พักการเมือง: ตามไปดูคนงานเก็บเบอร์รี่หลังจากกลับบ้านแล้วกับ 'ชีวิตที่ต้องใช้หนี้'

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

ผมเปิดทีวีดูข่าวคราวทางการเมืองแล้วเศร้าใจมาก  เพราะผมเองก็มีเพื่อนฝูงมากมายหลายจังหวัดไม่ว่าจะทางเหนือหรือใต้ ยิ่งภาคไต้แล้วคือแหล่งทำมาค้าขายของผมเลยหล่ะ เพราะเศรฐกิจและการเงินที่นั่นจะดีมากๆ โดยเฉพาะในหน้ากรีดยางพาราและเก็บกาแฟ ปรกติแล้วเพื่อนๆ ของผมที่นั่นมีแต่คนใจดี ไม่มีใครเลยที่แบ่งสีแบ่งฝ่าย เพราะพวกเราทำมาหากินที่นั่นอย่างพี่อย่างน้อง ถึงผมจะเป็นคนอีสานแต่พวกเขาก็ไม่ได้ถามว่ามึงสีอะไร เขาเห็นคนต่างถิ่นไปทำมาหากินที่นั่น พวกเขากลับโอบอ้อมอารีมากกว่าที่จะดูถูกเหยียดหยาม เรามีอะไรพอที่จะช่วยเหลือกันได้ก็ช่วยเหลือกัน บางสิ่งที่เราขายไม่ได้เราก็เอามาแลกเปลี่ยนกัน มันจะเป็นอยู่อย่างนี้ตลอดมา

คนไทยไม่ได้มีสีในหัวใจ คนไทยไม่ได้แบ่งสี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยในวันนี้นั้นเพราะความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ของพวกนักการเมืองบางคนหรือบางกลุ่มที่เอาประชาชนมาบังหน้า แต่งแต้มสีสันให้กับพวกเขา เพื่อให้คนไทยแตกแยกเข่นฆ่ากันเอง ปากก็บอกเพื่อประชาธิปไตยทั้งๆ ที่ในจิตใจของนักการเมืองคนนั้นหรือกลุ่มนั้นไม่ได้มีประชาธิปไตยเลยสักนิดเดียว

ดูการเมืองก็ยิ่งทำให้ปวดหัว แต่เมื่อย้อนดูละครชีวิต ที่ต้องสู้ของพวกเราคนงานเก็บเบอร์รี่ทั้ง 50 คน ก็ยิ่งทำให้ปวดใจ ชีวิตคนจนต่างก็ต้องทนแบกรับพิษภัยทั้งจากทางการเมืองและทางเศรษฐกิจกันอย่างไม่หยุดหย่อน

ชีวิตของพวกเราทุกคนในวันนี้ มันช่างไม่แตกต่างจากบทเพลงที่เคยช่วยกันขับร้องให้ผู้คนมากมายในฟินแลนด์ได้รับฟัง ละครชีวิตบทเพลงแห่งความเศร้าโศก ละครชีวิตบทเพลงที่พวกเราต้องหลั่งน้ำตาบนแผ่นดินฟินน์ มันคือบทเพลงที่พวกเราคนงาน Ber-Ex 50 คนยังจดจำไม่เคยลืม

หลังจากที่ได้ไปเยี่ยมพวกเราถึงบ้านเมื่อวันที่ 14-15 ธันวาคม 2556 ที่ผ่านมา ก่อนจะเขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของพวกเราในวันนี้ ก็หวนนึกถึงชีวิตและเรื่องราวของพวกเราในวันที่ผ่านมาในฟินแลนด์ พวกเราหลายคนในวันนั้นที่ได้ไปอยู่ Juva ด้วยกันในวันแรก ต่างคนต่างยังไม่รู้จักกันดีพอ ต่างก็รีบเร่งออกเก็บเบอร์รี่กันทุกคนในตอนเช้า พอกลับมาในตอนเย็นก็รีบพักผ่อนเพื่อเอาแรงไว้สู้งานในวันต่อไป

แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีให้กันและกันเสมอคือรอยยิ้มและคำทักทายยามเจอหน้า เมื่อชีวิตของพวกเราต้องหักเห มาประสพชะตากรรมเดียวกัน จึงได้รู้จักกันดียิ่งขึ้น

ในวันที่เราต่อสู้ร่วมกันที่ซารีจาวี มันทำให้ผมรู้ว่าทุกคนคือเพื่อนๆ ที่แสนดี เพื่อนที่มีน้ำใจซึ่งกันและกันพร้อมที่จะสู้หรือแม้แต่พร้อมตายร่วมกัน จากการที่ถูกเอารัดเอาเปรียบของBer-ex

ในวันนั้น ภาพแห่งความหลังวันแรกจนวันสุดท้ายที่ต้องจากลามันมีแต่สิ่งดีๆ ในหัวใจผมตลอดมา น้ำตาของพวกเราที่ต้องหลั่งไหลบนแผ่นดินฟินแลนด์ น้ำใจของผู้คนมากมายที่นั่น ชีวิตนี้พวกเราคงจะลืมมันไม่ได้พวกเราจะจดจำและฝังลึกไว้ในหัวใจตลอดไป

ตอนสายของวันที่ 14 ธันวาคม 2556 วสันต์และหมวยภรรยาได้มารับผมที่บ้านเพื่อไปเยี่ยมเพื่อนๆ คนงาน Ber-ex ที่สกลนคร

ออกจากบ้านผมไป อ.หนองเรือ-ขอนแก่น-อุดรธานี-อ.หนองหาร-อ.บ้านดุง ถึงบ้านดุงตอนบ่ายโมงมุ่งหน้าสู่บ้านห้วยหลัว อ.บ้านม่วง จ. สกลนคร ก่อนออกจากบ้านดุง ผมมองออกนอกตัวรถเห็นสองข้างทางมีแต่นาเกลือริมทางมีเพิงพักของแม่ค้าขายเกลืออยู่ตลอดระยะทางเป็นระยะทางน่าจะ 2 ก.ม. ได้ ... มิน่าเล่าเคยไค้ยินแต่คำล่ำลือ เวลาชิมอาหารใครที่มีรสเค็มไปเขาก็จะพูดว่า "รถเกลือบ้านดุงคล่ำใส่"

มองดูสองข้างทางดินขาวโพลนส่วนป่าไม้ ก็มีจำพวกไม้เต็งรังเป็นส่วนใหญ่ มีดงอ้อยบ้างเล็กน้อย ป่ายูคาและยางพาราทั่งปลูกใหม่และโตพอกรีดได้ ถึงห้วยหลัวตอนบ่ายโมงกว่าๆ

จุดแรกที่จอดรถคือหน้าบ้านนรินทิพย์ ก้อนมาตร พอจอดรถสองสาวยิ้มแฉ่งให้การต้อนรับและยกมือไหว้ ผมเลยอดชมไม่ได้ "แหม..นรินทิพย์เลขาคนสวยของพี่เล็กนี่ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ ส่วนอุบลรัตน์ก็สวยกว่าตอนอยู่ฟินแลนด์ซะอีก"

สองสาวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อเจอคำยอของผู้มาเยือน รอยยิ้มและท่าทางที่จิรงใจของสองสาวมันทำให้ผม วสันต์ และหมวยรู้สึกอบอุ่นใจในการมาเยือนในครั้งนี้

นางและอุบลรัตน์กำลังช่วยกันเตรียมมะระกอเพื่อทำส้มตำและยำหอยเชอรี่ ผมถามนางว่าแล้วช่างเสริมไปไหนกันหล่ะ นางบอกว่าช่างเสริมและเพื่อนๆ ไปทอดแหจับปลาเพื่อมาทำอาหาร ... สักพักเดียว ช่างเสริม-ชาญชัย-นาวา-สุดตา-พนม-เรืองรุท-สายทอง-และยงยุทธก็มาถึงกันพร้อมหน้า ทุกคนต่างยกมือไหว้และรับไหว้ซึ่งกันและกัน รอยยิ้มท่าทีของความดีใจและจริงใจของทุกคนมันหาดูได้ไม่ง่ายนักในสังคมคนชั้นสูง ในถังที่ช่างเสริมถือมามีปลาดุก ปลาช่อนทั่งตัวเล็กและตัวใหญ่ สองสาวและแม่ของนางนำปลาไปต้มยำในครัว สักพักอาหารก็ถูกยกออกมา มีส้มตำ-ต้มยำปลาช่อน-ยำหอยเชอรี่อาหารอร่อยๆ ทั้งนั้น

ทุกคนนั่งล้อมวงพร้อมหน้ากินข้าวกินปลา ถามข่าวคราวสารทุกข์สุกดิบซึ่งกันและกัน เมื่อถามถึงจ๋อม นางบอกว่าจ๋อมกับกิตติศักดิ์สามีอยู่บ้านไม่ได้ ต้องไปทำงานก่อสร้างที่พัทยาเพื่อหาเงินมาใช้หนี้เขา ...

ส่วนสมจิตต้องขายที่แปลงหนึ่ง 2 ไร่เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ แต่ก็ยังไม่พอค่าหนี้สินที่มีอยู่ สมจิตต้องออกจากบ้านไปทำงานที่บางประกงเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ... ช่วงที่ไปเยี่ยมบ้านสมจิตในตอนเย็นพ่อตาของสมจิตบอกว่าสมจิตส่งเงินมาให้ลูกๆ เดือนละ 2,500 เท่านั้นลูกคนโตเขากำลังเรียนอยู่ ม.4 ส่วนคนเล็กเรียนอยู่อนุบาล พ่อตาเขาบอกว่าบางวันเงินให้หลานไปโรงเรียนยังไม่มีต้องบากหน้าไปหยิบยืมคนอื่นเขา

ผมมองดูหน้าเด็กน้อยแล้วก็สงสารครอบครัวเขาจับใจแล้ววันต่อไปข้างหน้าชีวิตเด็กน้อยจะเป็นเช่นไร กินข้าวปลาเสร็จก็นั่งพูดคุยกันยันเย็นจึงพากันเดินถ่ายรูปบ้านของพวกเรา บ้านนางเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นต่อเติมด้านหลังเป็นครัว ต่อด้านข้างเป็นโรงจอดรถ ปูกระเบื้องสวยงาม เรื่องหนี้ ธกส. ยังไม่ได้ใช้เขา เงินที่ได้มาก็จ่ายหนี้รถไถนา 

ต่อไปคือบ้านอุบลรัตน์ พวกเราต้องนั่งมอเตอร์ไซซ้อนท้ายกันไปเพราะอยู่ท้ายหมู่บ้านๆ อุบลรัตน์เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นต่อเติมด้านหน้าหลังคามุงสังกะสีเก่ามากแล้ว บ้านอุบลรัตน์อยู่ติดทุ่งนา มีป่ายางพาราที่พึ่งปลูกใหม่แต่ก็ไม่ได้ถามว่าใช่ของเขาหรือเปล่า อุบลรัตน์ตอนนี้กำลังทำนาปรังเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ลูกสาวกำลังเรียนอยู่ ม.4 เขายังได้เรียกลูกสาวมาสวัสดีลุงไหวหน่อยเร็ว อุบลรัตน์ยังให้ต้นไม้ประดับมาคนละกระถางกับหมวย ส่วนภาระหนี้สินยังคงเหลืออยู่อีก 7 หมื่นกว่าบาท

เรืองรุทยังไม่ทันได้แต่งงาน ก็มีบ้านหลังเล็กกับเขาไปด้วยกะทัดรัดพออยู่สำหรับชายโสดอย่างเขา ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะแต่งงาน ส่วนบ้านของสุดตาเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ทาสีสวยงาม สุดตาบอกว่าหนี้สินที่ค้างจ่ายเขาเดียวนี้ 7 หมื่นบาทดอกเบี้ยร้อยละ 5 บาท ต้องหาทำงานก่อสร้างตามหมู่บ้านกับเรืองรุท เพื่อนำเงินมาใช้หนี้เขา ส่วนลูกนั้นมี 2 คนอายุ 24 กับ12 ปี บ้านสุดตา-เรืองรุท-อุบลรัตน์อยู่ติดกันท้ายหมู่บ้าน

ต่อไปต้องนั่งมอเตอร์ไซค์ไปในหมู่บ้าน ...

บ้านนาวาเป็นบ้านไม้ ต่อครัวด้านหลัง พ่อนาวาบอกว่าเป็นหนี้เขาอยู่ตอนนี้ร่วม 130,000 บาทดอกร้อยละ 5 บาท ตอนนี้กำลังกรีดยางพาราเพื่อหาเงินส่งดอกเบี้ย

คราวนี้ผมและทุกคน ก็ซ้อนท้ายมอไซกันเข้ามาในซอยเล็กๆ ซึ่งเป็นบ้านของชาญชัย... แม่ของชาญชัยกำลังนั่งเลือกหอยที่ขุดมาจากดิน เพื่อให้ชาญชัยไว้ขายในตอนเช้าของพรุ่งนี้ ... ชาญชัยต้องออกขายของทุกเช้า โดยใช้มอไซ ชาญชัยบอกว่ากำไรจากการขายได้วันละ 300-400 บาทแต่ต้องออกจากบ้านตอน 6 ทุ่มทุกวัน ส่วนหนี้สินยังไม่ได้จ่ายเขาเลยแม้แต่ดอกเบี้ยต้นทุนนั้นร่วม 130,000 บาท แฟนของชาญชัยยังเด็กอยู่เลยนะครับ ส่วนลูกเขามี 2 คนอายุ 7 ปี กับ 2 ปี

มายังบ้านยงยุทธเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นหลังที่เก่ามากอยู่ แม่ยายเขาอายุมากแล้ว และร่วมถ่ายรูปกับเราด้วย ภาระหนี้สินเขาตอนนี้ก็ 120,000 บาทดอกร้อยละ 5 บาท ยงยุทธมีลูก 2 คนอายุ 20 ปี และ 15 ปี

เมื่อกลับจากบ้านยงยุทธมาที่บ้านนรินทิพย์ ประทินที่เดินทางจากอีกหมู่หนึ่งมาสมทบ มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว  พวกเราจึงไม่ต้องไปเยี่ยมเขาที่บ้าน ประทินบอกว่าตอนนี้กำลังขุดมันสำปะหลังขาย และทำพรมเช็ดเท้าส่งขาย เขาบอกเย็นนี้ต้องลงไป จ.ตราด เพื่อส่งของประทินยังเอาพรมเช็ดเท้ามาฝากคนละผืนกับหมวย ส่วนหนี้สินคงยังค้างจ่าเขา 90,000 บาทดอกร้อยละ5บาท

บ้านของสายทอง ต้องออกไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง ซึ่งเป็นหมู่บ้านเดียวกันกับสมจิต บ้านสายทองเป็นบ้านไม้เสา 12 ต้น ทำหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เช่นเดียวกับบ้านของพวกเราหลายๆ คน เขามีลูก 3 คนอายุ 26, 19 และ 11 ปี ส่วนหนี้สินมีอยู่ 100,000 บาท ดอกร้อยละ 5 บาท วันที่ 15 ธ.ค. 56 นี้สายทองต้องไปรับจ้างตัดอ้อยที่กำแพงเพชรเพื่อหาเงินมาใช้หนี้

กลับมาที่บ้านนรินทิพย์อีกครั้ง เรืองรุทกำลังทำอาหารไว้รอ พวกเราทุกคนรับประทานอาหารร่วมกันที่นี่ อื้อฮือต้มไก่บ้านหอมฉุยอีกแล้วนะเนี่ย ฝีมือเรืองรุทน่ากินและอร่อยมากจริงๆ

วันนี้เป็นวันแห่งความสุขที่เพื่อนๆ ทุกคนต่างก็มีความดีใจและจริงใจน้ำใจของเพื่อนๆ ที่นี่ เราจะไม่ขอลืมเลย ... เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ฟินแลนด์ทำให้พวกเรามีวันนี้  

ทุกคนบอกยังจดจำวันแห่งความทุกข์ วันแห่งความสุขความเศร้าและสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นที่นั่น (ฟินแลนด์) พวกเราคิดถึงทุกๆ คน อย่าลืมบอกทุกคนที่แสนดีที่นี่ด้วยนะครับ ถึงพวกเราจะอยู่เมืองไทยเราก็ยังสู้ สู้เหมือนเดิม

เสร็จภาระกิจในวันนี้แล้วนะครับ คืนนี้ต้องนอนพักที่บ้านนรินทิพย์

วันที่ 15 ธันวาคม 2556 เมื่อมีพบก็มีจาก ออกจากบ้านนรินทิพย์ในตอนเช้ามุ่งหน้ากลับมา อ.บ้านดุง แวะเข้า ต.นาทม อ.ทุ่งฝน เพื่อมาบ้านของดวง ถึงนาทมตอน 3 โมงเช้า ดวงต้อนรับด้วยรอยยิ้ม เขานั่งย่างเนื้อหมูหน้าบ้านเตรียมอาหารไว้ต้อนรับ ส่วนดาวออกไปทำงานก่อสร้างใกล้ๆ บ้าน

วันนี้กินอาหารเช้าที่บ้านดวงอาหารที่ดวงทำรอคือหมูย่าง แกงไก่ใส่หน่อไม้ส้มอร่อยมาก ดวงบอกวันนี้ลูกๆ ของเขาไปตัดอ้อยรับจ้าง บ้านดวงเป็นบ้านปูนชั้นเดียว กว้างพออยู่ได้สบายสำหรับครอบครัว 5-6 คน

ดวงเขาก็ยังเหมือนเดิม ดูเป็นคนออกเศร้าๆ ผมมองดูชีวิตของดวงแล้วดวงเป็นคนน่าสงสาร ดูเขาเองก็เป็นคนมีน้ำใจไม่น้อย ...

ก่อนออกจากบ้านดวงผม วสันต์ และหมวยได้แวะไปดูที่ดาวทำงานได้พูดคุยกับดาวถึงเรื่องปัญหาหนี้สิน เขายังไม่มีเงินใช้หนี้เลยเพราะเขาเองก็ยังไม่ได้รับเงินจากการไปเก็บเบอร์รี่สักบาทเดียว

ห่างจากบ้านดวงประมาณ 3 ก.ม. ก็มาถึงบ้านของไฉน บ้านของเขาดูหลังเล็กกว่าใครๆ ในละแวกนี้ อยู่ในซอยตัน ที่ต้องผ่านบ้านคนอื่นเข้าไป ดูครอบครัวเขาเป็นครอบครัวที่ปากกัดตีนถีบ ไฉนบอกว่าทุกวันต้องไปรับจ้างตัดอ้อย บางวันก็ไปรับจ้างขับรถไถให้เขา ได้วันละไม่กี่บาทไฉนเขามีลูก 2 คน ม.1 กับ ป.4

เขาบอกปีใหม่จะไปทำงานก่อสร้างที่กรุงเทพฯส่วนหนี้สิน ธกส. ก็ 50,000 บาท หนี้นอกระบบอีก 20,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 5 บาท ส่วนสีทัดหรือสะตางค์ วันนี้ไม่อยู่บ้าน เพราะออกไปทำงานก่อสร้างล้อมรั้วต่างหมู่บ้านจึงได้แต่ฝากความคิดถึงไว้ให้ไฉนไปบอกเขา

ด้วยเวลาที่น้อยนิด อยากจะไปเยี่ยมพ่อบุญมี-อรพรรณ และเพื่อนๆ น้องทางเซกาก็คงไม่มีเวลาพอ ตอนใกล้เที่ยงของวันนี้ต้องรีบเดินทางกลับมาที่บ้านแท่น ถึงบ้านผมตอนบ่าย3โมง แหลม ชนะชัย เสถียรได้ทอดแหหลังบ้านผมได้ปลาตั้งเยอะ ภรรยาผมทำอาหารไว้รอ

สุชาติ-ประดิษฐ์-ต้อย-เม่า และพ่อเสถียร ชำนาญ ขาดก็แต่ติ๋วกับพ่อสมชายที่ไม่ได้มา แต่ก่อนกลับมาถึงหมู่บ้านผมได้แวะที่บ้านติ๋ว แฟนเขาบอกว่าติ๋วไปรับจ้างตัดอ้อย เราจึงได้ถ่ายรูปบ้านเขาและแฟนเขาไว้ ส่วนปิยะกับศักดาวุฒิยังทำงานอยู่ที่ จ.อุทัยธานี

ทุกคนต่างลงมือกินข้าวร่วมกันตอนบ่าย 3 โมง  

บ้านผมก็หลังเก่าๆ ผุพังหมดแล้วยังไม่มีปัณญาทำใหม่หรอก เพราะหนี้สินเยอะ แฟนผมก็คนที่นั่งตักผมในรูปนั่นหล่ะ ส่วนบ้านต้อย แฟนเขาก็ยืนเคียงข้างถ่ายรูปด้วย หนี้สินไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาเองก็ยังไม่ได้รับเงินเลยสักบาท

เห็นแฟนแหลมไหมครับ อุ้มลูกยืนอยู่ข้างๆ แหลม ชนะชัยกับเม่าก็ยืนอยู่ด้วย บ้านชนะชัยอยู่นอกหมู่บ้านเลยไม่ได้ออกไปถ่ายรูป เรืองหนี้สิน3พี่น้องไม่ต้องพูดถึงเยอะมากเลยครับ

ส่วนเสถียร ทะวงศ์เงินแฟนเขาก็ยืนอยู่ข้างๆ หนี้สินก็เยอะเหมือนกัน ถ่ายรูปหน้าบ้านเสถียรเสร็จแล้วก็พากันเดินไปบ้านของสุชาติ หลังเล็กๆ  ลูกชายเขาก็หาสาวไว้เงิน ยังไม่มีแต่งเมียให้ลูกเลย หนี้สินก็เพียบ

พ่อเสถียร ชำนาญ อยู่คนละหมู่บ้าน แต่เขามารอที่นี่เลยไม่ได้ไปถ่ายรูปบ้านเขา ส่วนหนี้สินมากจนอยู่บ้านไม่ได้ เพราะเงินเก็บเบอร์รี่ยังไม่ได้สักบาท ส่วนพ่อสมชาย วสันต์บอกว่าขากลับจะแวะเข้าไปหา เขาติดธุระเลยไม่ได้มา

คิดถึงพ่อเจริญ-ต้นและเย็นมากๆ เลยไม่รู้ว่าเมื่อไรถึงจะได้เจอกัน อยากเจอะเจอทุกคนอีกสักครั้ง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไหม

เห็นสภาพของพวกเรา ก็ย้อนรำลึกความรู้สึกของพวกเรายามร่วมกับขับขานบทเพลง "ละครชีวิต" ที่งานคอนเสิร์ตระดมทุนเพื่อพวกเราที่ฟินแลนด์ ในวันนั้นพวกเราร้องเพลงพร้อมน้ำตา แต่ในวันนี้เมื่อผมได้ประจักษ์ถึงความจริงแห่งชีวิตเพื่อนๆ ผมก็ยิ่งเข้าใจถึงความหมายของบทเพลงนี้ ใครกันนะที่ช่างแต่งบทเพลงละครชีวิตที่ช่างสะท้อนชีวิตของพวกเราซะจริงๆ

กระนั้น พวกเราทุกคนก็ไม่ต้องการมีชีวิตของคนพ่ายแพ้ต่อชะตากรรมแห่งละครชีวิต ... พวกเราต้องการเขียนเพลงแห่งชีวิตใหม่ด้วยตัวของพวกเราเอง ชีวิตที่ที่ลุกขึ้นสู้เพื่อศักดิ์ศรีและความเป็นธรรม

 

อ่านเพิ่มเติม: https://drive.google.com/file/d/0B97eeQltIv8Zb0VDemlJNnloenM/edit?usp=sharing

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท