Skip to main content
sharethis

รอง ผบช.น. เผยทหารเรือหน่วย นสร. ให้การว่าทำหน้าที่คุ้มครองแกนนำ กปปส. ขณะที่เลขานุการกองทัพเรือระบุจะตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากมีความผิดจะลงโทษวินัยขั้นสูงสุด คดีพกอาวุธให้เป็นขั้นตอนของตำรวจ และกองทัพเรือจะไม่ปกป้องผู้กระทำผิดเด็ดขาด

ตามที่มีรายงานว่าวันนี้ (26 ก.พ.) ด่านความมั่นคงของ สน.บุคคโล แยกมไหสวรรย์ ได้จับกุม จ.อ.สมพงศ์ แท่นนาค และ จ.อ.ปรีชา มูลพวก ทหารเรือ สังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) หรือหน่วยซีล ตรวจพบอาวุธปืนพก 2 กระบอก และเครื่องกระสุน บัตรการ์ด กปปส. โดยให้การว่าทำหน้าที่เป็นการ์ดคุ้มครองแกนนำในที่ชุมนุม กปปส. นั้น (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

ในเวลาต่อมา ข่าวสด รายงานคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ที่เดินทางไปสอบปากคำทหารเรือ 2 นาย ระบุว่า ผู้ถูกจับกุมยอมรับว่าเป็นทหารเรือในราชการจริง ถูกว่าจ้างให้มาคุ้มครองแกนนำในพื้นที่การชุมนุมสวนลุมพินี แต่รายละเอียดไม่ขอเปิดเผยลึกไปกว่านี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าแล้วจะดำเนินคดีกับทหารทั้ง 2 นาย อย่างไร พล.ต.ต.ฐิติราช ตอบว่า เท่าที่ให้การในเบื้องต้นทราบว่าอาวุธปืนทั้ง 2 กระบอกเป็นของราชการทหารเรือ แต่เนื่องจากขณะนี้ในกรุงเทพมหานครมีการประกาศเป็นพื้นที่ พรก.จึงต้องแจ้งข้อหาพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน และทางสาธารณะ กับทหารทั้ง 2 นายไว้ก่อนจากนั้นจะติดต่อให้ผู้บังคับบัญชาและนายทหารพระธรรมนูญมารับตัวไปดำเนินการต่อไป

ถามว่าเมื่อมีการจับกุมคนในกองทัพทำผิดลักษณะเท่ากับมีสัญญาณไม่ดีเกิดขึ้นในบ้านเมืองหรือไม่ รอง ผบช.น.ตอบว่า ขณะนี้มีแนวโน้มตามข้อเท็จจริงคือมีข้าราชการทหารเข้ามาดูแลรักษาความปลอดภัยแกนนำ กปปส.จริง เนื่องจากเมื่อคราวที่ สน.นางเลิ้ง จับกุมก็เป็นทหารจากหน่วยเดียวกัน อย่างไรก็ตามบรรดาแกนนำคงเกิดความหวาดกลัวเลยต้องประสานจ้างวานให้กำลังพลดีๆ มีฝีมือเหล่านี้เข้าไปให้ความคุ้มครอง ซึ่งบอกได้คำเดียวว่าเห็นใจน้องๆ เหล่านี้เหลือเกิน

นอกจากนี้ สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์ เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ พล.ร.ต.กาญจน์ ดีอุบล เลขานุการกองทัพเรือ เปิดเผยในวันนี้ว่า จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บุคคโล จับกุม จ.อ.สมพงศ์ แท่นนาค และ จ.อ.ปรีชา มูลพวก พร้อมของกลางอาวุธปืน จำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืนอีกจำนวนหนึ่ง สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นแล้ว ขอชี้แจงว่า ทหารเรือทั้ง 2 นาย อยู่ในสังกัดของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการจริง โดยปัจจุบันไปช่วยปฏิบัติราชการหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะถูกจับกุมอยู่ในระหว่างการเดินทางกลับมาจากจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง หากมีความผิดจะลงโทษทางวินัยขั้นสูงสุด ส่วนกรณีการพกพาอาวุธปืนพร้อมเครื่องกระสุนไปในที่สาธารณะนั้น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป โดยกองทัพเรือจะไม่ปกป้องผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net