แกนนำของกปปส.ยังไม่เสนอแนวทางปฎิรูปเศรษฐกิจแม้ว่าแนวร่วมหลายคนประณามว่าระบบเศรษฐกิจปัจจุบันคือทุนนิยมสามานย์ เนื่องจากแนวคิดและวิธีการแย่งชิงอำนาจของกปปส.คล้ายคลึงกับแนวทางของฟาสซิสต์อิตาลีมากกว่าฟาสซิสต์เยอรมันและฟาสซิสต์ญี่ปุ่น จึงน่าศึกษาว่ารัฐบาลฟาสซิสต์อิตาลีภายใต้เผด็จการมุสโสลินีปฎิรูปเศรษฐกิจอิตาลีอย่างไร
มุสโลลินีเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรอิตาลีนานถึง 21 ปีตั้งแต่ 10 ปีก่อนการอภิวัฒน์สยามพศ.2475 จนถึง 11 ปีหลังการอภิวัฒน์สยาม เศรษฐกิจอิตาลีโดนปฎิรูปให้ต่างจากทุนนิยมในสหรัฐอเมริกาและสังคมนิยมในสหภาพโซเวียตเพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้สอดคล้องกับอุดมการณ์ชาตินิยมเป้าหมายการปฎิรูปคือการสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งผลิตเพื่อบริโภคโดยไม่พึ่งพาต่างประเทศ ลักษณะเด่นของเศรษฐกิจพอเพียงยุคมุสโสลินีคือการจัดตั้งสมาคมวิชาชีพในแต่ละภาคการผลิต ในทางทฤษฎีสมาคมวิชาชีพทำหน้าที่ร่วมกำหนดนโยบายรัฐ แต่ในทางปฎิบัติไม่ชัดเจนว่าสมาคมวิชาชีพมีอิทธิพลกำหนดนโยบายยุคมุสโสลินีแค่ไหน
นโยบายที่ดิน
รัฐบาลมุสโสลินีขยายพื้นที่การเกษตรโดยการปล่อยน้ำออกจากพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าชายเลนแล้วบังคับให้เจ้าของที่ดินแบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดินกับเกษตรกรไร้ที่ดินผ่านสมาคมเจ้าของที่ดินเนื่องจากเป้าหมายปฎิรูปที่ดินคือการเพิ่มผลผลิตให้พอเพียงสำหรับบริโภคภายในประเทศ นอกจากปฎิรุปที่ดินแล้วรัฐบาลก็รับประกันราคาสินค้าเกษตรที่ต้องการเพิ่มผลผลิตด้วย
นโยบายแรงงาน
รัฐบาลมุสโสลินีออกกฎหมายบังคับให้แต่ละอุตสาหกรรมมีสหภาพพนักงานได้สหภาพเดียวและกลุ่มนายจ้างกลุ่มเดียวในแต่ละอุตสาหกรรม สหภาพพนักงานและกลุ่มนายจ้างต่อรองกันโดยมีรัฐบาลเป็นผู้กำหนดกติกา กติกาที่สำคัญคือกฎหมายห้ามสหภาพพนักงานนัดประท้วงหยุดงานและห้ามนายจ้างหยุดจ้างงานชั่วคราวเพื่อต่อรองกับสหภาพพนักงาน กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างเสถียรภาพการผลิต ในทางปฎิบัติกฎหมายนี้เอื้อประโยชน์ให้นายจ้างมากกว่าพนักงาน เพราะเมื่อพนักงานประท้วงไม่ได้นายจ้างก็ไม่จำเป็นต้องหยุดจ้างงานชั่วคราวเพื่อต่อรองกับพนักงาน
นโยบายทุน
แบงค์ชาติอิตาลีอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลมุสโสลินี หลังมุสโสลินีเป็นนายกฯเพียงปีเดียว แบงค์ชาติอิตาลีอัดฉีดเงินทุนให้บริษัทอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ที่สุดและสถาบันการเงินเจ้าหนี้ของบริษัทนั้นด้วย10ปีผ่านไปเกิดสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก เกิดปัญหาหนี้เสียจนเกิดวิกฤตการเงิน รัฐบาลมุสโสลินีจัดตั้งสถาบันฟื้นฟูอุตสาหกรรมเพื่อเข้าไปถือหุ้นวาณิชธนกิจขนาดใหญ่หลายแห่งที่เกิดวิกฤต ทำให้รัฐบาลกลายเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทจำนวนมากที่วาณิชธนกิจเหล่านั้นถือหุ้น ตั้งแต่นั้นมารัฐบาลใช้สถาบันฟื้นฟูฯเป็นเครื่องมือแทรกแซงภาคเอกชนในทุกอุตสาหกรรมด้วยการถือหุ้นใหญ่ในบริษัทที่ได้กำไรและไม่ได้อยู่ในสภาวะใกล้ล้มละลาย สถาบันฟื้นฟูฯทำให้ข้าราชการมีอิทธิพลต่อภาคเอกชนและเปิดโอกาสให้ข้าราชการและนักธุรกิจเอื้อประโยชน์ให้กันอย่างไม่โปร่งใสบริษัทที่สถาบันฟื้นฟูฯเข้าไปถือหุ้นนั้นมีตั้งแต่บริษัทจำกัดนอกตลาดหุ้นและบริษัทมหาชนในตลาดหุ้น (อิตาลีมีตลาดหุ้นตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)สถาบันฟื้นฟูฯมีอายุยืนยาวถึง 70 ปีและเพิ่งโดนยุบไปหลังจากที่อิตาลีหันมาใช้เงินยูโรแทนเงินลิราเมื่อ 10 กว่าปีนี้เอง
นโยบายการค้าและการเงินระหว่างประเทศ
รัฐบาลมุสโสลินีส่งเสริมเศรษฐกิจพอเพียงโดยกีดกันสินค้าต่างชาติด้วยอากรนำเข้า ส่วนด้านโนบายการเงินระหว่างประเทศมุสโสลินีบังคับให้แบงค์ชาติอิตาลีใช้นโยบายแข็งค่าเงินลิรา เพราะมุสโสลินีเชื่อว่าการอ่อนค่าของเงินลิราแสดงถึงความอ่อนแอของประเทศการแข็งค่าของเงินลิราทำให้สินค้าอุตสาหกรรมจากอิตาลีตีตลาดโลกไม่ได้และทำให้ภาคอุตสาหกรรมไม่สามารถขยายฐานการจ้างงาน แม้ว่าอิตาลียุคมุสโสลินีผลิตสินค้าอุตสาหกรรมอย่างเรือรบและรถยนต์ได้ แต่ฐานการจ้างงานในยุคนั้นยังอยู่ในภาคเกษตรกรรม สุดท้ายภาวะเงินเฟ้อทำให้เงินลิราอ่อนค่าลง
การประชาสัมพันธ์นโยบาย
โดยเนื้อแท้ระบบเศรษฐกิจพอเพียงยุคมุสโสลินีคือระบบทุนนิยมที่จำกัดการแข่งขันทั้งในประเทศและนอกประเทศรัฐบาลมุสโสลินีมีเทคนิคด้านการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนเชื่อว่านโยบายรัฐบาลเป็นนโยบายที่ดี อาทิ
ก) นำหน้าชื่อโครงการต่างๆด้วยคำว่า”ศึก”เพื่อกระตุ้นอุดมการณ์ชาตินิยม เช่น “ศึกธัญพืช”คือโครงการเพิ่มผลผลิตธัญพืช“ศึกที่ดิน”คือโครงการขยายพื้นที่ทำการเกษตร
ข) มุสโสลินีทำพิธีเข้านับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกทั้งๆที่ตอนก่อนเป็นนายกฯเขาเป็นนักสังคมนิยมและไม่เชื่อว่าพระเจ้ามีจริงทำให้เขาได้รับความไว้วางใจจากคนอนุรักษ์นิยม
ค) มุสโสลินีออกกฎหมายกำหนดให้ศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกเป็นศาสนาประจำชาติ และตั้งตนเป็นผู้อุปถัมภ์ศาสนาประจำชาติ
ง) พระสันตปาปาและหนังสือพิมพ์นครรัฐวาติกันยกย่องมุสโสลินีอย่างเปิดเผย
จุดจบของฟาสซิสต์อิตาลี
นโยบายรับประกันราคาสินค้าเกษตรและการแทรกแซงภาคอุตสาหกรรมด้วยเงินจากแบงค์ชาติอิตาลีทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อ การแทรกแซงภาคเอกชนโดยสถาบันฟื้นฟูฯไม่ได้ช่วยยกระดับประสิทธิภาพการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม ทำให้แรงงานส่วนใหญ่ติดอยู่ในภาคเกษตรนอกจากนี้เกษตรกรที่ผลผลิตไม่ได้รับประกันราคาต้องแบกภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นประกอบกับความขัดแย้งทางการเมืองท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้อิตาลีเกิดสงครามกลางเมืองและมุสโสลินีโดนสังหารในที่สุด หลังมุสโสลินีเสียชีวิตเพียงปีเดียวประชาชนอิตาลีลงประชามติเปลี่ยนอิตาลีจากราชอาณาจักรเป็นสาธารณรัฐ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)