ประมวลข่าว: กปปส. ล้อมสถานีตำรวจดินแดง-ไม่พอใจการรายงานข่าวของสื่อ

ผู้ชุมนุมกปปส. ล้อมสนามกีฬาฯ ไทย-ญี่ปุ่นและสน.นครบาลดินแดง โดยเมื่อราว 11.30 น เกิดเหตุเสียงดังคล้ายระเบิดบริเวณใกล้เคียง ทำให้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย ในขณะที่ผู้ชุมนุมปิดไม่ให้ผู้สมัครและสื่อมวลชนออกมาได้จนกระทั่งราว 16.00 น.

23 ธ.ค. 2556 เว็บไซต์มติชน รายงานที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมืองและออกเสียงประชามติ และนายประวิช รัตนเพียร คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการการมีส่วนร่วม ร่วมกันแถลงข่าวการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดงเป็นวันแรก
 
นายศุภชัยกล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ กกต.เปิดให้มีการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ โดยมีพรรคการเมือง 9 พรรค ที่เข้ายื่นเอกสารและหลักฐานการสมัครที่อาคารกีฬาเวศน์ 2 ส่วนอีก 25 พรรค ไม่สามารถเข้ายื่นเอกสารการสมัครที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ได้จึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ดินแดงและกองบังคับการกองปราบปราม การส่งเจ้าหน้าที่ไปยัง สน.ดินแดงก็เพื่อตรวจสอบเบื้องต้นว่า ผู้ที่ไปลงบันทึกประจำวันเป็นผู้รับมอบอำนาจจากหัวหน้าพรรคการเมืองจริงหรือไม่เท่านั้น
 
นายสมชัยกล่าวว่า กกต.ยืนยันว่าจะดำเนินการรับสมัค รส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อไปตามกำหนดการเดิม ระหว่างวันที่ 23-27 ธันวาคม 2556 เวลา 08.30-16.30 น. จนถึงขณะนี้ กกต.ยังไม่มีมติเปลี่ยนแปลงสถานที่รับสมัครและยังไม่ขยายเวลารับสมัคร ดังนั้นผลของการยื่นเอกสารสมัครรวมถึงการลงบันทึกประจำวันของพรรคการเมืองต่างๆ ยังถือว่าไม่เป็นการรับสมัครที่สมบูรณ์เพราะยังไม่ได้ตรวจสอบเอกสาร ยังไม่มีการลงนามโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และพรรคการเมืองยังไม่ได้ชำระเงิน
 
นอกจากนี้ กกต.ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควรตรวจสอบเอกสารและคุณสมบัติต่างๆ ของผู้สมัคร จึงยืนยันได้ว่า กกต.จะยังไม่จับสลากหมายเลขในวัน 23 ธันวาคม ส่วนข้อกล่าวหาที่ระบุว่า กกต.ลักหลับ เปิดรับสมัครตั้งแต่ช่วงเวลา 03.00 น. นั้น ขอชี้แจงว่าไม่เป็นความจริง เป็นเพียงการเข้ามายื่นแสดงความจำนงว่าพรรคการเมืองจะลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่า กกต.เปลี่ยนสถานที่ไปรับสมัครตามโรงพักนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะการเปิดรับสมัครทำได้ที่เดียวคืออาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นไปตามที่ประกาศไว้ในราชกิจานุเบกษา
 
“การที่แจ้งให้พรรคการเมืองไปโรงพักเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวันว่า มาถึงแล้วแต่เข้าไปสมัครไม่ได้ โดย กกต.จะถือเอาเวลาในการลงบันทึกประจำวันมาใช้ประกอบการจับสลาก โดยพรรคที่ลงบันทึกประจำวันหลังเวลา 08.30 น. จะได้เบอร์เรียงต่อจากพรรคที่มาก่อนเวลา 08.30 น. ถึงอย่างไรการรับสมัครก็ต้องทำภายในอาคารกีฬาเวสน์ 2 แม้จะต้องโรยตัวลงไปก็ตาม ส่วนที่มีข่าวว่า กกต.จะย้ายสถานที่รับสมัครและจับสลากที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น ไม่เป็นความจริง ไม่สามารถทำได้จนกว่า กกต.จะมีมติ โดย กกต.จะประชุมกันทุกวันเพื่อประเมินสถานการณ์ ขณะนี้ยังต้องรอดูจนถึงวันที่ 27 ธันวาคม จึงจะตัดสินใจได้ว่าจะนัดให้แต่ละพรรคการเมืองมาจับสลากหมายเลขในวันเวลาใด ซึ่ง กกต.จะต้องประกาศและดำเนินการอย่างโปร่งใสและเปิดเผยต่อหน้าสักขีพยานและสื่อมวลชน โดยทุกพรรคการเมืองต้องเข้ามามีส่วนร่วม”

กกต. ยังไม่ฟันกปปส. ล้อมสนามกีฬาฯ ผิดกฎหมายหรือไม่
 
ถามว่าขณะนี้การปิดล้อมอาคารกีฬาเวสน์ถือว่าเข้าข่ายผิด มาตรา 43 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ระบุว่าผู้ใดขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ กกต.หรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะต้องคำนึงถึงพอสมควร ขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองพิจารณาว่าจะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ ตนคิดว่าเป็นประเด็นกฎหมายทั้งนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ ยังไม่จำเป็นต้องตอบตอนนี้ ขอดูสถานการณ์ไปก่อน แต่หาก กกต.ไม่ดำเนินคดีอาจถูกตั้งข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เสียเอง
 
นายธีรวัฒน์กล่าวว่า แม้ในวันนี้จะเป็นเรื่องยากในการเปิดรับสมัคร กกต.เข้าใจในสถานการณ์ ยังยืนยันเปิดรับสมัครยังคงใช้ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 แต่หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย กกต.ก็ต้องประเมินสถานการณ์อีกครั้ง
 
สำหรับพรรคการเมือง 9 พรรคที่เข้าไปยื่นเอกสารภายในอาคารกีฬาเวสน์ได้ ประกอบด้วย พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคชาติพัฒนา พรรคเพื่อไทย พรรคดำรงไทย พรรคกสิกรไทย พรรคถิ่นกาขาว พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า พรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
 
ส่วนพรรคการเมืองอีก 25 พรรค ที่เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ ประกอบด้วย พรรคพลังประเทศไทย พรรคเสรีนิยม พรรคชาติสามัคคี พรรครักไท พรรคไทยมหารัฐพัฒนา พรรคเสียงประชาชน พรรครักสันติ พรรคภราดรภาพ พรรคพลังสหกรณ์ พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย พรรคแทนคุณแผ่นดิน พรรคพลังประชาธิปไตย พรรคเมืองไทยของเรา พรรคประชาสันติ พรรคพลังไทยเครือข่าย พรรคไทยรักธรรม พรรคยางพาราไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคคนขอปลดหนี้ พรรคประชาสามัคคี พรรคเพื่อสันติ พรรคพลังเครือข่ายประชาชน พรรครักประเทศไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคพลังไทยรักชาติ

เกิดเหตุเสียงคล้ายระเบิดดังขึ้นบริเวณสถานีตำรวจดินแดง

โดยเมื่อเวลา 14.30 ภายหลังจากที่ แกนนำ กปปส. นำโดย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายชุมพล จุลใส ได้มีการนำพากลุ่มผู้ชุมนุม มาชุมนุมหน้าสน.ดินแดง หลังจากที่ตัวแทนพรรคการเมืองซึ่งจะมารับสมัครเลือกตั้งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ไม่สามารถเข้าไปสมัครได้ที่ สถานที่รับสมัคร อาคารกีฬาเวสน์ 2   สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง  จึงเดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม ตั้งแต่ช่วงเช้าวันที่ 23 ธันวาคม ที่ผ่านมานั้น

ผู้ชุมนุมล้อมบริเวณหน้าสถานีตำรวจนครบาลดินแดง

หลังจากเหตุการณ์ได้เริ่มคลี่คลายลงบ้าง  แกนนำ กปปส.ได้เข้าหารือกับพ.ต.ท. สุภัทร ทองส้ม หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ดินแดง  เพื่อชี้แจงถึงเหตุที่มีการต้องนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาบุกล้อม  และแกนนำ คือนายพุทธิพงษ์  และนายจุมพล ได้ขึ้นเวทีชี้แจงกับกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่นั้น เพื่อที่จะเตรียมตัวเดินทางกลับไปยังที่ชุมนุมหลังได้ข้อสรุปการเจรจากับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  ในเวลา ประมาณ 11.25 น. ได้เกิดเสียงดังคล้ายระเบิดหรือปืน ดังขึ้น 4 ครั้ง มาจากทางด้านหลังสถานีตำรวจนครบาลดินแดง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างมาก ซึ่งแกนนำยืนยัน อ้างว่า เป็นเสียงปืนอย่างแน่นอน และเหตุการณ์ดังกล่าว ได้สร้างความยั่วยุให้เกิดความตึงเครียดต่อสถานการณ์รอบๆ สถานีตำรวจนครบาลดินแดงอย่างมาก โดยระบุ  ตำรวจไม่สามารถให้ความคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนได้เลย

ต่อมา พ.ต.ท.สุภัทร ได้เรียก นายชุมพล และนายพุทธิพงษ์เข้าหารืออีกครั้ง

บริเวณอาคารใกล้เคียงสน. นครบาลดินแดงที่เกิดเหตุคล้ายเสียงระเบิดสี่นัด

กปปส. ยังกดดันสื่อมวลชน เหตุไม่พอใจการรายงานข่าว
 
ในขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวมติชนได้รายงานว่า ประมาณ 14.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมได้ขึ้นมาล้อมพร้อมตะโกนขับไล่และใช้มือตบ แสดงความไม่พอใจในการเสนอข่าวของผู้ประกาศข่าวช่อง 7 ที่กำลังรายงานสด พร้อมกับดึงเสื้อของช่างภาพทำให้ผู้ประกาศช่อง 7 ได้ถอนการรายงานสด กลับสถานี ทั้งนี้ระหว่าง เก็บอุปกรณ์ผู้ชุมนุมได้ดึงสายเคเบิ้ลของกล้องไปมัดไว้ที่รั้วสนามกีฬา พร้อมบอกว่า" กลับไม่ได้ ไม่อนุญาตให้กลับ" ขณะที่แกนนำในเวทีดังกล่าวนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่การชุมนุมด้านหน้าสนามกีฬา และการปราศรัยบนเวทียังมีการโจมตีการทำหน้าที่สื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วนผู้สื่อข่าวหลายสำนักที่มาทำงานในพื้นที่นั้นโดนมวลชนกปปส.ขัดขวางการทำหน้าที่ เเละโจมตีการทำงานของสื่อมวลชน ทำให้สื่อมวลชนหลายสำนักทยอยกลับเพราะไม่มีเเกนนำกปปส.มาปรับความเข้าใจเเละดูเเลการทำงานของสื่อมวลชนที่ไม่สะดวกจากการกดดันของมวลชน ทั้งนี้ทราบว่ายังมีนักข่าวโทรทัศน์เเละช่างเทคนิคหลายสถานี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ กกต. 200 คนเเละตำรวจจำนวนหนึ่งที่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ยังติดค้างอยู่ในอาคารกีฬาเวสน์ 2 ไทย-ญี่ปุ่น ดินเเดง เเละยังไม่สามารถออกมาได้ เเละล่าสุดตอนนี้สื่อมวลชนมารวมตัวที่ประตู 3 รอประสานเเกนนำกปปส.ผ่าน ร.ต.เเซมดิน เลิศบุศย์เเละนายวิทยา เเก้วภราดรัย เพื่อให้สื่อมวลชนออกไป เเต่ร.ต.เเซมดินอ้างว่า"ขอให้นับจำนวนให้เเน่นอน หากใครไม่ใช่สื่อมวลชนก็ไม่ให้ออกมา เพราะจากนี้ไปจะไม่ให้ใครเข้า-ออก" เเละยังไม่มีสัญญาณจากเเกนนำกปปส. โดยมวลชนนั่งปิดประตูทั้งหมด โดยมวลชนอ้างว่าไม่ต้องการให้เกิดการเลือกตั้ง

บริเวณภายในรั้วสน. นครบาลดินแดง มีผู้สื่อข่าวรอทำข่าวจำนวนมาก

ผู้ชุมนุมพยายามบุกเข้าไปในโรงแรมที่อยู่ติดกับสน.ดินแดง หลังจากสงสัยว่ามือปาระเบิดวิ่งหนีเข้าในอาคาร

พท.จวกม็อบสุเทพป่าเถื่อนหลังคุกคามผู้สมัคร – สื่อมวลชน จี้ กกต.เอาผิดตาม กม.

เว็บไซต์ข่าวสด รายงานเมื่อ 14.30 ว่าที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.และพวก เดินทางไปปิดล้อมศูนย์เยาวชนไทย – ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการกระทำที่ท้าทายกฎหมาย และท้าทายอำนาจของ กกต.เพราะมีการค้นตัวและยึดเอกสารผู้สมัคร คุกคามสื่อ คุกคามสมาชิกพรรคการเมือง และขณะนี้มีการกักเจ้าหน้าที่ของ กกต. รวมทั้งตรวจค้นบุคคลที่เข้า - ออก ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่นายสุเทพกับพวกระบุว่าไปให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ หรือไปแสดงตัวเพื่อคัดค้านโดยปราศจากอาวุธ ถือเป็นการเล่นลิ้น คุกคามสิทธิเสรีภาพของพรรคการเมืองและสื่อมวลชน เป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน เป็นพวกกฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ดังนั้นขอให้ กกต.ดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายตามมาตรา 76 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งฯ และความผิดตามมาตรา 43 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการพรรคการเมืองฯ ซึ่งมีโทษทั้งจำและปรับเช่นกัน และผิดประมวลกฎหมายอาญาเพราะเป็นการข่มขืนจิตใจสมาชิก บังคับสื่อและสมาชิกพรรคการเมือง ดังนั้นขอให้ กกต.บังคับใช้กฎหมายด้วย เอาผิดนายสุเทพไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า และขอให้ตรวจสอบว่าหากมีสมาชิกพรรคการเมืองรู้เห็นเป็นใจ สามารถเอาผิดโดยการยุบพรรคได้ เพื่อให้เกิดความสุจริตและเป็นธรรม ที่สำคัญยังมีความผิดข้อหากบฏในราชอาณาจักร ทั้งนี้ นายสุเทพมีเป้าหมายที่จะสร้างความรุนแรง ป่วนไม่ให้มีการเลือกตั้งเพื่อเปิดช่องให้เกิดการปฏิวัติ สอดคล้องกับสื่อต่างประเทศมองว่าการกระทำดังกล่าวไม่ได้ต้องการล้มรัฐบาล แต่ต้องการฉีกรัฐธรรมนูญ ทำลายระบอบประชาธิปไตย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการคุกคามสื่อมวลชนตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งที่ผู้ชุมนุมบอกว่าชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ แต่จากการชุมนุมตลอด 2 เดือนที่ผ่านมามีการคุกคามสื่อโทรทัศน์ กระทั่งล่าสุดมีการกักไม่ให้สื่อมวลชนออกจากสถานที่รับสมัคร ซึ่งเหมือนการคุกคามประชาชน สิ่งที่นายสุเทพพยายามสร้างประเด็นว่าสื่อไม่เป็นกลาง ไม่รายงานข่าว แต่เมื่อสื่อเข้าไปทำหน้าที่กลับถูกคุกคามถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน ดังนั้นขอให้หยุดทำร้ายสื่อและหยุดคุกคามประชาชนที่บริสุทธิ์ ทั้งนี้ อยากถามว่านายสุเทพเอาอำนาจมาจากไหน มีกฎหมายใดให้อำนาจไว้ เพราะวันนี้ไม่ใช่การชุมนุมโดยสงบถือว่ามีความผิดข้อหากบฏชัดเจน ตนได้รวบรวมเอกสารหลักฐานโดยจะให้ฝ่ายกฎหมายพรรค ไปยื่นเอาผิดที่กองปราบฯ ในข้อหากบฏต่อไป รวมทั้งทราบว่ามีประชาชนจะยื่นเอาผิดนายสุเทพและพวกเช่นกัน คาดว่าจะมีประชาชนแจ้งความเอาผิดนายสุเทพกับพวกทั่วประเทศ

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์และสมาชิกพรรค แถลงข่าววิพากษ์วิจารณ์กรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอเสนอชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยกล่าวหาว่าขายไม่ได้ ไม่มีที่ยืนในสังคม ปล่อยให้มีการทุจริต ถูกบงการจากคนแดนไกลว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง สิ่งที่นายชวนนท์ออกมากล่าวหานายกฯ นั้น มองอย่างอื่นไม่ได้ว่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้ตนอื่น การที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นการคัดเลือกของคณะกรรมการบริหารพรรคและคณะกรรมการคัดเลือก เห็นตรงกัน ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีคุณสมบัติที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้ง และยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยโดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง ไม่ลอยตัวหรือหนีปัญหา ถือเป็นเรื่องปกติ หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่บอยคอตก็คงเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดังนั้นเมื่อไม่ลงเลือกตั้งเท่ากับไม่ทำตามจุดยืนของพรรคการเมืองในการเป็นตัวแทนประชาชน เมื่อได้เงินสนับสนุนจาก กกต.ต้องลงเลือกตั้ง แต่กลับโยนบาปให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ดังนั้นอย่ากล่าวหาลักษณะยกตนข่มท่าน ขอให้เลิกกล่าวหาคนอื่น ทั้งนี้ มีคนถามว่าที่บอยคอตเลือกตั้งเป็นเพราะฟังนายสุเทพใช่หรือไม่ มีคนที่มีอำนาจเหนือนายอภิสิทธิ์ที่เป็นหัวหน้าพรรคจริงหรือไม่

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่ม กปปส.เดินทางไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยบุกเข้าไปในอาคารและไล่เจ้าหน้าที่ออกนอกพื้นที่ เป็นการกระทำลักษณะลุแก่อำนาจ เป็นการคุกคามเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมายอย่างชัดเจน ไม่ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คุกคามกระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเอาผิดนายสุเทพและพวก ทั้งนี้ เป้าหมายไม่ใช่ปฏิรูปแต่ต้องการการปฏิวัติ  
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท