รายการ ฟันธง “เลือกตั้ง เลื่อน หรือไม่เลื่อน” ช่อง 11 วันที่ 27 ธันวาคม พศ 2556 กกต. สมชัย ได้ โต้แย้งการแสดงความคิดเห็นของผม ในฐานะ โฆษก สปป โดย ได้กล่าวในนาที 16.46 ว่า
“ การเปลี่ยนสถานที่มีการพูดคุยกัน มีการจัดเตรียมจริง ...การเปลี่ยนสถานที่นั้นจะต้องประกาศในราชกิจจานเบกษา ก่อนประมาณ 1วัน ... การเปลี่ยนสถานที่ไม่ใช่ประเด็นที่จะทำให้เหตุการณ์สงบหรือไม่สงบ ขึ้นอยู่กับฝ่ายที่คัดค้านว่ามีความมุ่งมั่นแค่ไหนอย่างไร ผมอ่านแถลงการณ์ของทางกลุ่ม อาจารย์ ผมก็ไม่สบายใจ เพราะบางเรื่อง อาจารย์ ไม่รู้จริง(นาที ที่ 17.17)และก็เขียนไปในแถลงการณ์ เช่นบอกว่า ทำไมไม่รับสมัครทาง อินเทอรเน็ต ทำไมไม่จับฉลากทาง vdo conference ผมถามว่า อาจารย์อ่านกฎหมาย หรือเปล่า?
"กฎหมายบอกว่ายังไงครับ? การยื่นใบสมัครนั้น จะต้องยื่นต่อ คณะกรรมการ การเลือกตั้ง ในวัน เวลา และ สถานที่ ที่ประกาศในราชิจจานุเบกษา ถ้าไปยื่นข้างนอก ขนาดไปลงบันทึกเวลาที่โรงพักก็ยังบอกเลยว่าไปแอบรับสมัครกันข้างนอกได้อย่างไร เพราะฉะนั้น การจับสลาก ก็ต้องทำต่อหน้า กรรมการ การเลือกตั้ง
"เพราะฉะนั้นสิ่งต่างๆเหล่านี้ผมคิดว่าบางครั้ง สังคมไทย ศึกษาน้อยเกินไป อาจเป็นเรื่องของการที่ว่า คิด จินตนาการว่า กกต. ทำได้ทุกอย่างทุกเรื่อง และพยายามบอกว่า กกต.มีสิ่งทำได้ดีกว่านั้น กลับไม่ทำ .....
"ผมก็เป็นห่วงว่า บางครั้งถ้าเราอยู่ในสภาพสังคม ซึ่งไม่รู้จริงและทำตัวเป็นผู้รู้
สังคมเสียหายเหมือนกัน ก็ทำให้คนสับสน ว่าทำได้หรือทำไม่ได้”
เนื่องจากผมไม่มีโอกาสโต้แย้งประเด็นกฎหมายในรายการเพราะหมดเวลาถ้าอย่างนั้นเรามาดูกฎหมายกันครับว่าใครกันแน่ที่ไม่รู้จริงใครกันแน่ที่ทำให้สังคมเสียหาย????
พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และส.ว. พ.ศ.2550 (แก้ไข 2554)
มาตรา 7 บัญญัติว่า
“ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศในราชกิจจานุเบกษาเกี่ยวกับการเลือกตั้งดังต่อไปนี้
(1) กำหนดวันรับสมัครเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งซึ่งต้องกำหนดให้มีการเริ่มรับสมัครไม่เกินยี่สิบวันนับจากวันที่
พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใช้บังคับและต้องกำหนดวันรับสมัครไม่น้อยกว่าห้าวัน
(2) กำหนดวันที่พรรคการเมืองจะยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งต้องกำหนดให้เป็นวันก่อนวันรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งตาม(1) และกำหนดวันรับสมัครไม่น้อยกว่าห้าวัน
(3) ….”
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามาตรา7(2) แห่งพ.ร.บ.ประกอบนี้บังคับไว้แต่เพียงว่า
1 กกต. ต้องกำหนดวันที่จะยื่นรับสมัครแบบบัญชีรายชื่อ
2 วันที่รับสมัครแบบบัญชีรายชื่อต้องทำก่อนวันรับสมัครแบบเขต
3ต้องเปิดรับสมัครไม่น้อยกว่า 5 วัน
และ มาตรา 42 วรรคท้าย ให้ กกต. ประกาศ รายละเอียด เกี่ยวกับหลักฐานการสมัครและวิธีการยื่นบัญชีรายชื่อในราชกิจานุเบกษา เพื่อให้สังคมรับทราบ
เท่านั้น(!!!!)รายละเอียดที่เหลือเช่นสถานที่รับสมัครกฎหมายไม่ได้บังคับเพราะเจตนาเปิดช่องให้กกต.ใช้อำนาจในการตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรจึงจัดให้มีการเลือกตั้งตามที่รัฐธรรมนูญบังคับไว้ในมาตรา 108 ก็อย่างที่ กกต.สมชัยยอมรับในรายการว่าเปลี่ยนสถานที่รับสมัครได้ก็แค่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา 1วันก็มีผลใช้ได้ ซึ่ง
ประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งเรื่องการสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรราชกิจจานุเบกษาเล่ม 130 ตอนที่ 119 ก หน้า 22 ลงวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ลงนามโดยนายอภิชาติ ประธาน กกต.ณขณะนั้นวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556 นั้นกำหนดว่า
ให้หัวหน้าพรรคการเมืองหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อพร้อมด้วยหลักฐานต่างๆต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งตั้งแต่วันที่ 23 ถึง 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ระหว่าง 8.30 น ถึง 16.30น ณ ศูนย์เยาวชนไทยญี่ปุ่นดินแดง
ซึ่งประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้งนี้สามารถ(ย้ำว่า) แก้ไขได้ด้วยการออกประกาศใหม่ให้มีวิธีการที่หลากหลายมากขึ้นเพราะ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และส.ว. พ.ศ.2550 บังคับแค่ 3 ประการเท่านั้นที่เหลือให้อำนาจดุลยพินิจแก่ กกต. เพื่อให้ กกต. สามารถทำหน้าที่จัดการรับสมัครเลือกตั้งได้
อีกทั้งกรณีการรับสมัครแบบ ส.ส. แบบสัดส่วนผมย้ำว่ากฎหมายไม่ได้บังคับว่าจะต้องกระทำ ณสถานที่ใดและกฎหมายไม่ได้ห้ามเปลี่ยนแปลงแก้ไขสถานที่หรือวิธีการรับสมัครเพียงแต่บังคับตาม ม 42 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และส.ว. พ.ศ.2550 ที่ให้ยื่นต่อกกต.ตามวันเวลาที่กำหนดพร้อมค่าธรรมเนียมและหลักฐานอื่นๆเท่านั้น
ซึ่งไม่เหมือนกับกรณีการรับสมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตที่กำหนดสถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำเขตกำหนดและทั้ง 2 กรณี (แบบบัญชีรายชื่อและแบ่งเขต) จะนำมาปนเปกันไม่ได้
บทสรุป
แถลงการณ์ฉบับที่ 3 ของสปป. นั้นเจาะจงเฉพาะท่าทีในการทำงานของกกต.บางท่านที่มีต่อปัญหาการรับสมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเท่านั้นโดยกกต.ไม่เลือกหรือหาแนวทางอื่นที่กฎหมายเปิดช่องให้ กกต.กระทำได้ โดยการออกหรือแก้ไขประกาศ กกต.เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งได้โดยการประกาศในราชกิจานุเบกษาเพื่อลดความรุนแรงและสูญเสียต่อมนุษย์และทรัพย์สิน
ดังนั้นผมจึงเรียกร้อง กกต.ต้องทำตามหน้าที่ที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 235 ที่บัญญัติให้ คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดการเลือกตั้งให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม
เพราะ กกต. ต้องทำหน้าที่จัดให้มีการเลือกตั้ง ในวันที่ 2 กพ พศ 2557 ให้ได้ ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งแต่เป็นหน้าที่ของ กกต. ต่อ คนไทยผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้ง 48 ล้านคน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)