Skip to main content
sharethis

15 ก.ค.2556 เมื่อเวลาประมาณ 9.30 น.ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ตัวแทนสมัชชาคนจน นายสมเกียรติ พ้นภัย และนายไพฑูรย์ สร้อยสด ตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านเก้าบาตร ต.ลำนารอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ พร้อมเจ้าหน้าที่สันติอาสาจากมหาวิทยาลัยมหิดล ขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และ ผบ.ทบ. เพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกเรื่อง ขอให้ยุติการอพยพ ไล่รื้อบ้าน ชาวบ้านเก้าบาตร ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ออกจากที่อาศัยและที่ทำกิน โดยที่ทางกองทัพบกได้ส่ง พ.อ.หญิงบุษบงค์ นุตสถิตย์ สำนักงานเลขานุการทหารบก เป็นตัวแทนมารับเรื่องจากสมัชชาคนจน

เรื่องดังกล่าวสืบเนื่องมาจากคสช.มีคำสั่งฉบับที่ 64/2667 เรื่องการปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าพื้นที่หมู่บ้านเก้าบาตรและหมู่บ้านอื่นๆ ในพื้นที่ป่าสงวนดงใหญ่ตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาจนปัจจุบัน โดยชาวบ้านเก้าบาตรยังคงยืนยันที่จะอยู่ในพื้นที่

ชาวบ้านเก้าบาตรกล่าวว่า ชาวบ้านอยู่ในพื้นที่มาตั้งแต่รัฐไทยทำสงครามสู้รับกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) โดยทหารเป็นผู้นำชาวบ้านไปตั้งถิ่นฐานเองเพื่อให้เป็นพื้นที่กันชน

นายไพฑูรย์ตัวแทนชาวบ้านให้สัมภาษณ์ว่า ทาง พ.อ.หญิงบุษบงค์ ได้ยืนยันว่ากระบวนการนำชาวบ้านออกจากพื้นที่ยังจะต้องดำเนินต่อไปเนื่องจากเป็นการดำเนินการตามคำสั่งศาล โดยในเบื้องต้นทางกองทัพบกจะประสานให้เกิดการพูดคุยระหว่างชาวบ้านกับกองทัพภาคที่ 2 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะชะลอการไล่รื้อไว้ก่อนในระหว่างรอการเจรจา

อย่างไรก็ตามนายไพฑูรย์กล่าวด้วยว่าที่ผ่านมาชาวบ้านยังไม่ได้รับความชัดเจนจากทางกองทัพภาคที่ 2 ว่าสถานที่ที่จะให้ชาวบ้านไปอยู่หลังถูกอพยพออกจากหมู่บ้านเก้าบาตรนั้นเป็นที่ใดกันแน่ ซึ่งการจัดสรรที่อยู่ใหม่นับเป็นข้อกังวลใหญ่ของชาวบ้าน 

 

จดหมายเปิดผนึก

 

15 กรกฎาคม 2557

เรื่อง  ขอให้ยุติการอพยพ ไล่รื้อบ้าน ชาวบ้านเก้าบาตร ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์

เรียน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติกฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ต่อมาในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศยึดอำนาจการปกครองประเทศ และมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557 ลงวันที่ 14 มิถุนายน 2557 เรื่อง การปราบปรามและหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้  จึงเป็นเหตุให้ กอ.รมน. จ.บุรีรัมย์ ใช้เป็นข้ออ้าง เข้าไปดำเนินการอพยพ ไล่รื้อ ข่มขู่ คุกคาม กลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสี ชาวบ้านเก้าบาตร ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ตัวอย่างเช่น กรณีการอ้างว่า การประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านออกจากพื้นที่ด้วยความสมัครใจนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นการใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธครบมือ เข้าไปข่มขู่ บีบบังคับ ให้ชาวบ้านรื้อบ้านออกภายในวันที่ 7 กรกฎาคม 2557 ถ้าหากไม่รื้อบ้านออกหรือรื้อบ้านไม่แล้วเสร็จ ในวันที่ 8 – 12 กรกฎาคม 2557 ทาง กอ.รมน. จ.บุรีรัมย์ จะเข้ามารื้อถอนเอง  กรณีเจ้าหน้าที่ขับรถขนไม้พยุงมาที่ศาลากลางบ้านแล้วกล่าวหาว่าเป็นไม้ที่ชาวบ้านลักลอบตัด  กรณีเอายาบ้าไปซุกซ่อนไว้ในห้องน้ำรวมบ้านเก้าบาตร และกรณีเอาลูกกระสูนปืนมาซุกซ่อนไว้ในศาลากลางบ้านเก้าบาตร เป็นต้น และแม้ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 66/2557 ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยึดถือนโยบายการปฏิบัติงาน โดยการดำเนินการใดๆ ต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เดิมนั้นๆ ก่อนคำสั่งนี้มีผลบังคับใช้ ยกเว้นผู้ที่ที่บุกรุกใหม่ จะต้องดำเนินการสอบสวน และพิสูจน์ทราบ เพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติที่เหมาะสมและดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แต่ กอ.รมน. จ.บุรีรัมย์ กลับไม่ดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าว

สมัชชาคนจนเห็นว่า การกระทำของ กอ. รมน. จ.บุรีรัมย์ เป็นการกระทำอันขัดต่อคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 66/2557 และเป็นการลุแก่อำนาจ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกดขี่ ทำร้าย ทำลายคนจน โดยที่ไม่ยอมรับฟังความคิดความเห็น ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง  สมัชชาคนจน จึงข้อเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สั่งการให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ดังนี้

1.       ให้ยุติการข่มขู่ คุกคาม อพยพ ไล่รื้อบ้าน ชาวบ้านเก้าบาตร ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ โดยทันที

2.       ในระหว่างการแก้ไขปัญหารัฐต้องยุติการจับกุม ดำเนินคดี  และผ่อนผันให้ชาวบ้านเก้าบาตร   ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ อยู่อาศัยและทำกินในที่ดินเดิมไปพลางก่อน จนกว่าการแก้ไขปัญหาจะได้ข้อยุติร่วมกัน

3.       ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาชาวบ้านเก้าบาตร ต.ลำนางรอง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ภายใต้การมีส่วนร่วมระหว่างหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับชาวบ้านเก้าบาตรในสัดส่วนที่เท่าเทียมกัน

 

จึงเรียนมาเพื่อพิจารณา

 

ขอแสดงความนับถือ

(นายสมเกียรติ พ้นภัย)

ผู้แทนสมัชชาคนจน

 

แถลงการณ์สมัชชาคนจน

คืนความสุข ต้องหยุดทำร้ายคนจน

แม้สมัชชาคนจนจะทราบว่า ในห้วงเวลานี้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกินกว่า 5 คน แต่สมัชชาคนจนขอยืนยันว่า การชุมนุมในครั้งนี้ไม่ใช่การชุมนุมทางเมือง หากแต่สมัชชาคนจนมาชุมนุมเพราะพี่น้องบ้านเก้าบาตร ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับความเดือนร้อนจากการที่ กอ.รมน. จังหวัดบุรีรัมย์ สั่งการให้ เจ้าหน้าที่ทหาร สนธิกำลังกับ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอโนนดินแดง เข้าไปดำเนินการข่มขู่ คุกคาม กลั่นแกล้ง ใส่ร้ายป้ายสี ยัดเยียดข้อหาเพื่อผลักดัน ไล่รื้อถอนบ้านเรือนชาวบ้านให้ออกจากพื้นที่ โดยอ้างคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 64/2557 และคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 66/2557 ดังที่ปรากฏเป็นข่าวในโซเชียลมีเดีย นั้น

สมัชชาคนจนเห็นว่า การกระทำของ กอ. รมน. จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นการกระทำอันขัดต่อแนวทางการปรองดองสร้างความสมานฉันท์เพื่อการปฏิรูปประเทศและคืนความสุขให้คนในชาติของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อีกทั้งยังเป็นการลุแก่อำนาจ ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกดขี่ ทำร้าย ทำลายคนจน โดยที่ไม่ยอมรับฟังความคิด ความเห็น ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ส่งผลให้พี่น้องบ้านเก้าบาตรต้องสูญเสียที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน และหวาดกลัวต่อพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่  ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมขัดต่อหลักสิทธิเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างร้ายแรง  

ดังนั้นเพื่อเป็นการปกป้องสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคของคนจนในสังคมให้มีที่อยู่ ที่ยืน มีสิทธิ มีเสียง และได้รับความเป็นธรรม อย่างเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ในสังคม สมัชชาคนจนจึงเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หยุดการทำร้ายคนจน ด้วยการสั่งการให้ยุติการอพยพ ไล่รื้อบ้านชาวบ้าน   เก้าบาตร ตำบลลำนางรอง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ ออกจากพื้นที่โดยทันที

ประชาธิปไตยที่กินได้  การเมืองที่เห็นหัวคนจน

 

15 กรกฎาคม 2557

สมัชชาคนจน

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net