจริยธรรมโดยชัดแจ้ง ในขณะที่พี่น้องชาวไร่ ชาวนา ชาวสวนยางพารา ฯลฯ ยังไม่สามารถขึ้นเงินหรือได้รับเงินจากโครงการประชานิยมต่าง ๆ ที่รัฐบาลประกันราคาได้เลย ทั้งนี้ข้ออ้างของรัฐบาลที่ว่าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับข้าราชการและลูกจ้างประจำต่าง ๆ ที่จะได้ช่วยทำให้นโยบายของรัฐสามารถดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายได้นั้น เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น เพราะบุคลากรภาครัฐมีหน้าที่ที่จะต้องดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว การนำเงินงบประมาณแผ่นดินจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศมาจ่ายเป็นเงินรางวัลหรือโบนัส จึงเป็นเพียงกุศโลบายทางการเมือง ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดในลักษณะ “การซื้อเสียงล่วงหน้า” ได้

ทั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในช่วงที่มีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2556 ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ.2556 เป็นต้นมา และมีการกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2557 นี้แล้ว การดำเนินการดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นการกระทำที่จงใจขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 181 (2) และ (4) และหรือเป็นการขัดหรือแย้งหรือจงใจกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2550 และเป็นการขัดต่อระเบียบและข้อกำหนดของคณะกรรมการการเลือกตั้งโดยชัดแจ้ง

“การกระทำดังกล่าวน่าจะมีผลทำให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นวันเวลาใดนับแต่นี้เป็นต้นไป มิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม และเป็นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 103 และหรือมาตรา 106 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2550 และหรือมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง คณะกรรมการการเลือกตั้งในฐานะองค์กรที่มีอำนาจและหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ที่จะต้องจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และยุติธรรม ดังนั้นเมื่อมีเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว คณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรา 104 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภาพ.ศ. 2550  และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม  เพื่อกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อระงับมิให้มีการดำเนินการในกรณีดังกล่าวข้างต้นภายใน 7 วัน และหากพบการกระทำอันเข้าข่ายเจตนาหรือจงใจกระทำการดังกล่าวของพรรคการเมืองใดมีส่วนร่วมหรือรู้เห็นด้วย ขอให้เสนอคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต่อไปด้วย” นายศรีสุวรรณ กล่าว

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท