Skip to main content
sharethis


11 มิ.ย.2557 มติชนออนไลน์รายงานว่า เวลา 13.30 น. ที่ศาลปกครองสูงสุด ตุลาการศาลปกครองสูงสุด พิพากษา ให้เพิกถอนประกาศสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เกี่ยวกับหลักเกณฑ์รายการโทรทัศน์สำคัญที่ให้เผยแพร่ได้เฉพาะ ในบริการโทรทัศน์ที่เป็นการทั่วไปในข้อ 3 และประกอบกับรายการที่ 7 ในภาคผนวกหรือ กฏมัสต์แฮฟ

กรณีถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก มาบังคับใช้กับบริษัท อาร์เอส อินเตอร์เนชั่นแนล บรอดคาสติ้ง แอนด์ สปอร์ต แมเนจเม้นท์ จำกัด (อาร์เอสบีเอส) ผู้ได้รับลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดฟุตบอลโลก 2014 รอบสุดท้ายผ่านฟรีทีวี  22 นัด แต่ผู้เดียวในประเทศไทย ไม่มีผลบังคับใช้แก่บริษัทอาร์เอสฯ ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกในปีนี้เท่านั้น

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.กับพวกรวม 12 คน เป็นผู้ถูกฟ้อง เนื่องจากบังคับใช้ประกาศดังกล่าวเพื่อให้บริษัทอาร์เอส ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ทั้ง 64 นัด ผ่านฟรีทีวี

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า กสทช.มีอำนาจออกประกาศดังกล่าว แต่ขณะกสทช.ออกประกาศมัสต์แฮฟ บริษัทอาร์เอสผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกได้แสดงความเห็นคัดค้านต่อการออกประกาศดังกล่าวซึ่งกสทช.ควรใช้ดุลยพินิจในการออกประกาศเพื่อให้สอดคล้องกับความเป็นจริงรวมถึงการใช้อำนาจ เพื่อพิจารณาถึงผลกระทบผู้เสียหาย

โดยทางบริษัทอาร์เอสได้รับอนุญาต ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้และได้รับสิทธิ์จากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือ ฟีฟ่า ซึ่งบริษัทอาร์เอส สามารถหาประโยชยน์จากการถ่ายทอดฟุตบอลโลกปีนี้ได้ ส่วนทางบริษัทอาร์เอสฯ ได้ประมูลช่องดิจิตอลเกิดขึ้นหลังจากมีการฟ้องคดีแล้ว ไม่มีผลกระทบต่อประกาศดังกล่าวแต่อย่างใด

รวมทั้ง กสทช.ไม่ได้กำหนดมาตราการชดเชยบรรเทาความเสียหายที่บังคับให้อาร์เอส ถ่ายทอดสดบอลโลกครบทุกนัดตามประกาศ ของ กสทช. ซึ่งทางที่กสทช. นำประกาศดังกล่าวมาบังคับใช้กับอาร์เอส ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกถือว่าไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฏหมาย จึงพิพากษาให้เพิกถอนประกาศดังกล่าวเฉพาะกรณีถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกครั้งนี้เท่านั้นแต่ประกาศดังกล่าวยังมีผลบังคับใช้ในกรณีอื่นเหมือนเดิม

ด้านนายสุพรรณ เสือหาญ ทนายความผู้รับมอบอำนาจของบริษัทอาร์เอสฯ กล่าว่า ขอบคุณศาลที่ให้รับความเป็นธรรม โดยการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกเป็นสิทธิ์ของบริษัทอยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ คสช.ขอความร่วมมือให้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่อง 5 และ ช่อง 7 นั้น ต้องขึ้นอยู่กับผู้บริหาร

ขณะพ.อ.นที ศุกลรัตน์ รองประธาน กสทช. กล่าวว่า ทางกสทช. น้อมรับคำตัดสินของศาลโดยจะนำคำตัดสินของศาล ไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไปและยืนยันได้ดำเนินการเพื่อคุ้มครองสิทธิประชาชนในการรับบริการโทรทัศน์โดยเท่าเทียมกันอย่างเต็มความสามารถ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net