เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีการพิจารณาตามคำสั่งที่ให้มีการไต่สวนคดีที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรส่งความเห็นของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 วรรคหนึ่ง(1) ว่าร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ พ.ศ.... ในกรอบวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ขัดหรือแย้งหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น ตามเรื่องพิจารณาที่ 67/2556 และ 68/2556

ซึ่งคำร้องทั้ง 2 มีข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า ตามที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร่างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของระเทศ พ.ศ. ... แล้ว และอยู่ในช่วงเวลาก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะได้นำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย โดยผู้ร้องเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว มีบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และกระบวนการตราไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ กล่าวคือ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ของสภาผู้แทนราษฏรมีการกดบัตรแสดงตนและลงคะแนนแทนกัน และ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของแผ่นดินตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รับและพิจารณาคำร้องทั้ง 2 คำร้องพร้อมกัน และได้รับฟังการให้ถ้อยคำของผู้แทนหน่วยงานและพยานบุคคลที่เกียวข้องไปบางส่วนแล้ว

โดยผลการพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้พยานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งประกอบด้วย 1.ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน หรือผู้แทน 2.นายพิสิฐ์ ลี้อาธรรม อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 50 3.น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง 4.นายทนง พิทยะ อดีตรมว.คลัง และ 5.นายธีระชัย ภูวนารถนรานุบาล อดีตรมว.คลัง มาให้ข้อถ้อยคำในวันพุธที่ 12 ก.พ.2557 เวลา 10.00 น. ที่ ห้องออกนั่งพิจารณาคดี ชั้น 3 ศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์