ลำดับเหตุการณ์ เหมืองแร่ทองคำ จังหวัดเลย

 

28 ส.ค. 2557
ทหารยอมคืนเครื่องเสียงที่ตั้งอยู่บ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 (นาหนองบง คุ้มใหญ่)

27 ส.ค. 2557
- กองกำลังทหารถอนการประจำการจุดตรวจบ้านฟากห้วย และไม่เฝ้าด่านตรวจ ว.1 ว.2 และ ว. 3 ในเวลากลางคืน
- ชาวบ้านนาหนองบงทำการ ตัดน้ำ ตัดไฟ และปิดห้องน้ำ บริเวณจุดตรวจ ว.1 ว.2 และ ว. 3 ซึ่งปัจจุบันเป็นจุดตั้งด่านของทหาร เนื่องจากไม่มีกองทุนสำหรับจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟซึ่งเป็นรายจ่ายที่มากขึ้นมากจนชาวบ้านแบกรับภาระไม่ไหว

26 ส.ค. 2557
ทหารใช้กฎอัยการศึกยึดเครื่องเสียงหอกระจายข่าวหมู่บ้านนาหนองบง 2 เครื่อง (บ้านผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3, บ้านนายสมัย ภักดิ์มี) เนื่องจากในช่วงเย็นวันที่ 25 มีการประกาศชวนให้ชาวบ้านเดินรณรงค์อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่เคยจัดขึ้นเป็นปกติในพื้นที่ โดยทหารอ้างว่า เป็นการประกาศเชิญชวนให้มีการชุมนุมการทางเมืองที่มีจำนวนตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป วันนั้นแกนนำกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดเข้าไปเจรจากับทหารและทหารยอมคืนเครื่องเสียงที่ตั้งอยู่บ้านนายสมัย (นาหนองบง คุ้มน้อย) แต่ชาวบ้านก็ไม่สามารถเดินรณรงค์ได้ตามปกติที่เคยทำ

25 ส.ค. 2557
ทหารและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง จัดให้มีการลงนามในสัญญาฯ โดยจะให้ผู้ใหญ่บ้าน 6 หมู่บ้านเป็นผู้ไปลงนามในสัญญา แต่ต้องยกเลิกเนื่องจากไม่มีผู้ใหญ่บ้านไปลงนาม และอ้างว่ายังอยู่ในช่วงเวลาไม่เหมาะสมที่จะลงนามในสัญญา

25 ส.ค. 2557
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ส่งหนังสือเปิดผนึกถึง นายกรัฐมนตรี หัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ, แม่ทัพภาคที่ 2, บัญชาการทหารบกจังหวัดเลย, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, ผู้ว่าฯ, อุตสาหกรรมจังหวัดเลย, พ.อ. เสาวราช แสงผล, ทสจ. เลย, สปก. เลย, นายอำเภอวังสะพุง เรื่อง ข้อเสนอและแนวทางแก้ไขปัญหาตามเอกสารประชาคมของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ 6 หมู่บ้าน เนื้อหาโดยสรุป คือ 1) คณะกรรมการทั้ง 4 ชุดที่ทหาร คสช. ได้แต่งตั้งนั้น ไม่มีความชอบธรรม หากการทำบันทึกข้อตกลงในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 หรือวันอื่นถัดจากนี้ ไม่เป็นไปตามเอกสารประชาคมของประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำ 6 หมู่บ้าน วันที่ 16 สิงหาคม 2557 ณ ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1, 2, 3, 4, 12, 13 ที่ราษฎรทั้ง 6 หมู่บ้านดังกล่าวได้มีการทำประชาคม ในวันที่  16 สิงหาคม 2557 ซึ่งส่วนใหญ่เห็นชอบกับข้อเสนอทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ใน เอกสารประชาคมฯ ดังรายละเอียดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ให้ถือว่าบันทึกข้อตกลงดังกล่าวมิชอบ ดังนั้นบันทึกข้อตกลงในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 หรือวันอื่นถัดจากนี้หากปรากฏข้อเท็จจริงว่า ไม่ตรงตามเอกเอกสารประชาคมฯ จริง จะไม่ถือว่าเป็นเอกสารที่สามารถนำมาเป็นแนวปฏิบัติได้ 2) ตัวแทนผู้ใหญ่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้าน หรือ ข้าราชการอื่นในท้องถิ่น ไม่ถือว่าเป็นตัวแทนของราษฎรส่วนใหญ่ในพื้นที่ที่กำลังได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองทองคำในขณะนี้ เพราะเป็นการลงนามที่ข้อเสนอในบันทึกข้อตกลงไม่สอดคล้องกับเอกสารประชาคมฯ 3) หากหน่วยงานราชการใดนำบันทึกข้อตกลงในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 หรือวันอื่นถัดจากนี้ ไปใช้ในการกระทำการใดๆ ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง 4) หากหน่วยงานราชการใดนำบันทึกข้อตกลงในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 หรือวันอื่นถัดจากนี้ที่ไม่เป็นไปตามเอกสารประชาคมฯ ไปใช้ในการกระทำทางปกครอง จะถือว่าเป็นการใช้อำนาจในทางปกครองที่มิชอบ และราษฎรกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจะนำคดีขึ้นสู่ศาล

24 ส.ค. 2557
กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิด ประชุม และตัดสินใจร่วมกันว่า หากผู้ใหญ่บ้านทั้ง 6 หมู่บ้านไปลงนามในสัญญาฯ โดยที่ทหาร หรือหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องลัดขั้นตอน ไม่นำสัญญาฯ มาให้ชาวบ้านได้พิจารณาและทำประชาคม กลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดจะฟ้องร้องการกระทำดังกล่าวของผู้ใหญ่บ้านทุกรายต่อศาลปกครอง และจะใช้มาตรการทางสังคมในการกดดัน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการทำเหมืองแร่ เป็นการดำเนินงานภายใต้กระบวนการมีส่วนร่วมของชาวบ้าน 6 หมู่บ้านอย่างแท้จริง ไม่ใช่ผ่านระบบตัวแทนรัฐ หรืออำนาจพิเศษใดๆ ก็ตาม

22 ส.ค. 2557
คดีฟ้องอาญาชาวบ้าน 22 ราย อัยการนัด จะส่งสำนวนฟ้องศาลหรือไม่ แต่อัยการเลื่อนเป็น 23 ก.ย.57 เป็นการเลื่อนครั้งที่ 3

21 ส.ค. 2557
นสพ.ประชาชาติธุรกิจ ลงข่าว Regina Wen Li Ng ผู้ถือหุ้นบ.ทุ่งคา 40,318,300 หุ้น (ร้อยละ 5.33) ลูกสาวของนายโรนัลด์ อึ้ง วาย ชอย  อดีตกรรมการผู้จัดการบ.ทุ่งคา ใช้กลไก ISDS ฟ้องรัฐบาลไทยต่อ UNCITRAL โดยใช้ผ่าน BIT ไทย-ฮ่องกง (ยื่นฟ้องช่วงกรกฎาคม 2557) โดยอ้างว่าทุ่งคำไม่สามารถขนแร่ทองคำออกมาจากเหมืองได้เพราะสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการผลิตทองคำเกิดการรั่วไหลจนเป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของคนในชุมชน ทำให้ชาวบ้านต่อต้านจนส่งผลกระทบต่อธุรกิจ

20 ส.ค. 2557
- ทหารและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ให้อัยการจังหวัดเลยเตรียมจัดให้มีการลงนามในสัญญาฯ โดยจะให้ผู้ใหญ่บ้าน 6 หมู่บ้านเป็นผู้ไปลงนามในสัญญา โดยที่ชาวบ้านยังไม่ได้เห็นรายละเอียดใดๆ ในสัญญาฯ แต่ก็ต้องยกเลิกไปอย่างกะทันหัน เนื่องจากกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้ออกแถลงการณ์ในช่วงเช้าของวันดังกล่าว เนื้อหาโดยสรุป คือ ข้อตกลงหรือสัญญาฯ ที่รัฐได้จัดทำขึ้น จะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไข 3 ข้อ ตามมติประชาคม แต่ละข้อ เป็นขั้นเป็นตอน จะเลือกปฏิบัติไม่ได้ ข้ามไปก่อนข้อใดข้อหนึ่งก็ไม่ได้ ฉะนั้น ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นโดยกระบวนการที่ให้ผู้ใหญ่บ้าน 6 หมู่บ้าน สมาชิก อบต. 6 หมู่บ้าน ไปลงนามในข้อตกลงหรือสัญญา ชาวบ้าน 6 หมู่บ้านจะไม่ยอมรับข้อตกลงใดๆ ทั้งสิ้น

- ชาวบ้านร่วมใจกันเอาโฉนดที่ดิน และ น.ส.3.ก ที่ประเมินราคาแล้วมาประกันตัวผู้ต้องหา 12 คน คดีอาญา 50 ล้าน เลขที่คดีดำ 4217/2556 (กำแพงใจ 1) และคดีอาญา 70 ล้าน เลขที่คดีดำ 4542/2556 (กำแพงใจ 3)

17-18 ส.ค. 2557
สื่อหลายสำนักเสนอข่าวด้วยเนื้อหาเหมือนกันว่า ทุ่งคำยอมปิดเหมืองชั่วคราว

17 ส.ค. 2557
พล.ต.วรทัต สุพัฒนานนท์ นัดเจรจา ระหว่าง ชาวบ้าน บริษัททุ่งคำฯ พร้อมด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อเจรจาหาข้อตกลงร่วมกันเป็นครั้งสุดท้าย ทหารได้บอกกับชาวบ้านว่า หากไม่สามารถตกลงกันได้จะใช้กฎอัยการศึกเพื่อแก้ไขปัญหา แต่การเจรจาจบลงโดยไม่มีข้อสรุปใดๆ เป็นคำตอบที่ชัดเจนทั้งในประเด็นปัญหาเรื่อง การปิดเหมือง การขนแร่ และการฟื้นฟู ซึ่งเป็นมติการประชาคมที่ชาวบ้านกลุ่มฅนรักษ์บ้านเกิดได้จัดทำขึ้นเป็นเอกสารรายละเอียดและขั้นตอนไว้อย่างชัดเจนแล้ว แต่ตัวแทนบริษัทฯ กลับไม่ได้เจรจาเพื่อให้ได้ข้อตกลงตามกรอบแนวทางทั้ง 3 ข้อ อีกทั้งยังเพิ่มประเด็นใหม่ คือ ขอพื้นที่ทำเหมืองแร่เพิ่มอีก 2 แปลง คือแปลงภูเหล็กและแปลงนาโป่ง ซึ่งไม่ได้อยู่ในกรอบแนวทางการเจรจาตามที่มีการทำประชาคม 6 หมู่บ้าน แต่อย่างใด ส่วนประเด็นที่ชาวบ้าน 6 หมู่บ้านต้องการให้ข้อตกลงหรือสัญญาฯ ที่จะจัดทำขึ้นเป็นสัญญาฯ 3 ฝ่าย โดยส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จะต้องลงนามในฐานะคู่สัญญาฯ ไม่ใช่พยาน ก็ไม่มีการตอบรับจากหน่วยงานราชการในจังหวัดที่เข้าร่วมในเวทีเจรจาในวันนั้น โดยสรุปแล้วการเจรจาที่เกิดขึ้นทั้งสองครั้ง จึงเป็นเพียงการประชุมเพื่อสอบถามความต้องการและความเป็นไปได้ทั้งจากตัวแทนบริษัททุ่งคำ ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และชาวบ้านได้ยืนยันความต้องการตามที่ได้เสนอไป โดยทหารและหน่วยงานราชการจะนำเนื้อหาจากการเจรจาในครั้งนี้ไปจัดทำเป็นข้อตกลงที่เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วจะมีการนัดทุกฝ่ายให้มาทำข้อตกลงอีกครั้ง

16 ส.ค. 2557
จัดประชาคม 6 หมู่บ้าน หมู่บ้านห้วยผุก หมู่  1, หมู่บ้านกกสะทอน หมู่ 2, หมู่บ้านโนนผาพุง หมู่  12, หมู่บ้านภูทับฟ้า หมู่  13

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท