ชี้ไม่ต้องการการแทรกแซงการเมืองจากทหารผ่านกฏอัยการศึก ระบุไม่ต่างจากการรัฐประหารสนับสนุนแนวทางแก้ปัญหาความขัดแย้งตามแนวทางประชาธิปไตยโดยการเลือกตั้ง
20 พ.ค. 2557 เวลาประมาณ 18.00 น. มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีกลุ่มนักวิชาการ นักศึกษา นักกิจกรรมประชาชนประมาณ10คน ที่มี
เสาวนีย์ ตรีรัตน์ อเลกซานเดอร์ นักวิชาการจาก ม.อุบล หนึ่งในผู้เข้าร่วมกิจกรรมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวมีแต่คำถาม ว่าทำไมทหารไม่
ปรเมศวร์ ศิริพากเพียร นศ.ปริญญาโท จาก ม.อุบล กล่าวว่า ผมคิดว่าการประกาศกฎอัยการศึกของทหารวันนี้ เป็นการรัฐประหารโดยทหารอย่างหนึ่ง กฎอัยการศึกให้อำนาจทหารมากเกินไป ผมไม่เห็นด้วย เพราะคิดว่าวิธีการนี้ไม่เหมาะสมในการแก้ปัญหาสถานการณ์ทางการเมืองครั้งนี้ ผมคิดว่ารัฐบาลรักษาการยังคงดูแลสถานการณ์ได้อยู่ ไม่จำเป็นต้องใช้กฎหมายนี้มาบังคับ เพราะเมื่ออำนาจอยู่ในมือทหาร ทหารจะทำอะไรก็ได้ เราไม่สามารถเอาผิดกับทหารได้ทั้งทางแพ่งและอาญา มันเป็นกฎหมายที่ครอบจักรวาลเกินไป และการกระทำครั้งนี้ถือเป็นการเสี่ยงที่จะเปิดทางให้ ส.ว. ยื่นเสนอชื่อนายกฯ ตามมาตรา 7 ได้ง่าย และมันจะเอื้อประโยชน์ต่อคนบางกลุ่ม
เสนาะ เจริญพร อาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัย กล่าวว่ากิจกรรมนี้เป็นอีกหนทางหนึ่งในการสื่อสารบอกกับสังคมว่าพวกเราไม่เห็นด้วยกับการใช้กฎอัยการศึกของทหาร จริงๆแล้วทหารไม่ควรออกมาทำแบบนี้ เพราะสังคมไทยนั้นทหารค่อนข้างที่จะไม่เป็นมิตรกับประชาธิปไตย ทหารในเมืองไทยคือสัญลักษณ์แห่งอำนาจและเผด็จการ
ขณะเดียวกัน เครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ได้ออกแถลงการณ์ประนามการประกาศใช้กฎอัยการศึกของกองทัพบก ระบุเป็นเครื่องมือชิ้นสุดท้ายของกลุ่มจารีต เรียกร้องรัฐบาลไม่ให้ยอมรับกฎอัยการศึก
๐๐๐
แถลงการณ์
คัดค้านการออกพระราชบัญญัติ กฎอัยการศึก
วิกฤตการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองไทยในปัจจุบัน โดยมีกลุ่มก้อน”ขบวนปฏิปักษ์ประชาธิปไตย” ที่นำโดยคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ออกมาขับเคลื่อนชูโรงบนท้องถนน รวมทั้งมีองค์กรอิสระต่างๆเป็นคนรับลูก โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อให้ได้มาซึ่ง “นายกรัฐมนตรี มาตรา 7” ที่จะนำพาประชาชนคนไทยไปอยู่ในซอกหลืบของ “ระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ใหม่” ในขณะที่ “กลุ่มพลังประชาธิปไตย” ก็มิอาจทนอยู่ภายใต้สภาวการณ์เช่นนั้นได้
แต่แล้ว “กลุ่มพลังจารีต” ได้หยิบใช้กองกำลังติดอาวุธอันบ้าคลั่งเป็นเครื่องมือชิ้นสุดท้ายที่ยังหลงเหลืออยู่ ฉวยโอกาสประกาศใช้ “พ.ร.บ. กฎอัยการศึก” ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งเป็นการรัฐประหารครึ่งใบต่างกันแค่การใช้สำนวนเท่านั้น โดยร่างทรงของพลังอำนาจเหนือรัฐได้ใช้ข้ออ้างถึงแนวโน้มในการเกิดจลาจลอย่างรุนแรง อันกระทบความมั่นคงของชาติ ซึ่งเป็นการสร้างวาทกรรมแบบเดิมๆของเหล่าอนุรักษ์นิยมที่เคยทำมาในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และการกระทำดังกล่าวยิ่งจะสร้างความแตกแยกอันร้าวลึกอันยากจะเยียวยาในอนาคต
ดังนั้นเครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มีจุดยืนกับสถานการณ์ทางการเมืองดังต่อไปนี้
- ขอประณามกองกำลังติดอาวุธอันบ้าคลั่ง ที่เข้าลิดรอนสิทธิ เสรีภาพ ที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ ด้วยวิธีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งเป็นวิธีการที่ล้าหลังไม่สอดคล้องอับสถานการณ์โลกในปัจจุบันที่ต้องการประชาธิปไตย
- เรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการประกาศไม่ยอมรับกฎอัยการศึก เพราะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย
- ขอให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยแสดงการคัดคัดค้าน “กฎอัยการศึก”ตามความสามารถแต่ละบุคคล โดยยึดโยงเอาความปลอดภัยเป็นที่ตั้ง
จงร่วมกันปกป้องประชาธิปไตย
เครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยที่สมบูรณ์
20 พฤษภาคม 2557