Skip to main content
sharethis
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557 เครือข่ายประชากรข้ามชาติ (Migrant Workers Network) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกเรื่อง "ข้อเสนอเครือข่ายประชากรข้ามชาติ ต่อแนวทางแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี" ถึงนายกรัฐมนตรีโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
 
จดหมายเปิดผนึก
 
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2557                                                       
 
เรื่อง ข้อเสนอเครือข่ายประชากรข้ามชาติ ต่อแนวทางแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติซึ่งครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี 
 
เรียน ฯพณฯท่านนายกรัฐมนตรี
 
สำเนาถึง 1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
2.อธิบดีกรมจัดหางาน 
3.เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
4. ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
5. ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
6.ประธานคณะกรรมการปฏิรูปกฎหมาย
7. ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
 
อ้างถึง หนังสือ กรมการจัดหางาน เลขที่ รง 0307/4936  ลงวันที่ 11  กุมภาพันธ์ 2557
 
ตามที่กรมการจัดหางาน ออกหนังสือด่วน เลขที่ รง 0307/4936  ลงวันที่ 11  กุมภาพันธ์ 2557 เรื่อง การดำเนินการกับแรงงานเมียนมาที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติซึ่งจะครบกำหนดวาระการจ้างงาน 4 ปี ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้อำนวยการสำนักจัดหางานกรุงเทพ เขตพื้นที่ ๑ – ๑๐ เพื่อดำเนินการตามแนวทางที่กรมฯ กำหนดไว้ นั้น
 
เครือข่ายประชากรข้ามชาติ มีความยินดีต่อความมุ่งมั่นของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ในการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติสามสัญชาติ โดยเฉพาะความสำเร็จในเรื่องการปรับสถานะแรงงานข้ามชาติให้กลายเป็นแรงงานที่เข้าเมืองถูกกฎหมาย แต่อย่างไรก็ดี สถานการณ์ด้านการเมืองที่ไม่ปกติ นับตั้งแต่เดือนตุลาคม พ.ศ. 2556 เป็นต้นมา ส่งผลต่อการชะงักงันในการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีแรงงานข้ามชาติที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานและครบกำหนดวาระ 4 ปี จากการประเมินสถานการณ์ดังกล่าว เครือข่ายฯ ขอเรียนว่า การจัดทำมาตรการการแก้ไขปัญหากรณีแรงงานข้ามชาติที่ครบกำหนดวาระ 4 ปีอย่างรอบด้านถือเป็นกรณีเร่งด่วนและสำคัญ เนื่องจาก
 
1) มาตรการฯ ดังกล่าวสามารถแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานโดยเฉียบพลันโดยเฉพาะในภาคการผลิตที่มีการใช้แรงงานเข้มข้น อาทิ ภาคอุตสาหกรรมประมงทะเลต่อเนื่อง ภาคการก่อสร้าง ที่มีการจ้างงานแรงงานข้ามชาติเป็นจำนวนมากและแรงงานเหล่านั้นส่วนใหญ่ได้ทำงานในประเทศไทยครบกำหนดวาระ 4 ปี ซึ่งการขาดแคลนแรงงานข้ามชาติจำนวนมาก ในขณะที่ไม่สามารถจ้างแรงงานคนชาติมาแทนที่ได้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหภาคของไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
 
2) มาตรการฯ ดังกล่าวจะเป็นหลักประกันที่สำคัญในความต่อเนื่องและชัดเจนในนโยบายการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติ ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์พื้นฐานและความพยายามของรัฐบาลที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาแรงงานข้ามชาติหลบหนีเข้าเมืองและส่งเสริมการมีสถานภาพทางกฎหมายของแรงงานข้ามชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน
 
เพื่อให้แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหากรณีแรงงานครบกำหนดวาระ 4 ปี สอดคล้องต่อสภาพปัญหาและข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เครือข่ายฯ ขอเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เพิ่มเติมเพื่อขอให้ท่านร่วมกับกระทรวงแรงงาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจักได้พิจารณาทบทวนแก้ไขแนวทางดำเนินการฯ ให้เหมาะสม ดังต่อไปนี้
 
1. เสนอให้คณะรัฐมนตรีชุดรักษาการพิจารณาออกมติคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต สามารถเดินทางออกนอกราชอาณาจักรโดยไม่ถูกจับกุมดำเนินคดีระหว่างการเดินทาง เพื่อให้การนำเข้าแรงงานข้ามชาติที่มีสถานภาพถูกต้องตามกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ระยะเวลาการผ่อนผันให้เป็นไปตามระยะเวลาที่คณะรัฐมนตรีชุดรักษาการสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ อาทิ ให้มีการผ่อนผันโดยมีกำหนดระยะเวลา 3-6 เดือนนับจากวันที่มีมติที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี เป็นต้น  
 
2. เสนอให้รัฐบาลพิจารณานำมาตรา 54 แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 เพื่อเป็นช่องทางอนุญาตให้แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลาที่ได้รับอนุญาต สามารถอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรได้เป็นการชั่วคราว ในกรณีมีข้อจำกัดตามข้อ 1
 
3. เสนอให้ รัฐบาลหารือกับรัฐบาลประเทศต้นทางเพื่อร่วมทบทวนหลักการการนำเข้าแรงงานข้ามชาติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ( MoU) โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองของทั้งสองประเทศ ได้แก่
            
3.1 การร่วมหารือให้มีการผ่อนผันให้ใช้หนังสือเดินทางแบบชั่วคราวเพื่อการนำเข้าแรงงานข้ามชาติฯ เพือบรรเทาผลกระทบในเบื้องต้นโดยให้หนังสือเดินทางดังกล่าวมีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งระหว่างการจ้างงานในประเทศไทยให้แรงงานมีหน้าที่ดำเนินการเพื่อให้ได้มาซึ่งหนังสือเดินทางแบบปกติ โดยควรเปิดให้ดำเนินการเรื่องการนำเข้าแรงงานตาม MoU ได้ที่ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จในพื้นที่ชายแดนเพื่อลดระยะเวลาการดำเนินการให้สั้นลง และ/หรือ
            
3.2 การขอความร่วมมือกับสถานทูตของประเทศต้นทางเพื่อพิจารณาออกเอกสารรับรองตัวบุคคล (Certificate of Identification –CI) แก่แรงงานที่ทำงานครบตามกำหนดวาระ 4 ปี แล้ว และต้องเดินทางไปยังชายแดน เพื่อมิให้ต้องถูกจับกุมดำเนินคดี เครือข่ายฯ ขอสนับสนุนให้รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์เชิงรุก และชี้ให้ประเทศเพื่อนบ้านเห็นถึงผลดีผลเสียของการดำเนินการดังกล่าว โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของนายจ้าง แรงงาน และรัฐบาลของทั้งสองประเทศ เป็นหลัก
 
เครือข่ายฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านและหน่วยงาน จะพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวถึงผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบจากกรณีดังกล่าวอย่างรอบด้าน และพิจารณาข้อเสนอของเครือข่ายฯ ประกอบการทบทวนแก้ไขปัญหาเพื่อให้การดำเนินนโยบายการนำเข้าแรงงานข้ามชาติเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพสูงสุด
 
จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ
 
ขอแสดงความนับถือ
 
(ปรีดา ทองชุมนุม)
ผู้ประสานงาน ด้านสิทธิแรงงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net