Skip to main content
sharethis

สุเทพ เทือกสุบรรณ ยืนยัน กปปส. ไม่ได้มาสู้ตำรวจ-ไม่ได้แค้นตำรวจ แต่สู้ระบอบทักษิณ ขอคนกรุงอย่ากลัว 'ปฏิวัติประชาชน' เพราะคนมาร่วมเป็นคนดี ใครไม่สบายใจนอนอยู่บ้านก็ไม่ว่ากัน โดยจะมีการตั้งเวทีปราศรัยตามแยกต่างๆ ทำให้ถนน กทม. ปลอดรถยนต์ พร้อมเชิญพ่อค้าแม่ขาย ข้าราชการมาร่วมต่อสู้เรื่องจะได้จบเรียบร้อย

สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ปราศรัยเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2556 (ที่มา: Blue Sky Channel)

31 ธ.ค. 2556 - เมื่อเวลา 20.00 น. ของวันที่ 30 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้กล่าวปราศรัยว่า หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ และเดอะเนชั่น ยกย่องมวลมหาประชาชน ให้เป็นบุคคลแห่งปี เป็นการยกย่องที่เราสมควรภาคภูมิใจ

 

สุเทพย้ำไม่มีการต่อรองกับสุเทพแล้วจบ ต้องคุยกับมวลมหาประชาชนเอง

จากนั้นได้กล่าวต่อว่า "มีคนบางคน เพียรพยายามพูดจาต่อรองกับผม ช่วยทำให้การชุมนุมคราวนี้เลิกทีเถอะ ให้บ้านเมืองสงบเสียที จะเอาอะไรก็บอกมา ผมได้เรียนตรงๆ ว่า ท่านเข้าใจข้อเท็จจริงผิดไปแล้ว ท่านไม่ได้มาอยู่บริเวณที่ชุมนุม ไม่เข้าใจจิตใจพี่น้องประชาชนที่มาต่อสู้ มองไม่ทะลุจิตใจประชาชนเหล่านั้น เลยนึกเอาว่ามวลมหาประชาชนที่ลุกมาต่อสู้คราวนี้ก็เหมือนการชุมนุมรายอื่นๆ คือมีอะไรก็พูดกับผู้นำชุมนุม จะเดินหน้าถอยหลังก็อยู่ที่ผู้นำ แต่สำหรับมวลมหาประชาชนที่ลุกขึ้นต่อสู้พร้อมกันคราวนี้ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น คุยกับกำนันสุเทพคนเดียวไม่ได้ ต้องคุยกับคนหลายล้านคนเรื่องมันถึงจะจบ"

"แล้วผมก็ได้พูดให้เขาฟัง ว่าไม่ใช่เพราะผมก้าวร้าว ไม่ใช่เพราะผมโอหัง หรือเป็นคนไม่ฟังเหตุผล ที่ผมได้ประกาศว่าการต่อสู้คราวนี้ไม่มีการต่อรองประชาชนต้องการขจัดระบอบทักษิณ ปฏิรูปประเทศไทย ต่ำกว่านั้นไม่รับทุกเงื่อนไข คนที่มาพูดกับผมไม่เข้าใจบอกว่าถ้าผมรับเงื่อนไขก็จบ ผมบอกว่าไม่ใช่ ประชาชนเป็นคนกำกับให้ผมแสดงออก พูดจาแทนประชาชนแบบนี้ ไม่ใช่ผมนึกเอาเอง นี่ผมพูดแทนประชาชนหลายล้านคนทั่วประเทศไทย"

"ผมบอกเลยว่าให้ท่านมาเดินท่ามกลางผู้ชุมนุมและพูดคุยดูเป็นรายคนว่าพี่น้องที่มาชุมนุมต้องการอะไร และท่านจะแปลกใจว่ามวลมหาประชาชนในประเทศไทยวันนี้มีความคิดก้าวหน้า ล้ำหน้ากว่านักการเมืองไดโนเสาร์ และข้าราชการไดโนเสาร์ของประเทศไทย"

 

ตอบบรรหาร ที่ต้องชัตดาวน์กรุงเทพฯ เพราะไม่ต้องการเห็นการเมืองแบบเดิมแล้ว

"เมื่อเช้าผมอ่านหนังสือพิมพ์เห็นนักการเมืองผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง กับผมก็ทะเลาะกันบ้างดีกันบ้าง แต่ผมก็ให้ความเคารพเพราะท่านอาวุโสกว่าตามธรรมเนียมไทย คือ ท่านบรรหาร ศิลปอาชา ท่านพูดกับสื่อมวลชนว่า "กำนันสุเทพเขาจะปิดกรุงเทพฯ ทำไม" ผมไม่มีโอกาสได้โทรศัพท์ไปชี้แจงท่าน แต่ลูกหลานท่านคงได้มีใครบ้างมีโอกาสดูถ่ายทอดสดจากเวทีนี้ ผมขอเรียนว่า ท่านบรรหารครับคำถามที่ท่านตั้งเป็นตัวอย่างที่ดี แสดงว่านักการเมืองทั้งหลายตั้งแต่รุ่นท่านลงมาไม่เข้าใจมวลมหาประชาชนชาวไทย"

"ประชาชนชาวไทยเขาคิดล้ำหน้ากว่าท่านมากนัก ผมเรียนตอบท่านบรรหารได้เลยว่าที่มวลมหาประชาชนได้สั่งการให้ผมประกาศปิดกรุงเทพ "Shut down" กรุงเทพเพราะไม่ต้องการเห็นการเมืองเป็นแบบเดิมอีกแล้ว ต้องการปฏิรูปประเทศนี้ให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์"

"ประชาชนไม่อดทนอีกต่อไปแล้วที่จะเห็นการเลือกตั้งที่มีการทุจริต ที่มีการโกง มีการซื้อคะแนนเสียง เพราะวิธีการเลือกตั้งแบบนั้นไม่ทำให้ได้คนดี ไม่ทำให้ได้ผู้แทนที่แท้จริงของประชาชนไปทำงานในสภา ได้แต่ตัวแทนขี้ข้าของนายทุนไปอยู่ในสภา และประชาชนคนไทยไม่มีความอดทนอีกต่อไปแล้วที่จะเห็นนักการเมืองและข้าราชการผู้ใหญ่ สมคบกัน ทุจริตคอรัปชั่น โกงชาติ กินบ้านกินเมืองอย่างที่ทำมา อย่างที่คุณบรรหารรู้จัก ไม่เอาแล้ว เพราะประชาชนเห็นชัดแล้วว่าการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น มันทำให้ชาติย่อยยับและนับวันนักการเมืองก็เหิมเกริมฉ้อโกงคอร์รัปชั่นโดยไม่ละอายต่อบาป ใครโกงได้มาก รวยมาก ก็จะมีนักการเมืองรุ่นเล็กๆ ไปเป็นขี้ข้าบริวารมากขึ้นและเข้าร่วมกระบวนการโกงทำให้ชาติล่มจมเร็วยิ่งขึ้น"

 

ไม่ต้องการเห็นการเลือกตั้งที่เปิดช่องทุจริต แล้วนักการเมืองเข้าไปโกงจนชาติเจ๊ง

"ประชาชนทั้งประเทศ พบเห็นแล้ว ประจักษ์แล้ว พิสูจน์ชัดแล้วว่า ถ้ากระบวนการเลือกตั้งไม่ดี เปิดช่องให้มีการโกงทุจริต ใช้อำนาจอิทธิพล ซื้อสิทธิ ขายเสียง ในที่สุดเจ้าของเงินที่ออกเงินสมุนลงสมัครรับเลือกตั้งก็จะมีอำนาจในการปกครองบ้านเมือง แล้วอ้างเหตุว่าใช้จ่ายการเลือกตั้งแพงเหลือเกิน ใช้เงินแปดพันล้าน หมื่นสองพันล้าน เลยต้องรีดไถนักธุรกิจ โกงงบประมาณแผ่นดิน นี่แหละคือสาเหตุการทุจริต คอร์รัปชั่น พอนายกรัฐมนตรีโกง รองนายกรัฐมนตรีต้องโกง รัฐมนตรีโกง เลขารัฐมนตรีโกง ส.ส.โกง ชาติมันถึงเจ๊งครับ นี่คือที่ประชาชนรู้สึก"

"ประชาชนเห็นแล้วว่าบรรดาข้าราชการที่ได้ดิบได้ดี เพราะประจบสอพลอนักการเมืองเลว ไม่ได้แยกแยกคุณความดีนักการเมือง พอเห็นว่านักการเมืองมีอำนาจก็ไปสวามิภักดิ์ กราบกราน ที่กระทรวงมหาดไทยมีภาพน่ารังเกียจทำลายเกียรติข้าราชการ คือภาพปลัดกระทรวงกราบเท้ารัฐมนตรีที่เป็นคนโกงในแผ่นดิน ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่คนทั้งประเทศรู้ดี ทุจริต ฉ้อโกง คอร์รัปชั่นมากกว่านายกรัฐมนตรีทุกคนในประเทศไทยรวมกัน แต่คนเป็นปลัด อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด นายพล ไปกราบทักษิณให้ทักษิณแต่งตั้งชุบเลี้ยง ได้ดิบได้ดีในวงราชการ มันสมคบกันเป็นระบอบทักษิณที่น่ากลัวทำร้ายประเทศไทย"

 

ไม่เอาผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้ง เพราะไม่มีจิตใจรับใช้ประชาชน-เสียโอกาสประเทศ

"โดยเฉพาะข้าราชการสังกัดกระทรวงมหาดไทยที่รัฐบาลตั้ง ให้ไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ ประชาชนเขาทนมานานแล้ว แล้วเขาเห็นแล้วว่าระบบที่แต่งตั้งข้าราชการจังหวัดไปจากส่วนกลางใช้ไม่ได้ เพราะผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งมาจากนักการเมืองที่มีอำนาจ คอร์รัปชั่น เอาเชื้อชั่วติดตัวไปจังหวัดต่างๆ นี่เห็นกันชัดในประเทศไทย ที่พูดนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ว่าราชการจังหวัดเลวทุกคนนะครับ นี่พูดเฉพาะคนเลวก็แล้วกัน ที่แน่ๆ คือ ความรู้สึกผูกกันกับประชาชนไม่มี เพราะเดี๋ยวก็วิ่งเต้นไปอยู่จังหวัดที่ใหญ่กว่า ที่มีผลประโยชน์มากกว่า ไม่มีจิตใจตั้งใจพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ในจังหวัดที่ตัวเองเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เสียโอกาสประชาชนและประเทศ"

"วันนี้มวลมหาประชาชนในประเทศไทย เขามีความเห็นเหมือนกัน ตรงกันว่าต่อไปนี้ทุกจังหวัดต้องให้ประชาชนเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดของตัวเอง แล้วไม่ต้องมาโต้มาแย้งว่าเดี๋ยวจังหวัดนั้นเจ้าพ่อโน่นนี่ได้ มันไม่เจ๊งไปหมดทั้งประเทศหรอก มันอาจจะต้องมีคนดีมั่ง คนเลวมั่ง แต่ว่าประชาชนมีโอกาสเลือก และมีโอกาสเปลี่ยนไม่เหมือนที่แต่งตั้งให้ ไม่มีโอกาสปฏิเสธเลย ตั้งใครมาต้องรับทั้งนั้น แล้วก็ได้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีอิทธิพลเหนือข้าราชการในจังหวัด สั่งให้บรรดาคนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลเข้าด้วยช่วยเหลือพรรคการเมือง นักการเมือง ที่มีบุญคุณกับตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อมวลมหาประชาชนชุมนุมที่นี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยก็สั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดเกณฑ์มวลชนทุกตำบลมาใส่เสื้อแดงที่ราชมังคลากีฬาสถาน นี่คือตัวอย่างที่เลวของข้าราชการจังหวัด"

"ประชาชนเขาถึงบอกว่าไม่อดทนแล้ว ต้องเปลี่ยน แก้ไข ช้ากว่านี้ประเทศจะย่อยยับเสียหายกว่านี้ จนยากที่จะแก้ไข"

 

ย้ำปฏิรูปต้องทำให้เป็นธรรม-ถูกต้อง แก้ความเหลื่อมล้ำ เลิกประชานิยมหากินกับคนจน

"เรื่องที่ประชาชนทั้งประเทศนี้รู้และกังวลใจคือความยุติธรรม ความเป็นธรรม คือโอกาสที่ไม่เท่าเทียมของประชาชนในประเทศ มีคำถามตลอดเวลาว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นอย่างไร ปฏิรูปอย่างไร  อย่างที่คุณพงศาพูดถูกแล้ว อะไรที่ไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้อง ต้องทำให้เป็นธรรม และถูกต้อง"

"เรื่องความเหลื่อมล้ำในสังคมระหว่างคนในเมืองกับต่างจังหวัด คนมีฐานะ คนด้อยฐานะ เป็นเรื่องที่ต้องรีบดำเนินการ ไม่ใช่มาหากินกับคนจน ต้องพูดให้ชัดว่า คนจนจะได้สิทธิกี่อย่างในประเทศนี้ ในบ้านเมืองนี้ เพื่อให้เขาอยู่อย่างมนุษย์ที่มีศักดิ์ศรีคนหนึ่งในประเทศไทยเช่นเดียวกับเรา และต้องเป็นโครงการ แผนงานที่ทำให้คนจนเหล่านั้นยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตัวเอง ไม่ใช่โครงการประชานิยมมายัดใส่เขา ให้เขาพึ่งพารัฐทั้งชีวิต ทั้งชาตินี้และชาติหน้า อย่างนั้นไม่เอาอีกแล้ว แต่เราจะต้องปฏิรูปประเทศไทยให้มีระบบที่สามารถค้ำประกันได้ว่าไม่ว่าจะมีฐานะยากจนอย่างไร เมื่อคุณเป็นคนไทยต้องมีบ้านอยู่ มีอาชีพที่ทำได้ มีอนาคตสำหรับการศึกษาลูกหลาน มีระบบรักษาพยาบาลสำหรับคนในครอบครัว อย่างนี้เป็นต้นที่รัฐต้องรีบดำเนินการ"

 

ย้ำต้องปฏิรูปตำรวจ - เผยมีการใส่ร้ายว่าเกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติดหลังตำหนิทักษิณฆ่าตัดตอน

"เราได้พูดกันว่ามวลมหาประชาชนทั้งประเทศเห็นพ้องต้องการว่าเรื่องตำรวจต้องรีบแก้ไข เพราะเป็นพิษเป็นภัย ไม่ใช่ว่าตำรวจไม่ดี แต่ระบบที่เป็นอยู่นี้ ไม่ค้ำประกันว่าเราจะได้รับการปฏิบัติที่ดีจากตำรวจ นี่เป็นเรื่องที่เราต้องแก้ไข"

"พี่น้องผมพูดเรื่องตำรวจบ่อย แล้วในสื่อออนไลน์ของคนฝ่ายตำรวจ เริ่มใส่ร้ายว่าผมค้ายาเสพย์ติด หึๆ เกี่ยวข้องกับยาเสพย์ติด โน่นไปโน่นแล้ว เพราะบังเอิญผมไปตำหนิว่าตอนทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีฆ่าคน 2,800 คน ในสงครามปราบยาเสพย์ติด ส่วนผมถ้าค้ายา ก็ยาแก้ไออาปาเช่นี่แหละครับ ผมไม่โกรธครับ ผมเข้าใจ ชีวิตถูกด่า ถูกคนเข้าใจผิดมาเยอะแยะแล้ว เวลาจะพิสูจน์เอง ผมเรียนพี่น้องให้สบายใจว่าในบรรดาครัวต่างๆ ที่เลี้ยงพี่น้องตลอดการชุมนุมนี้ เงินที่จ่ายค่ากับข้าวเป็นเงินสุจริตทั้งสิ้นให้พี่น้องสบายใจ ผู้คนที่เอามาบริจาคตั้งแต่ 20 บาท 100 บาท จนถึงหมื่นเป็นแสน มาด้วยหัวใจ เป็นผู้รักชาติ รักแผ่นดินเหมือนพวกเรา นอกนั้นเป็นเงินส่วนตัวครอบครัวผม ไม่ได้โกงใครมา ไม่ได้เบียดใครมา"

 

ชี้แจงกับตำรวจ กปปส. ไม่ได้แค้นตำรวจ พูดถึงเฉพาะผู้บังคับบัญชาใหญ่

"วันนี้พวกเราชุมนุมกันที่นี่ พี่น้องหลายคนอาจจะทราบว่ามีตำรวจชุมนุมที่ลานพระบรมรูปทรงม้าเป็นพันๆ คน นานๆ นะครับ ถึงจะได้เห็นตำรวจชุมนุมกัน ตั้งเวทีปราศรัยเหมือนเรา ผมได้รับรายงานว่าบนเวทีปราศรัยของตำรวจวันนี้ เขาพูด 2 เรื่อง เรื่องหนึ่งเขารู้สึกว่า เขาคิดเอาเองว่า กปปส. ไม่ยุติธรรมที่ไปด่าตำรวจ ไปพูดจาให้คนเกลียดตำรวจ"

"เรื่องนี้ขอกราบเรียนไปยังพี่น้องข้าราชการตำรวจทั้งประเทศทั้งแผ่นดินนี้ มวลมหาประชาชนที่นี่และที่อยู่ทั่วประเทศไม่มีความโกรธแค้น เกลียดชังอาฆาตตำรวจในภาพรวมแต่ไม่พอใจ ไม่ชอบใจตำรวจเลวๆ บางคนเท่านั้น และเรายืนยันว่าตำรวจส่วนใหญ่เป็นตำรวจที่ดี"

"ผมเป็นคนพูดเรื่องตำรวจมากที่สุดบนเวทีนี้ และมี 3-4 ชื่อเท่านั้น หนึ่ง อดุลย์ แสงสิงแก้ว สอง วรพงษ์ ชิวปรีชา สาม คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ที่ต้องพูดถึงตำรวจ 3 ท่านนี้ เพราะเป็นตำรวจที่รับคำสั่งมาจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และได้กระทำการหลายอย่างที่เป็นปฎิปักษ์ต่อมวลมหาประชาชน จะลำดับความให้ฟังว่าเมื่อปี 2553 จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ธิดา ถาวรเศรษฐ ก่อแก้ว พิกุลทอง เป็นแกนนำจัดชุมนุมทำให้ทหารตาย ตำรวจตาย และเผาบ้านเผาเมือง ในกรณีนั้นถ้าคนที่ตายตายด้วยกระสุนจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ ธาริต เพ็งดิษฐ์ ก็ตั้งข้อหานายกฯ อภิสิทธิ์ และผมซึ่งเป็นรองนายกฯที่มีหน้าที่รับผิดชอบขณะนั้นว่าเจตนาฆ่าคนตายเพราะเล็งเห็นผล จึงตั้งผมว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา ทั้งคุณอภิสิทธิ์ และผมก็ไปมอบตัวกับดีเอสไอ พิมพ์มือเป็นผู้ต้องหาเรียบร้อย ธาริตก็ส่งสำนวนไปที่อัยการ อัยการก็ส่งฟ้องศาล คุณอภิสิทธิ์ถูกฟ้องไปเรียบร้อยแล้วคดีไปถึงศาลแล้ว ส่วนผมยังไปศาลไม่ได้ เพราะยุ่งกับขจัดระบอบทักษิณจึงยังไม่ได้ไป แต่ก็ไม่หนีไปไหน ประกาศแล้วว่าหลังเสร็จระบอบทักษิณไปจากแผ่นดินไทย จะไปสู้คดีทุกคดี"

 

ลั่นถ้าธาริตไม่ฟ้องยิ่งลักษณ์ข้อหาฆ่าคนตาย - จะฟ้องกลับธาริต

"วันนี้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบและแต่งตั้ง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เป็นผู้อำนวยการ ศอ.รส. สุรพงษ์ก็ตั้งตำรวจ 3 คนให้มารับผิดชอบปฎิบัติ

หน้าที่จัดการกับประชาชนคือ 3 คนที่เอ่ยชื่อสักครู่ ปรากฎว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ชุดนี้ เกิดคนตาย คนเจ็บ น้องวสุ สุฉันทบุตร ด.ต.ณรงค์ ปิติสิทธิ์ ที่เสียชีวิตจากถูกยิงจากที่สูง ซึ่งเจ้าหน้าที่อ้างเป็นมือที่สาม เมื่อมีการตายอย่างนี้ เพราะคำสั่งของยิ่งลักษณ์และสุรพงษ์จะคอยดูว่าธาริตจะตั้งข้อหาว่าเจตนาฆ่าคนตายโดยเล็งเห็นผลหรือไม่ ถ้าธาริตไม่ตั้งข้อหา 2 คนนั้น ก็แสดงว่า 2 มาตรฐาน ผมก็เตรียมดำเนินการดำเนินคดีว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ"

"และที่พูดถึงตำรวจนี้ก็อยากจะบอกไปยังพี่น้องที่กำลังถูกคนยุยงปลุกปั่นให้ไม่พอใจมวลมหาประชาชนว่าอย่าได้คิดอย่างนั้นเลย มวลมหาประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้คราวนี้ไม่ได้ตั้งใจมาต่อสู้กับตำรวจ ไม่ได้ตั้งใจต่อสู้ข้าราชการไม่ว่าจะพลเรือน ตำรวจ ทหาร เราลุกขึ้นมาต่อสู้กับระบอบทักษิณ ใครที่ไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณไม่เกี่ยว ถ้าตำรวจส่วนใหญ่ในแผ่นดินนี้ไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณ อย่ามายุ่งกับเขาเลย อย่ามาเดือดร้อนกับเขาเลย ตำรวจทำถูกต้องแล้วที่จะปกป้องเกียรติยศศักดิ์ศรีของตำรวจ แต่ไม่มีหน้าที่ไปปกป้องคนเลว"

"และผมก็จะพูดถึงตำรวจอย่างนี้ทุกวัน และเชิญชวนข้าราชการตำรวจที่เป็นตำรวจที่ดี ตำรวจของประชาชน ตำรวจของแผ่นดิน ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ขอเชิญชวนให้แยกตัวออกมา อย่าไปเป็นตำรวจชั่ว ตำรวจเลว และขอถือโอกาสนี้เรียนยืนยันอีกครั้งว่าการลุกขึ้นต่อสู้ของมวลมหาประชาชนครั้งนี้ ไม่ต้องการทำร้ายใครเลย ไม่ต้องการทำให้ใครบาดเจ็บไม่ต้องการทำให้ใครเสียหายเพราะการต่อสูัของมวลมหาประชาชน เราถึงได้ยืนหยัดประกาศตั้งแต่วันแรกว่าเราจะต่อสู้ตามหลักกฎหมาย ตามสิทธิที่พลเมืองมีอยู่และได้รับการรับรองไว้ในกฎหมายรัฐธรรมนูญ"

 

ยืนยันที่มีคนเจ็บ-เสียชีวิต ไม่ใช่การกระทำของมวลมหาประชาชน

"ทั้งนี้ เราได้ประกาศชัดเจนว่าเราจะเลือกวิธีการต่อสู้ที่สงบ สันติ ปราศจากอาวุธ เป็นแนวทางการต่อสู้อหิงสา เรายืนยันอย่างนี้จนจบเกม เพราะฉะนั้นที่มีคนบาดเจ็บ ที่มีคนเสียชีวิต ไม่ใช่การกระทำของมวลมหาประชาชน เราถึงได้จัดพิธีไว้อาลัยทำเปิดเผยตรงไปตรงมา มีการยืนไว้อาลัยแต่นายดาบตำรวจเพราะฝ่ายเราและฝ่ายตำรวจต่างเป็นเหยื่อของสถานการณ์ เป็นเหยื่อของระบอบทักษิณด้วยกันทั้งสิ้น และขอให้พี่น้องตำรวจมั่นใจว่าบนเวทีแห่งนี้ ทุกเวทีในประเทศไทยมวลมหาประชาชนไม่มีใจมาดร้ายต่อตำรวจทั้งระบบ และเตือนสติตัวเอง ว่าเราจะไม่พกความโกรธ ความแค้น ความอาฆาตให้มาเป็นเจ้าเรือน ในการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ เพราะการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้สู้เพื่ออุดมการณ์เพื่อชาติ เพื่อแผ่นดิน ไม่ใช่เพื่อความสะใจส่วนตัว ความแค้นส่วนตัว นี่คือสิ่งที่มวลมหาประชาชนทั่วประเทศเขาคิดเหมือนกัน"

"ผมจึงได้พูดเมื่อคืนนี้ว่าความคิดของมวลมหาประชาชน จิตใจของมวลมหาประชาชน สูงส่งกว่าตำรวจอย่างคำรณวิทย์  ไม่ได้คิดจะไปรบราด้วยอาวุธเข่นฆ่ากับคำรณวิทย์ อย่างที่คำรณวิทย์ประกาศความยโสโอหัง ประชาชนคนธรรมดาอย่างเรารู้ดีว่า ไม่ควรลงไปกัดกับหมาบ้า เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องข้าราชการตำรวจแยกแยะความถูกความผิด คนถูกคนผิด อย่าหลงมาตั้งตนเป็นศัตรูกับประชาชน เพราะพี่น้องข้าราชการตำรวจ ทหาร อย่างไรก็ต้องอยู่กับประชาชนในแผ่นดินนี้ต่อไป ประชาชนอย่างเราลุกขึ้นต่อสู้คราวนี้ด้วยมือเปล่า สู้ด้วยหัวใจ สู้เพราะความจำเป็นจริงๆ เพราะพิสูจน์แล้วว่าถ้าประชาชนไม่ลุกขึ้นสู้ ไม่ลุกขึ้นทำอย่างนี้บ้านนี้เมืองนี้ไม่มีวันดีขึ้นมาได้อีกแล้ว"

 

ที่ลุกขึ้นสู้เพราะบ้านเมืองไม่ปกติ มีรัฐบาลทรราชย์ จึงมีสิทธิจัดการรัฐบาล

"เราจึงจำเป็นต้องลุกขึ้นสู้นี่คือข้อเท็จจริง เราทนดูระบบการเมือง ระบบพรรคการเมือง พฤติกรรมของนักการเมืองไม่ดีขึ้นในภาพรวม เราจึงทนไม่ได้และจำเป็นต้องลุกขึ้นจัดการด้วยมือของเรา เราถึงได้ลุกขึ้นประกาศว่าสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ รัฐบาลเหลิงอำนาจ บ้าอำนาจ ใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงหลักกฎหมาย ไม่เคารพแม้กระทั่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ จึงหมายความว่ารัฐบาลนี้ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญนั่นเอง เราจึงได้บอกว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมทางกฎหมายที่จะปกครองบริหารราชการบ้านเมืองอีกต่อไป อำนาจอธิปไตยที่เรามอบให้รัฐบาลเราจึงเอาคืน ขอคืน ยึดคืน การที่มวลมหาประชาชนลุกขึ้นแสดงตัวอย่างเปิดเผย องอาจ หลายล้านคนทั่วประเทศ ปฏิเสธไม่ยอมรับรัฐบาล นั่นหมายความว่ารัฐบาลนี้หมดความชอบธรรมทางการเมือง เช่นเดียวกับที่หมดความชอบธรรมทางกฎหมาย"

"และเพราะรัฐบาลประพฤติตัวชั่ว เลว ไม่เคารพกฎหมาย ทุจริตคอร์รัปชั่น เล่นพรรคเล่นพวก ทำให้ประเทศไทยเสียหาย จึงถูกขนานนามว่าเป็นรัฐบาลทรราชย์ เมื่อรัฐบาลเป็นทรราชย์ประชาชนอย่างพวกเราจึงมีสิทธิลุกขึ้นจัดการกับรัฐบาล"

 

ย้ำไม่ใช่อั้งยี่ แต่จะขจัดระบอบทักษิณ-ปฏิรูป-แล้วให้ประเทศไปตามทางประชาธิปไตย

"เราจึงได้ประกาศชัดเจน เปิดเผย เราไม่ใช่พวกอั้งยี่ เราไม่ใช่สมาคมลับ เราบอกชัดเจนตั้งแต่วันแรกว่าเราต้องการขจัดระบอบทักษิณให้หมดสิ้นไปจากประเทศนี้แล้วเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และปฏิรูปประเทศก่อนที่จะปล่อยให้ประเทศนี้เป็นไปตามแนวทางประชาธิปไตยปกติ นี่คือสิ่งที่เราประกาศชัด"

"ในภาวะที่้บ้านเมืองไม่เป็นปกติ ประชาชนเจ้าของประเทศอย่างมวลมหาประชาชนพวกเราจึงต้องออกมาทำหน้าที่ เพื่อยึดคืนอธิปไตยของประชาชนคืนมา แล้วจัดการกับประเทศนี้ด้วยมือของประชาชน เพราะไม่สามารถอาศัยมือของนักการเมืองทำให้ดีขึ้นได้ เราจึงต้องออกมาจัดการด้วยมือของพวกเรากันเอง"

"เราถึงได้ประกาศชัดว่าทันทีที่เอาอำนาจอธิปไตยคืนมาได้ เราจะจัดตั้่งรัฐบาลของประชาชน และสภาของประชาชน ที่พูดว่ารัฐบาลประชาชน สภาประชาชนนั้นเพื่อบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้นักการเมืองฝ่ายไหนทั้งสิ้นเข้ามายุ่งกับรัฐบาลชั่วคราวเพราะมีภารกิจพิเศษคือปฏิรูปประเทศขืนให้นักการเมืองมายุ่ง มันไม่ทำ มันทำเพื่อประโยชน์ของมัน"

"ไม่ได้รังเกียจว่านักการเมืองชั่วเลวไปหมด แต่ว่าถ้าเขามาได้ข้างหนึ่งก็ต้องเข้ามาทุกข้าง เข้ามาหมดก็ตะลุมบอนกันเหมือนเดิม เหมือนสภาทาสแบบที่เราเห็นในที่สุดก็แก้ประเทศไม่ได้ก็เจ๊งอีก"

"พี่น้องทั้งหลาย ที่คุณพงศาขึ้นมาพูดเป็นตัวอย่างที่ดี อาจารย์ไชยวัฒน์เสนอผมว่าควรกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่าตั้งวงสนทนากัน 5 คน 8 คน คุยเรื่องการปฏิรูปประเทศไทย ว่าที่กำนันสุเทพพูดเรื่องใหญ่ๆ ของการปฏิรูปนั้น สำหรับประชาชนคิดว่าจะต้องทำอย่างไรอีก สิ่งเรานี้ประชาชนช่วยกันคุยจะแตกฉาน เห็นภาพชัดเจนขึ้น ถึงเวลามีสภาประชาชน จะได้มีข้อเสนอจากมวลมหาประชาชน ไปสู่สภาประชาชน เป็นแนวทางในการทำหน้าที่สภาประชาชน เวทีที่เราเปิดถึงเปิดให้พี่น้องประชาชนทุกสาขาอาชีพมาพูด มาแสดงความคิด เพราะนี่เป็นโอกาสเดียวที่ประชาชนอย่างพวกเราจะลุกขึ้นมาแก้ไขประเทศไทย เพราะฉะนั้นต้องให้การเมืองภาคประชาชนได้แสดงบทบาทเต็มที่"

 

ยันปฏิวัติประชาชนไม่ใช่คอมมิวนิสต์ แต่ใช้คำนี้เพื่อย้ำว่ารอบนี้ทำโดยประชาชนมือเปล่า

สุเทพปราศรัยด้วยว่า "พี่น้องทั้งหลาย และที่ผมนัดหมายไว้หลังเทศกาลปีใหม่ ไปเที่ยวมาแล้ว ดูแลครอบครัวเรียบร้อยแล้ว เราก็จะนัดหมายกัน ปฏิบัติการใหญ่ ปฏิวัติประชาชน ยึดกรุงเทพฯ ปิดกรุงเทพฯ"

"และได้เรียนแล้ว พอพูดคำว่า "ปฏิวัติประชาชน" นี่คนตกใจคิดว่าเราเป็นคอมมิวนิสต์ไม่เกี่ยว นี่เป็น "คอมมิวหน่อย" ทั้งนั้นไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ มันไม่มีคำอื่น เราต้องการชี้ให้เห็นว่า การปฏิวัติคราวอื่น ยึดอำนาจรัฐคราวอื่นทำโดยคนอื่น คราวนี้ทำโดยประชาชน ทำโดยสันติ ด้วยมือเปล่า ไม่ฆ่าใคร ไม่ทำร้ายใครทั้งสิ้น แต่จำเป็นต้องยึดอำนาจอธิปไตยที่เป็นอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศมาเป็นของประชาชนเพื่อจัดการกับประเทศไทยให้เรียบร้อย

 

พอดีนายกฯ ดื้อต้องออกแรง โดยจะทำให้โลกเห็นว่ารัฐบาลนี้บริหารประเทศไม่ได้แล้ว

"ที่จริงถ้าเป็นประเทศอื่นคนลุกขึ้นต่อสู้เป็นล้านๆ หลายล้าน สองเดือนแล้ว สู้ข้ามปีแล้ว วันหยุด วันพักผ่อน เทศกาลปีใหม่ก็ไม่ได้มาฉลอง มาตั้งหน้าตั้งตาสู้กับพวกมึงที่แหละ ถ้าเป็นที่อื่นมันไปแล้ว แต่บังเอิญนายกฯ ของตระกูลชินวัตรดื้อด้านมาก ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น โน่นไม่อยู่กรุงเทพฯ คนประท้วงมาก ไปตั้งหลักอยู่เชียงใหม่ ไปช็อปปิ้ง ไปอยู่ท่ามกลางคนของตัวเอง ไม่สนใจเจ้าหน้าที่จะออกมาปราบปรามประชาชน ใช้แก๊สน้ำตา ใช้กระสุนจริง ก็จะเจ็บจะตาย ไม่สนแล้วก็ไม่ออก หน้าด้านจะอยู่ในตำแหน่ง นี่เราจึงต้องออกแรง"

"สิ่งที่เราต้องปฏิบัติการร่วมกันหลังปีใหม่คือต้องรวมพลังของประชาชนทั้่งประเทศไทย ปฏิบัติการให้เห็นชัด ให้โลกเห็นชัด ให้ข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร เห็นชัดว่ารัฐบาลนี้ไม่เป็นที่ต้องการของคนทั้งประเทศ และรัฐบาลนี้บริหารประเทศไม่ได้อีกต่อไปเพราะประชาชนไม่ให้บริหารแล้ว"

"ถึงได้บอกกับมวลมหาประชาชนว่ามีทางเดียวคือปฏิบัติการยึดกรุงเทพ ปิดกรุงเทพฯ กรุงเทพฯ ต้องเป็นอัมพาตชั่วคราวเพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลว ไม่สามารถดูแลเมืองหลวงได้ มันจะตั้งหลักที่เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ก็ตามใจมัน แต่ว่าที่นี่ปกครองไม่ได้แล้ว ศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่นี่มันไม่ได้ยึดแล้ว ประชาชนยึดเรียบร้อยแล้ว"

 

คนกรุงไม่ต้องตกใจ เพราะที่มามีแต่คนดีทั้งนั้น ใครไม่สบายใจก็นอนอยู่บ้านไม่ว่าอะไร

"และต้องย้ำว่าพี่น้องประชาชนกรุงเทพฯ ก็ไม่ต้องตกใจ นี่ไม่ใช่กระบวนการก่อการร้ายเหมือนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 แต่คราวนี้ไม่มีอาวุธ คนดีทั้งนั้น ใครอยากร่วมกระบวนการยึดกรุงเทพฯ ก็มาได้เลย เหมือนวันที่ 22 ธันวาคม ยังไงยังงั้น มาด้วยความเบิกบาน มาด้วยความสำนึกในหน้าที่รับผิดชอบว่าเป็นเจ้าของประเทศไทย จำเป็นต้องออกมาทำหน้าที่ก็ออกมา ไม่สบายใจก็นอนอยู่บ้าน ไม่ว่าอะไร ไม่ต้องเป็นศัตรูกัน เข้าใจ เอาเฉพาะคนที่ออกมาก็เยอะแล้ว"

 

ถนนทุกสายจะเป็นถนนคนเดิน ตั้งเวทีตามสามแยกสี่แยกทั่วกรุง เชิญ ปชช. มีส่วนร่วม

"และเราจะยึดถนนทุกสายในกรุงเทพเป็นถนนคนเดินหมด และจะตั้งเวทีตามสามแยก สี่แยกทั่วกรุงเทพฯ ชุมนุมกัน และตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเปิดประชาสัมพันธ์โฆษณาเลย พี่น้องประชาชน องค์กรของประชาชนองค์กรไหน ชอบใจต้องการไปปฏิบัติการที่สามแยกไหนแจ้งมาที่เราได้เลย อยากจะจัดเวทีมีคนพูด มีการแสดง มาเลยครับจัดการเลย เพราะเป็นเวทีของประชาชนทั้งนั้น จะมีคนขึ้นมาปราศรัยแบบคุณพงศาสักกี่คนเปิดรับไม่อั้น แล้วบอกมาเลยจองเวทีไหน อนุสาวรีย์ชัย สวนลุม อโศก ปทุมวัน ซังฮี้ สี่แยกลาดพร้าว บอกมาได้เลยครับ เรากำลังบริหารจัดการกันอยู่ มาเลยครับ เพราะนี่คือวันของประชาชน มีคนมาปราศรัยแลกเปลี่ยนความคิดระหว่างพี่น้องประชาชนที่ขึ้นมาทำปฏิวัติ สลับด้วยการแสดงมีดนตรี โขน ลิเก หนังตะลุง มโนราห์ เชิญหมอลำ เชิดสิงโตทำให้เต็มที่ เพราะเราสู้กันยาวเที่ยวนี้ เรียนไว้เลยนะครับ ทุกเวทีพี่น้องประชาชนเป็นเจ้าของ"

"เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนรายใดกลุ่มไหน อยากจะจัดเวทีตรงไหนก็แจ้งมาที่พวกเรา จะได้ประสานงานด้วยกัน และเนื่องจากถนนวันนั้นเป็นถนนคนเดิน เป็นถนนปลอดจากรถยนต์ ไม่ต้องการให้รถยนต์ของทหาร ตำรวจ ข้าราชการไปทำงานได้ เพราะฉะนั้นถนนสะอาด โล่งมาก สิ่งแวดล้อมกรุงเทพฯ ดีเป็นพิเศษ ใครจะมาวิ่งจ๊อกกิ้งทั้งวันเชิญได้เราจะปรบมือเชียร์ สนุกสนานทั้งวัน ชมรมจักรยานอยากจะขี่จักรยานทัวร์กรุงเทพ เชิญเลย มาเลยครับมา ยินดี สนุกสนาน ขี่จักรยานต้านรัฐบาล ใครคิดอะไรได้ที่สร้างสรรค์มาร่วมสร้างตำนานการต่อสู้ของมวลมหาประชาชน ให้โลกจดจารึก จำไว้เป็นตัวอย่าง วันข้างหน้าประเทศอื่นจะลุกขึ้นสู้จะได้บอกว่าเอาแบบไทยแลนด์ แบบคนไทย"

 

ขออภัยหากทำให้เดือดร้อน พร้อมชวนพ่อค้าแม่ค้า ข้าราชการมาร่วมกันเพื่อให้สิ้นเรื่องสิ้นราว

"และต้องขออภัย ขอโทษไว้ล่วงหน้าสำหรับคนที่ทนไม่ได้ที่รู้สึกว่าเดือดร้อน พี่น้องทั้งหลายบ้านเมืองเมื่อจะต้องเปลี่ยนแปลง เมื่อจะต้องปฏิรูปต้องมีการลงทุนกันบ้าง ต้องมีความเดือดร้อนบ้างแม้เราจะไม่ได้ตั้งใจ ยกตัวอย่างเช่น คนขับรถแท็กซี่อาจจะขับแท็กซี่กลางกรุงเทพฯ ไม่ได้ เพราะฉะนั้นเมื่อผมประกาศล่วงหน้า ท่านก็ขยับขยายไปขับแทนชานเมือง ไม่เป็นไร หรือถ้าพี่น้องเราคนไหนรู้จักแท็กซี่เป็นการส่วนตัว จะเหมาเลยทั้งวันมาจอดขวางถนนก็ไม่เป็นไรครับ ก็ช่วยเหลือกันได้ ไม่ต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกันเหล่าแท็กซี่"

"เช่นเดียวกับนักธุรกิจ พ่อค้า แม่ขาย ไม่ต้องตกใจว่าการต่อสู้ใช้เวลาหลายวัน 10 วัน 20 วัน เป็นเดือน เดี๋ยวเศรษฐกิจประเทศทรุด ท่านไปจดไว้เลย คำนวณไว้เลย ว่ากี่วันของการต่อสู้จนกว่าจะประกาศชัยชนะ ไม่เสียหายเท่าระบอบทักษิณทำให้ประเทศนี้เสียหายมาแล้วและกำลังทำอยู่ แน่นอน"

"เพราะฉะนั้นผมขอถือโอกาสเรียนเชิญชวนพ่อค้า แม่ขาย นักธุรกิจทั้งหลาย ไหนๆ ก็ไหนๆ มาร่วมมือกับประชาชนเลย ทำคราวนี้ให้มันจบสิ้นเรื่องสิ้นราว เพื่ออนาคตที่ดีของท่านทั้งหลายและมวลมหาประชาชน มาเถิดครับ มาร่วมมือกัน แล้วก็กราบเรียนไปถึงพี่น้องข้าราชการพลเรือนตำรวจทหาร เมื่อประชาชนลงทุนลงแรงถึงขนาดนี้ ไม่ได้ทำมาหากินที่บ้าน ทิ้งครอบครัว ทิ้งความสุขสบายส่วนตัว มานอนกลางดินกลางถนน สู้เป็นเดือน พี่น้องข้าราชการถึงเวลานั้นตัดใจเถอะได้แล้วมั้งครับ ระบอบทักษิณ มาอยู่ข้างประชาชน เรื่องจะได้จบรวดเร็วเรียบร้อย"

 

ย้ำไม่ก่อจลาจล ดังนั้นไม่ต้องการให้ใครมาอาสาทำเรื่องรุนแรง

"แล้วประกาศให้ชัด เราไม่ต้องการก่อจลาจล เราไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย เพราะฉะนั้นไม่ต้องมีใครมาอาสาช่วยเราทำเรื่องรุนแรงใดๆ ทั้งสิ้น ผมรู้ ว่ามีคนบางคนอารมณ์ร้อนวูบวาบ โอ้สู้อย่างนี้ เดินขบวนอย่างนี้ ชุมนุมอย่างนี้เมื่อไหร่จะเรียบร้อย เอาให้รู้เรื่องเลย ซัดไปเลยดีกว่า ขอโทษ ไม่ใช่พวกเรา เราสันติ เราอหิงสา"

"ใครปรารถนาดีอย่างนั้น เราขอปฏิเสธ ไม่ขอรับน้ำใจ ไม่รับความปรารถนาดีของท่าน เราต้องการสู้อย่างสันติ อหิงสา นี่คือแนวทางของมวลมหาประชาชน ใครทำนอกเหนือจากนี้ไม่ใช่พวกเรามวลมหาประชาชน ไม่เอา พี่น้องทั้งหลายครับ มีแต่มวลมหาประชาชนที่มีใจบริสุทธิ์อย่างพวกเราเท่านั้นที่จะทำภารกิจยิ่งใหญ่คือการปฏิวัติประชาชนครั้งนี้ได้สำเร็จ เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องประชาชน ได้พูดคุย ได้ชี้แจงเหตุผลให้ญาติเราพี่น้องเราเข้าใจทั่วถึง การทำงานคราวนี้ จะชนะได้ จะสำเร็จได้ด้วยพลังของมวลมหาประชาชน และพวกเราทั้งหลายก้าวพ้นเส้นความกลัวมาแล้ว มีแต่ความฮึกเหิม มุ่งหน้าสู่ชัยชนะครับ สวัสดีครับ" สุเทพ กล่าวในที่สุด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net