‘ชัยวัฒน์’ ขึ้นศาล ยันไม่เกี่ยว ‘บิลลี่’ หายตัว – องค์กรสิ่งแวดล้อมร้องผู้ว่าฯ ชี้เป็นกระบวนการใส่ร้าย

ศาลเรียก ‘ชัยวัฒน์’ ไต่สวนเพิ่มเติม พร้อมพยานเพิ่มอีก 3 ปาก 12 พ.ค.นี้ ด้านชาวเพชรบุรีร่วมองค์กรสิ่งแวดล้อมร้อง ผู้ว่าฯ ให้ความเป็นธรรม หน.อช.แก่งกระจานโดนกล่าวหากรณี ‘บิลลี่’ หายตัว ชี้เป็นกระบวนการใส่ร้ายที่มีมาต่อเนื่อง เพื่อให้ย้ายออกจากพื้นที่
 
ศาลไต่สวน 'ชัยวัฒน์'-จนท.ป่าไม้ ยันไม่เกี่ยวกะเหรี่ยงบิลลี่หายตัว ทนายขอพยานเพิ่มอีก 3 ปาก
 
1 พ.ค. 2557 มติชนออนไลน์รายงานว่า เวลา13.30 น. 30 เม.ย. 2557นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมด้วย นายเกษม ลือฤทธิ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานที่ 6 (กจ.6) ด่านเขามะเร็ว เดินทางมาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 6 ศาลจังหวัดเพชรบุรี ตามที่ศาลนัดให้มาเข้ากระบวนการไต่สวน
 
จากการที่นายอานนท์ นำพา พร้อมด้วย นายธีรพันธุ์ พันธุ์ดีรี และ น.ส.วราภรณ์ อุทัยรังสี คณะทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ที่สภาทนายความส่งมาให้ดูแลคดีนายพอละจี รักจงเจริญ หรือ นายบิลลี่ อายุ 31 ปี ส.อบต.ห้วยแม่เพรียง แกนนำชาวกะหร่างบ้านบางกลอยหายตัวไป ได้ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเพชรบุรีเมื่อวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 90 อ้างว่า นายบิลลี่ถูกนายชัยวัฒน์กับพวกจับกุมไว้ ขอให้ปล่อยตัวนายบิลลี่ เนื่องจากถูกควบคุมโดยไม่ชอบ
 
นายสุประวัติ สมดี ผู้พิพากษาศาลจังหวัดเพชรบุรี ไต่สวนนายเกษมและนายชัยวัฒน์ในฐานะพยาน โดยมีนางพิณนภา พฤกษาพรรณ ภรรยานายบิลลี่ พร้อมด้วยนายเกรียงไกร ชีช่วง เลขานุการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม และทนายความจากสมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน เจ้าหน้าที่โครงการนิติศาสตร์สากล ภูมิภาคเอเชีย–แปซิฟิก (ICJ) และเจ้าหน้าที่จาก UN ร่วมรับฟังการไต่สวนด้วย
 
ศาลไต่สวนนายเกษมก่อน โดยให้นายเกษมเล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่จับกุมนายบิลลี่ได้พร้อมน้ำผึ้งป่าของกลาง และวิทยุแจ้งไปให้นายชัยวัฒน์ทราบ เมื่อนายชัยวัฒน์มาถึงด่านมะเร็ว ควบคุมตัวนายบิลลี่พร้อมรถจักรยานยนต์ขึ้นรถกระบะของอุทยานฯ โดยนายเกษมขับรถตามไปที่อุทยานฯเพื่อจะไปลงบันทึกการตรวจยึด ขณะนั้นมีนักศึกษาฝึกงาน 2 คนนั่งรถคันเดียวกับนายเกษมตามไปด้วย เมื่อตามมาได้ระยะหนึ่งนายเกษมเห็นนายบิลลี่ได้รับการปล่อยตัวเนื่องนายเกษมขับรถแซงรถรถจักรยานยนต์นายบิลลี่ใกล้สนามยิงปืนค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน จากนั้นนายเกษมได้มาส่งนักศึกษาฝึกงานที่ที่ทำการอุทยานฯ และทราบต่อมาว่านายชัยวัฒน์ได้กลับไปบ้านพักที่ไร่ราชพฤกษ์ ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน
 
เมื่อไต่สวนนายเกษมเสร็จ ได้เรียกนายชัยวัฒน์เข้าไปในห้องพิจารณา นายชัยวัฒน์ก็ได้เล่าให้ศาลฟังว่า เช้าวันเกิดเหตุ ตนเองได้ขึ้นไปที่เขาพะเนินทุ่งพร้อมกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ 4 คนและนักศึกษาฝึกงาน 2 คน เพื่อต้อนรับนายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ เพื่อเตรียมการรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว กระทั่งเวลาประมาณ 15.00 น. ขณะเดินทางลงจากเขาพะเนินทุ่งมาถึงด่านสามยอด ได้รับแจ้งทางวิทยุจากนายเกษมหัวหน้าหน่วยมะเร็วว่าจับกุมคนลักลอบนำน้ำผึ้งป่าได้ จึงเดินทางมาที่ด่านมะเร็ว ขณะนั้นฝนตกหนัก เห็นเจ้าหน้าที่กำลังควบคุมตัวนายบิลลี่ จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่นำนายบิลลี่และรถจักรยานยนต์พร้อมของกลางทั้งหมดขึ้นรถตน แล้วให้นักศึกษาฝึกงานและเจ้าหน้าที่ฝึกงานไปนั่งรถนายเกษม และให้ขับไปที่อุทยานฯ
 
ขณะขับรถนำนายบิลลี่เพื่อจะไปส่งที่อุทยานฯ ได้ต่อว่านายบิลลี่ว่าเป็นสมาชิกสภา อบต.แต่ทำไมกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งนายบิลลี่ได้ขอร้องให้ปล่อยตัว และอ้างว่าน้ำผึ้งป่าซื้อมาจากชาวบ้านขวดละ 120 บาท จะไปขายต่อขวดละ 200 บาท เป็นความผิดเล็กน้อยขอให้ปล่อยตัว ตนได้ค้นสัมภาระของนายบิลลี่พบมีน้ำผึ้งแค่ 5 ขวด จึงคิดว่าเป็นความผิดเล็กน้อย ก็เลยว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวไป
 
จากนั้นตนก็เดินทางกลับบ้านที่ไร่ราชพฤกษ์เพื่อเตรียมจัดงานประเพณีวันสงกรานต์ย้อนหลังให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ที่กำหนดจัดวันที่ 18 เม.ย. กระทั่งเวลา 08.00 น.วันที่ 19 เม.ย. ได้รับแจ้งจากร้อยเวร สภ.แก่งกระจาน ว่านายบิลลี่หายตัวไป และอ้างว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้อง
 
เมื่อไต่สวนถึงช่วงนี้ ทนายความฝ่ายผู้ร้องได้ร้องต่อศาลว่าขอแขวนประเด็นและขออำนาจศาลเรียกพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานฯ ที่อยู่ในขณะที่นายชัยวัฒน์อ้างว่าปล่อยตัวนายบิลลี่ลงที่บริเวณบ้านมะค่า ใกล้สนามยิงปืนของค่ายฝึกรบพิเศษแก่งกระจาน ขอให้ไต่สวนเพิ่มอีก 3 ปาก ประกอบด้วยนายไพฑูรย์ แช่มเทศ  นายบุญแทน บุศราคำ และนายกฤษณะพงษ์ จิตต์เทศ ซึ่งล้วนเป็นบุคคลในฝ่ายของนายชัยวัฒน์
 
เบื้องต้นศาลพิจารณาให้เรียกพยานเพิ่มตามที่ร้องขอ โดยจะออกหมายเรียกนายชัยวัฒน์ มาไต่สวนเพิ่มเติม พร้อมกับพยานที่ร้องขอใหม่อีก 3 ปาก ในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น. เพื่อไต่สวนและสั่งการในคดีนี้ต่อไป
 
 
คนเพชรบุรีลุยยื่นหนังสือ ปกป้อง หน.อช.แก่งกระจาน
 
ด้านไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. วันที่ 30 เม.ย. 2557 มีรายงานว่า ที่วิทยาลัยพยาบาล จ.เพชรบุรี ซึ่งมีการประชุมหัวหน้าส่วนราชการชาวบ้านใน จ.เพชรบุรี ทั้ง 8 อำเภอ ร่วมกับกลุ่มองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมหลายองค์กร เช่น กลุ่มรักป่าแก่งกระจาน กลุ่มรักป่าต้นน้ำแก่งกระจาน ชมรมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพชรบุรี ได้รวมตัวและเข้ายื่นหนังสือต่อนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผวจ.เพชรบุรี ขอความเป็นธรรมให้นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หน.อช.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ที่ถูกกลุ่มเอ็นจีโอ และกลุ่มชาติพันธุ์นอกพื้นที่โจมตีแบบบิดเบือนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการทำหน้าที่ปกป้องรักษาป่าแก่งกระจาน
 
ทั้งนี้ ตัวแทนชาวบ้านและกลุ่มองค์กรฯ ระบุว่า มีขบวนการโจมตี หน.อช.แก่งกระจาน ที่ทำหน้าที่ปกป้องรักษาป่าแก่งกระจาน โดยกลุ่มผู้เสียประโยชน์ยุยงส่งเสริมและปลูกฝังให้ชาวกะหร่างบางกลอยบางส่วน กลับเข้าไปอยู่ในป่าจนมีการขึ้นไปโค่นไม้เผาป่าจำนวนมาก ซึ่งดั้งเดิมชาวกะหร่างเหล่านี้อยู่อาศัยอย่างปกติสุขอยู่แล้ว และหน่วยงานของรัฐรวมทั้งสถาบันปิดทองหลังพระก็เข้ามาดำเนินการปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้คนเหล่านี้ได้อยู่ดีกินดี แต่มีคนเข้ามายุยงและปลูกฝังค่านิยมแบบผิดๆ จนเกิดความขัดแย้งและสร้างความเกลียดชังต่อกัน
 
นายเกียรติศักดิ์ กล่อมสกุล แกนนำกลุ่มดูนกแก่งกระจานกล่าวว่า ในส่วนของคดีการหายตัวไปของนายพอละจี รักจงเจริญ หรือนายบิลลี่ หากพบว่า หน.อช.แก่งกระจาน ทำผิดจริง ก็ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่การที่มีกลุ่มเอ็นจีโอและสื่อบางเครือข่ายมุ่งบิดเบือนข้อมูล โจมตีการทำงานของ จนท.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานโดยไม่เคยลงพื้นที่หรือมีข้อเท็จจริงเพียงพอ แต่โหมกระแสโจมตีเพื่อหวังผลให้ย้าย หน.อช.แก่งกระจาน พวกเราไม่ยอมเด็ดขาด ผลงานที่ หน.อช.ทำมาในหลายปีมีเห็นประจักษ์หลายอย่าง ทั้งจับกุมแก๊งล่าสัตว์ป่า ยิงช้าง ยิงกระทิง เลียงผา และกวาง รวมทั้งจับกุมผู้บุกรุกป่า มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่เว้นแม้แต่พวกมีสี
 
"อย่างนี้จะมาให้ย้ายคงยอมไม่ได้ เราจะรอดูการทำงานของหลายฝ่ายว่า จะให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานแบบเสี่ยงชีวิตเหล่านี้หรือไม่ วันนี้พวกเรามาเรียกร้องให้ผวจ.เพชรบุรี ได้ช่วยให้ความเป็นธรรมและดูแลคนทำงาน ไม่ใช่ไปทำตามกระแสจากคนภายนอกพื้นที่" นายเกียรติศักดิ์กล่าว
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท