จากเพศที่ 2 สู่เพศที่ 3 : สภาวะการกดขี่กับวาทกรรมของเสรีภาพ (4)

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

หากการตกอยู่ในบทบาทที่กดขี่ตัวฉันแล้วฉันมีความสุขแล้วจะทำไม? : จะทำอย่างไรเมื่อร่างกายอยู่ใต้การบงการ

ความน่ากลัวของการถูกกดทับหรือกดขี่นั้นจะทรงอานุภาพที่สุดได้ก็ต่อเมื่อการกดขี่นั้นทำให้ผู้กดขี่รู้สึกหลงไหลไปกับรสชาติการการทรมานตนเองอย่างไม่รู้ตัวและยิ่งไม่ตระหนักรู้ต่อสภาวะการกดทับและผลิตซ้ำมันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเป็นผลดีมากเท่านั้น ด้วยเหตุนี้แล้วกะเทยและผู้มีความหลากหลายทางเพศจำนวนมากไม่ว่าจะ เกย์ เลส ฯลฯ บางกลุ่มกลับรู้สึกยินดีปรีดาต่อสภาวะที่ตนเองเป็นเช่นนี้ ไม่แลเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องปลดแอกตัวเองออกมา เพราะสังคมได้ให้สินบนกับคนกลุ่มนี้ว่าหากอยากอยู่สบายก็มีบทบาทเช่นนี้สิ เป็นคนดีสิ รักชาติสิ อย่าเรียกร้องอะไรมาก แล้วเดี๋ยวสังคมจะชื่นชมและให้รางวัลตอบแทนพวกคุณเอง นี้คือความแยบยลของอำนาจที่กดทับตัวและอัตลักษณ์ของผู้มีความหลากหลายทางเพศให้ไม่สามารถแสดงออกมาได้ตามศักยภาพความเป็นคนที่มี เพราะต้องตกอยู่ภายใต้หลุมพรางกับดัก เสรีภาพ ของประเทศที่มีแต่เสรีภาพตอแหล

นอกจากนี้นั้นคนเรามีเสรีภาพที่จะกระทำการใดๆ ก็ได้ จะแต่งเติม ศัลยกรรมเป็นวัตถุแห่งการจับจ้องได้ หากมันมาจากเจตนจำนงเสรี (free-will) ของเราจริงๆ หรือจากการตระหนักแล้วว่าเราต้องการเช่นนั้น หาใช่การนำตัวเองเข้าไปสู่การยอมรับทางสังคมด้วยการให้สังคมเข้ามาตกแต่งร่างกาย ตับ ไต ไส้ พุง รูหี รูตูด ให้มีลักษณะตามที่สังคมต้องการ มีสีชมพูหรือไม่ น่ารักน่าเอ็นดูตามที่สังคมอยากให้เป็น การกระทำนี้จึงไม่ต่างจากการยอมลดตัวเองให้เป็นเครื่องมือของสังคมเผด็จการที่คอยแต่จะบงการร่างกายและชีวิตของเรา แทนที่ตนเองจะลุกขึ้นยืนและต่อสู้เพื่อให้ตนมีพื้นที่สำหรับความแตกต่าง ให้ยอมรับในความหลากหลายของสังคม และมองที่ศักยภาพความเป็นคนมากกว่ารูปลักษณ์ภายนอก กลายเป็นว่าเราเองนั้นกลับผลิตซ้ำการทำให้ผู้คนในสังคมต้องกลายเป็นจิ๋มกระป๋องของสังคมชายเป็นใหญ่กันไปหมด

แล้วสำหรับกลุ่มคนอย่างเกย์และผู้ชายที่อยู่ในภาพลักษณ์ของความเป็นชายก็ต้องพยายามที่จะสร้างและผลิตซ้ำวิธีคิดที่มองว่าผู้ชายเป็นเพศที่แข็งแกร่ง มายาคติความงามของเกย์และผู้ชายจึงต้องพยายามจัดสร้างร่างกายของตนให้มีลักษณะกำยำ อันสะท้อนความยิ่งใหญ่ในทางกายภาพ และแสดงความแข็งแรง แกร่งกล้า ในด้านของการรับรู้ เกย์ในสังคมไทยจึงมีการแบ่งจัดประเภทตนเองของกลุ่มตนอีกว่าเป็นเกย์แบบไหน เกย์รุก รับ อันเป็นค่านิยมที่มีรากฐานมาจากความคิดแบบผัวเมียชายหญิงซึ่งเป็นการสร้างอัตลักษณ์ขึ้นมาเพื่อที่จะกดทับสังคมเกย์ด้วยกันไปอีกว่าลักษณะแบบไหนพึงมี พึงปฏิบัติ

และหากเกย์จะแสดงตนเป็นรับก็ต้องมีความเป็นแมนหรือใช้คำพูดว่า รับแมนๆ ไม่แสดงออก เพราะอะไรเพราะการแสดงออกซึ่งความสาวความเปรี้ยวในสังคมเกย์จะถูกผลักไสให้เป็นเกย์ชายขอบหากินยากหรือไม่เป็นที่นิยม จึงมีการผลิตสร้างคำว่า ไบรับ ไบรุกขึ้นมาอันมีรากฐานมาจากคำว่า Bisexuals หรือคนที่สามารถร่วมเพศได้ทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง อันสะท้อนถึงความเป็นชายที่เคยหรือมีความปรารถนาทางเพศต่อผู้หญิงอันมีราคากว่าการเป็นชายรักชายที่ราคาต่ำกว่าคนที่อยู่ในกระแสนิยมของสังคมชายเป็นใหญ่ที่สมาทานระบบคิดชายหญิงนิยม

จากการสร้างตัวตนเช่นนี้เองซึ่งเป็นเรื่องที่ยังล้าหลังว่าทำไมสังคมเกย์ในไทยจึงยังต้องมาถามไถ่กันว่าใครเป็นรุก เป็นรับ ทั้งๆ ที่บทบาททางเพศของเกย์เป็นเรื่องที่ไม่ได้จะต้องถูกจำกัดว่า รุกจะต้องรุกตลอด และรับจะกลับมาเป็นรุกไม่ได้ จึงมีความอายบางอย่างของเกย์บางกลุ่มที่เกลียดกลัวการที่คนที่เป็นรับอันแสดงบทบาทเมียจะกลายมาเป็นผู้รุกคืน โดยวิธีคิดเช่นนี้เองเป็นการนำเข้าและสถาปนาคุณค่าของการร่วมเพศแบบชายหญิงทางช่องคลอดที่ทำให้ท่วงท่าและพฤติกรรมทางเพศของเกย์ต้องถูกจำกัดบทบาทว่าใครคือ ผัว และใครคือ เมีย ทั้งที่ลักษณะความสัมพันธ์ของเกย์นั้นเป้นเรื่องของผู้ชายที่นิยามความเป็นชายรักชายแต่กลับนิยามความสัมพันธ์ของกลุ่มตนด้วยทัศนคติของสังคมชายหญิงเพื่อที่จะสร้างการยอมรับที่ง่ายกว่า การสร้างตัวตนใหม่ในสังคมไทยที่องค์ความรู้เรื่องเพศต่ำมาก

ด้วยเหตุนี้แล้วนั้นร่างกายของผู้ชายทั้งชายที่เป็นชายรักหญิง หรือชายที่รักชายจึงต้องพยายามแสดงออกซึ่งความแมนเพื่อที่จะนำตนเองเข้าไปสู่การยอมรับทางสังคม ผ่านการจัดการเรือนร่างของตนด้วยมายาคติความงามที่อิงกับฐานคิดชายเป็นใหญ่ อันมีสภาพที่ดีกว่ามายาคติความงามของผู้หญิงที่ทำให้ร่างกายของผู้หญิงต้องทนทรมานจากการอดข้าว อดอาหาร ร่างกายอ่อนแอ ไร้กล้ามเนื้อ แต่ร่างกายของผู้ชายกับไม่ได้ส่งผลกระทบด้านร้ายๆ เช่นผู้หญิง อันเป็นการแสดงวิธีคิดของสังคมที่มองความเป็นชายหญิงแบบทวินิยม ชายแกร่ง หญิงอ่อน ในปัจจุบันการเชยชมความเป็นชายในฐานะวัตถุแห่งการจับจ้องจึงเป็นการมองที่รูปลักษณ์ของความกำยำมากกว่าความอ้อนแอ้น

แต่ท้ายที่สุดแล้วปัญหามายาคติของความงามที่สังคมได้ผลิตสร้างให้ไม่ทั้งชายและหญิงรวมทั้งผู้มีความหลากหลายทางเพศที่อิงกับการชื่นชอบนิยมอัตลักษณ์ชายหรือหญิงให้ต้องทนทุกข์ทรมานภายใต้กับดักของเสรีภาพของสังคมสมัยใหม่ ก็เป็นเพียงแค่ปัญหาของสังคมชนชั้นกลางผู้มีอันจะกินและพร้อมที่จะผลักไสกะเทย เกย์ ทอม ชายขอบที่อยู่ในชนชั้นที่ถูกกดขี่ด้วยสภาวะทางเศรษฐกิจของโลกทุนนิยม กะเทยป้า กะเทยโรงงาน ทอมแบกหาม เกย์จนๆ จึงไม่ได้รับการสนใจจากสังคมที่โลกทุนนิยมได้สร้างสภาวะการกดขี่และทำให้คนกลุ่มนี้ถูกหลงลืมไปจากสายตาของสังคมและท้ายสุดแล้วปัญหาของการที่เราไม่แลเห็นความสำคัญของการกดทับทางเพศนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับปัญหาของชนชั้นเพียงแค่เรากำลังสร้างการแบ่งแยกทางชนชั้นให้เกิดขึ้นระหว่างเพศต่างๆ ในสังคม การกดทับเพศใดเพศหนึ่งโดยให้อีกเพศหนึ่งเป็นคนบงการชีวิต ความเป็นไปของเราโดยที่เราไม่ต้องตั้งคำถามอะไรมาก อยากจะถามว่าแล้วเราจะรู้จักความเป็นมนุษย์ไปทำไม ในเมื่อเราเองยอมปล่อยตัวและปล่อยใจให้อำนาจบางอย่างเข้ามาบางการร่างกายของเรา มากกว่าความเป็นตัวของเราเอง

ดังนั้นพอกันทีกับการแบ่งแยกเพศที่หนึ่ง สอง หรือสาม สี่ ห้า เราทุกคนล้วนเกิดมาเป้นมนุษย์มีเสรีภาพที่จะตัดสินใจกับชะตากรรมของเราเองได้โดยไม่มีใครเป็นเจ้าชีวิตเรานอกจากตัวเราเอง เพศของเรา ตัวตนของเรา จงยืนหยัดที่จะต่อสู้เพื่อความเป็นมนุษย์ของตนเอง หาใช่การผลิตซ้ำการกดขี่ตัวตนที่เราเป็นอยู่

 

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท