Skip to main content
sharethis

อนุกรรมการสิทธิ ฯ เร่งสอบผู้รับผิดชอบกรณีการหายตัวไปของ “บิลลี่”  และหาหลักฐาน พยานเพิ่มเติม ชี้การทำงานล่าช้า ชาวบ้านยืนยันหัวหน้าอุทยาน ชัยวัฒน์มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ และขอตำรวจดูแลความปลอดภัยการประกอบพิธีกรรมกะเหรี่ยงค้นหา “บิลลี่”   ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตวุฒิสมาชิกย้ำ ประเด็นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะดังไปทั่วโลก 
 
25 เมษายน 2557 เวลา 11.20 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  อาคารศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ มีการประชุมคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนเพื่อตรวจสอบเรื่องการหายตัวของ "บิลลี่"  หรือ พอละจี รักจงเจริญ แกนนำชาวกะเหรี่ยง บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อบ่ายวันที่ 17 เมษายน 2557  ในบริเวณเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
 
นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานคณะอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ โดยผู้ร่วมประชุมประกอบด้วยตัวแทนองค์กรสิทธิทั้งในประเทศและนอกประเทศ อาทิ สุรพงษ์ กองจันทึก สภาทนายความ ไกรศักดิ์ ชุณหวัณ อดีตวุฒิสมาชิก สุนัย ผาสุก ตัวแทนจากองค์กร Human Rights Watch นายปกป้อง เลาวัณย์สิริ จากสหประชาชาติ รวมถึง ภรรยากับลูกของ “บิลลี่” และนายพฤ โอ่โดเชา จากเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรม ยังได้เข้าร่วมสังเกตการณ์และให้ข้อมูลในที่ประชุมด้วย
 
 
พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.แก่งกระจาน กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนคดี “บิลลี่” ว่า หลังจากที่ภรรยาของนายบิลลี่มาแจ้งความเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ก็ได้ทำตามกระบวนการสืบสวน สอบสวนทุกขั้นตอน ทั้งการตรวจหาพยานหลักฐาน สอบปากคำนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งประจาน และพวกที่ติดตามโดยละเอียดทุกคน 
 
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า ทางตำรวจ สภ.แก่งกระจาน ได้ประสานความร่วมมือไปยังทหาร ตำรวจตระเวนชายแดน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านจำนวนกว่า 180 คน เพื่อวางกำลังค้นหาภายในเขตบริเวณที่คิดว่านายบิลลี่หายตัวไป  แต่ก็ไม่พบตัวนายบิลลี่หรือร่องรอยการหายไปตัวไป  แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเน้นว่าจะให้ความสำคัญและติดตามเรื่องนี้อย่างเต็มที่
 
ทั้งนี้ ในระหว่างซักถาม ทางตัวแทนองค์สิทธิมนุษยชนได้ตั้งคำถามถึงเรื่องการหาข้อมูลบันทึกโทรศัพท์ รวมถึงภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งอาจใช้เป็นหลักฐานสอบสวนในคดีนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ทางพ.ต.อ.วรเดชชี้ว่าภาพกล้องวงจรปิดอาจไม่มีเนื่องจากเป็นบริเวณเขตป่า ส่วนบันทึกการใช้โทรศัพท์นั้นได้รับไว้ว่าจะหาข้อมูลดังกล่าวต่อไป
 
ด้านเกรียงไกร ชีช่วง เลขาธิการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ได้ตั้งข้อสังสัยถึงพฤติกรรมของชัยวัฒน์ ที่มองว่า ปรกติแล้วหากจับกุมการกระทำผิดของชาวกะเหรี่ยง หรือกรณีล่าสัตว์ป่า ชัยวัฒน์จะรีบแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนทันที แต่ในกรณีนี้ชัยวัฒน์ไม่ทำเช่นนั้น และกลับเลี่ยงตอบเรื่องการหายตัวไปของบิลลี่ 
 
นอกจากนี้ ยังตั้งคำถามว่า หากการทำผิดของบิลลี่ที่เอาน้ำผึ้งป่าไป 6-7 ขวดเป็นเรื่องเล็กน้อย เหตุใดชัยวัฒน์จึงยอมขับรถมารับบิลลี่เป็นระยะทางเกือบ 10 กม. แทนที่จะปล่อยตัวตรงนั้นหรือนำตัวมาที่โรงพักตามขั้นตอน
 
“เป็นเวลากว่า 6 หรือ 360 กว่าชั่วโมงตั้งแต่วันที่พวกเราไปยื่นหนังสือให้ตำรวจตามหาตัวบิลลี่ มาวันนี้ก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้าแต่อย่างใด เวลากับสิ่งที่พวกท่านดำเนินการมันเป็นสิ่งที่ไม่คุ้ม ผมอยากจะเตือนสติท่านในเรื่องนี้” เกรียงไกรกล่าว
 
นอกจากนี้ เกรียงไกรยังได้ขอร้องทางการให้ช่วยดูแลและคุ้มครองความปลอดภัยของชาวกะเหรี่ยงที่จะลงไปประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อ ที่จะช่วยให้บิลลี่กลับคืนมา เนื่องจากเชื่อว่าบิลลี่ยังน่าจะมีชีวิตอยู่
 
การประชุมครั้งนี้ใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งประเด็นยังคงอยู่กับเรื่องของการชี้แจงรายละเอียดทั้งจากฝ่ายเจ้าหน้าปกครองและชาวบ้านที่เคยร่วมงานกับบิลลี่ 
 
ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตวุฒิสมาชิก ยังกล่าวทิ้งท้ายกับเจ้าหน้าที่ปกครองและผู้ที่รับผิดชอบในพื้นที่ว่า การหายตัวของบิลลี่ได้กลายเป็นเรื่องที่นานาชาติจับตา จึงต้องการให้ทางการระมัดระวังและรอบคอบในการสอบสวนคดีดังกล่าว รวมถึงเรียกร้องให้นำตัวบิลลี่กลับมาโดยเร็ว 
 
“เรื่องนี้มีการเผยแพร่ไปทั่วโลก และประเด็นความขัดแย้งระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับชาวบ้านคือเหตุผลที่ตัวบิลลี่หายไป เนื่องจากบิลลี่เป็นตัวแทนของชุมชนชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่ที่เตรียมจะฟ้องศาลปกครอง เหตุการณ์นี้จึงคล้ายกับในอดีตที่มีชาวบ้านนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนหายตัวไปหลายสิบคนแล้ว”  ไกรศักดิ์กล่าว 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net