Skip to main content
sharethis
คาดเริ่มพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าว 10 ต.ค.นี้
 
นายอนุรักษ์ ทศรัตน์ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กระทรวงแรงงาน กล่าวถึงความคืบหน้าการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวหลังเปิดให้จดทะเบียนว่า ล่าสุด มีแรงงานต่างด้าวจดทะเบียนแล้วกว่า 1.2 ล้านคน คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ประมาณวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ซึ่งทางประเทศต้นทางทั้ง 3 ประเทศ คือ พม่า ลาว และ กัมพูชา มีความพร้อมในการส่งเจ้าหน้าที่มาดำเนินการที่ประเทศไทยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาสถานที่ในการเปิดดำเนินการในพื้นที่ กทม. รวมถึงกำลังพิจารณาจัดเจ้าหน้าที่ไปตามหน่วยเคลื่อนที่เพื่อเข้าไปให้บริการในพื้นที่ที่มีแรงงานต่างด้าวหนาแน่น ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ของประเทศต้นทาง เจ้าหน้าที่ กกจ. และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ร่วมให้บริการ 
       
ทั้งนี้ สำหรับค่าบริการของประเทศเพื่อนบ้าน ประกอบด้วย ค่าหนังสือเดินทางของ สปป.ลาว จำนวนคนละ 1,500 บาท กัมพูชาคนละ 1,400 บาทและพม่าคนละ 1,600 บาท ส่วนค่าบริการของไทยแบ่งเป็นค่าตรวจลงตราประทับวีซ่า จำนวนคนละ 500 บาท จากปกติอยู่ที่คนละ 2,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา ค่ายื่นคำขอและค่าธรรมเนียมใบอนุญาตทำงานรวมแล้วปีละ 1,000 บาท ซึ่งทุกประเภทกิจการทั่วประเทศจะเก็บเท่ากันในอัตรานี้
       
นายอนุรักษ์ กล่าวอีกว่า นายสุเมธ มโหสถ อธิบดี กกจ. ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทุกคนดำเนินการอย่างสะดวก รวดเร็ว และโปร่งใส รวมทั้งดูแลไม่ให้มีการเรียกรับผลประโยชน์จากแรงงานต่างด้าว หากพบเห็นให้แจ้งมายัง กกจ.ได้ทันที อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่นายจ้างใช้บริการนายหน้าในการนำแรงงานต่างด้าวไปพิสูจน์สัญชาติ นายหน้าดังกล่าวจะต้องมีการขึ้นทะเบียนเป็นบริษัทจัดหางานกับกกจ.ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 200 แห่ง โดยบริษัทสามารถเรียกรับค่าบริการได้ไม่เกินร้อยละ 25 ของรายได้แรงงานต่างด้าว 1 เดือน ซึ่ง กกจ.ไม่ได้กำหนดค่าบริการไว้ชัดเจนเพราะต้องการให้เป็นไปตามการแข่งขันและกลไกตลาด
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 1-10-2557)
 
ลูกจ้างอปท. ร้อง 'ประยุทธ์' ปมลดพนง.ระดับล่าง
 
วันที่ 1 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนสมาคมข้าราชการส่วนท้องถิ่นแห่งประเทศไทย (อปท.) นำโดยนายพิพัฒน์ วรสิทธิดำรง นายกสมาคมฯ และสหพันธ์พนักงานท้องถิ่นแห่งประเทศไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่านเจ้าหน้าที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายก (สปน.) รัฐมนตรีเพื่อติดตามความคืบหน้าการร้องเรียนเรื่องพนักงานจ้างท้องถิ่น (ลูกจ้างชั่วคราว) ถูกเลิกจ้าง
 
โดยนายพิพัฒน์ กล่าวว่า ทางลูกจ้างชั่วคราวต้องการให้รัฐบาลแก้ปัญหาในเรื่องนี้ โดยให้ระงับการยกเลิกสัญญาจ้างพนักงานลูกจ้างทั่วประเทศไว้ชั่วคราว และแต่งตั้งคณะทำงานที่มีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนท้องถิ่น และผู้บริหารหารือกันเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ปัญหาเนื่องจากแนวนโยบายของรัฐบาลในการปรับอัตราเงินเดือนและค่าจ้างให้แก่ข้าราชการเพิ่มขึ้นร้อยละ 8-10 โดยอ้างว่าเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับข้าราชการชั้นผู้น้อย แต่กลับมีผลกับลูกจ้างชั่วคราวของ อปท.เป็นจำนวนมาก เนื่องจากนโยบายดังกล่าวไม่ได้กำหนดจัดสรรเงินเพิ่มให้กับอปท.เหมือนข้าราชการ 
 
ดังนั้น เมื่อรายรับของ อปท.เท่าเดิม จึงต้องลดปัญหาด้วยกับปรับลดพนักงานจ้างเหมา ลูกจ้างชั่วคราวซึ่งอยู่ระดับล่างสุดของ อปท. โดยในวันที่ 1 ต.ค. จะมีผู้ถูกเลิกจ้างประมาณ 1 หมื่นราย จึงขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาโดยด่วนเพื่อคืนความสุขสู่ท้องถิ่น
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 1-10-2557)
 
พม.เร่งช่วยประมงไทย แรงงานทาสเกาะอัมบน เกือบ 2 พันคน
 
เมื่อวันที่ 4 ต.ค. นายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พม. กำลังบูรณาการทำงานร่วมกับกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ และกรมการจัดการงาน กระทรวงแรงงาน ในการดำเนินการติดตามและช่วยเหลือแรงงานไทยที่ยังตกค้าง ตกทุกข์ได้อยากอยู่บนเกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซีย ในเบื้องต้นตอนนี้มีคนไทย 4 คน ที่เข้าสู่กระบวนการตรวจสอบเพื่อส่งตัวกลับประเทศไทย ภายใต้การดูแลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอัมบน
 
ส่วนคนไทยอีก 12 คนที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในชุมชนบนเกาะดังกล่าว ตอนนี้ไม่ยังไม่มีความชัดเจนว่า ต้องการเดินทางกลับประเทศไทยทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งทางกรมการกงสุล กำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลอยู่ ถ้าหากประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยก็ต้องมาเข้าสู่กระบวนการตรวจพิสูจน์ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อัมบน อินโดนีเซีย จากนั้น กรมการกงสุลจึงจะสามารถรับตัวมาส่งต่อให้ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พม. และกรมการจัดหางาน ทำการเยียวยา คุ้มครอง และให้การช่วยเหลือจัดหางานใหม่ตามกฎหมายไทยต่อไปได้
 
ด้านนายสิงหเดช ชูอำนาจ รองอธิบดีกรมการจัดหางาน (กกจ.) กล่าวว่า แรงงานไทยที่ตกค้างอยู่เกาะอัมบน ประเทศอินโดนีเซียมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนไทยที่ตกค้างมานานแล้ว บางคนมีครอบครัวอยู่บนเกาะมานานหลายปี จากการลงพื้นที่ ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ของอินโดนีเซียให้ข้อมูลว่า มีลูกเรือไทยถือหนังสือคนประจำเรือสำหรับเรือประมง (ซีแมนบุ๊ก) ที่ออกโดยกรมเจ้าท่า จำนวน 1,772 คน แต่คาดว่าในจำนวนนี้เป็นคนไทยจริงๆ ประมาณ 30% เท่านั้น ที่เหลือเป็นต่างด้าวที่ใช้เอกสารปลอมจากฝั่งไทย สวมเป็นคนไทยลงไปทำงานในเรือประมง ในการแก้ปัญหานี้ทางกระทรวงต่างประเทศ จึงได้แนะนำให้ใช้พาสปอร์ต หรือหนังสือเกินทางควบคู่กับซีแมนบุ๊กในการยืนยันตัวตน เพื่อให้การปลอมแปลงเป็นไปได้ยากขึ้น
 
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และกระทรวงแรงงาน ต้องบูรณาการร่วมกันจะมีการปราบปรามนายหน้าเถื่อนที่หลอกชักชวนคนหางานตามสถานีขนส่ง อาทิ หัวลำโพง หมอชิต หากพบการชักชวนลงเรือ ให้ตั้งข้อสงสัยและนำตัวไปสอบสวน ต่อไปอาจต้องมีสัญญาจ้างสำหรับคนทำงานบนเรือ ในส่วนของความช่วยเหลือคนไทยชุดแรก 6 คน ที่เดินทางกลับมาแล้วพบว่ายังไม่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ หลังจากนี้จะมีกลับมาอีก 4 คน ส่วนที่ยังเหลือได้ให้ทาง ตม.พื้นที่ประสานกับสถานทูตไทยอย่างใกล้ชิด หากพบคนไทยขอความช่วยเหลือจะมีการตรวจสอบเอกสารหลักฐานประจำตัวให้ชัดเจนเพื่อช่วยกลับบ้าน
 
(ไทยรัฐ, 4-10-2557)
 
สธ.เผยโรคเบาหวาน-ความดัน-หัวใจ-มะเร็งคร่าชีวิตแรงงานกว่า 3 หมื่นราย/ปี
 
รมช.สาธารณสุข(สธ.) เผยคนไทยเสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ มะเร็งรวมกันปีละกว่า 89,000 คน โดยร้อยละ 37 อยู่ในวัยแรงงานอายุไม่ถึง 60 ปี และพบเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปี เป็นโรคอ้วนอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียน เหตุจากพฤติกรรมกินอาหารที่ไม่เหมาะสม และขาดการออกกำลังกาย แนะใช้เทศกาลกินเจเป็นจุดเริ่มต้นปรับพฤติกรรมกินผักผลไม้ให้ได้ครึ่งหนึ่งของอาหารแต่ละมื้อ
 
"ปัจจุบันประเทศไทยพบผู้เสียชีวิตด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือที่เรียกว่าโรคเอ็นซีดี(Non Communicable Disease:NCD) สูงขึ้นมาก โดย 4 โรคที่พบอันดับต้นๆ ได้แก่ มะเร็ง เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ในปี 2555 มีผู้เสียชีวิตรวมกันจำนวน 89,775 คน โดยร้อยละ 37 หรือ 33,545 คน เสียชีวิตขณะอายุยังไม่ถึง 60 ปี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนวัยแรงงานอายุสั้นลง หากไม่เร่งแก้ไขคาดว่าปัญหาโรคเอ็นซีดีจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจของครัวเรือน ทำให้ขาดแรงงานหลักหรือเสาหลักสร้างรายได้ให้ครอบครัว รวมทั้งผู้สูงอายุอาจขาดผู้ดูแล โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูกคนเดียว" นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สธ.กล่าว
 
สาเหตุของโรคเอ็นซีดีส่วนใหญ่เกิดจากการมีพฤติกรรมสุขภาพประจำวันที่ไม่เหมาะสมหรือไม่สมดุลย์กัน เช่น พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม ขาดการออกกำลังกาย โดยจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติล่าสุดในปี 2554 พบว่าประชากรอายุ 11 ปีขึ้นไป ออกกำลังกายเพียงร้อยละ 26 นอกจากนี้ยังนิยมรับประทานอาหารที่รสหวาน มัน เค็มมากขึ้น ส่วนผัก ผลไม้ รับประทานน้อยมากเฉลี่ยคนละ 1.8 กรัมหรือไม่ถึงวันละ 2 ขีด ซึ่งตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลกกำหนดให้กินผักให้ได้วันละ 4-6 ขีด ซึ่งผลดีของการกินผักผลไม้ ร่างกายจะได้รับวิตามินบำรุงร่างกายตามธรรมชาติ เช่นวิตามินเอ วิตามินซี ทำให้มีภูมต้านทานโรค ช่วยให้ระบบการขับถ่ายดีขึ้น เนื่องจากมีกากใยมาก และกากใยนี้จะช่วยซับไขมันออกทางอุจจาระด้วย
 
นอกจากนี้ ยังพบว่า คนไทยประสบปัญหาน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน จากข้อมูลสุขภาพของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดในปี 2555 มีคนไทยอายุ 5 ปีขึ้นไปเป็นโรคอ้วนมากถึง 17 ล้านคนทั่วประเทศ และยังมีแนวโน้มเป็นโรคอ้วนเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 4 ล้านคนต่อปี เมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์สุขภาพในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่าเด็กไทยอายุต่ำกว่า 5 ปีขึ้นไปมีภาวะโภชนาการเกินร้อยละ 8 สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศในกลุ่มอาเซียน รองจากอินโดนีเซีย จึงให้กรมอนามัยบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพัฒนาสังคม เป็นต้น
 
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยจะเร่งรัดรณรงค์ให้คนไทยทั่วประเทศตระหนักและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อสุขภาพที่ดี ลดการบริโภคอาหาร หวาน มัน เค็ม ให้เป็นนิสัย กินผัก ผลไม้ทุกมื้อ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกดื่มน้ำเปล่าแทนน้ำอัดลมหรือน้ำหวาน งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ ในเบื้องต้นนี้ขอเชิญชวนให้ประชาชนใช้โอกาสช่วง“เทศกาลกินเจ" ซึ่งในปีนี้จะมี 2 ครั้ง ครั้งที่ 2 วันที่ 24 ตุลาคม -1 พฤศจิกายน 2557 เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและสร้างนิสัยต่อเนื่อง ในการเริ่มต้นปรับพฤติกรรมการบริโภคเพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี  โดยในแต่ละมื้ออาหารให้เพิ่มการรับประทานผักให้ได้ครึ่งหนึ่ง  ข้าว-แป้ง และโปรตีนจากเนื้อสัตว์หรือผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดอย่างละหนึ่งในสี่ของจาน รวมทั้งเสริมด้วยผลไม้สด 1 จานเล็ก เพื่อเป็นแหล่งของวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหาร
 
สำหรับแผนในปี 2557-2558 กรมอนามัยได้จัดโครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อเน้นการพัฒนาสุขภาพดีให้เด็กนักเรียนทั่วประเทศ ส่วนกลุ่มวัยรุ่นเน้นการส่งเสริมให้บริโภคอาหาร ออกกำลังกาย กลุ่มวัยทำงานจะร่วมมือกับกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย ส่งเสริมสิ่งแวดล้อมในการทำงาน เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น เหล้า บุหรี่ จัดโครงการส่งเสริมสุขภาพวัยทำงานโครงการส่งเสริมแบบแผนการมีกิจกรรมทางกาย ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพแก่บุคลากรในสถานประกอบการ รวมทั้งโครงการดูแลมะเร็งเต้านม การดูแลผู้สูงอายุ พัฒนาคลินิกไร้พุงในโรงพยาบาลทุกระดับ ซึ่งจะเน้นที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพที่เป็นต้นเหตุการเจ็บป่วย และการตรวจคัดกรองโรคเช่นเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงให้ครอบคลุมกลุ่มวัยแรงงานไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90
 
(ryt9.com, 5-10-2557)
 
กลุ่มหลากหลายทางเพศร้องสังคมยอมรับทำงาน
 
ตัวแทนผู้หลากหลายทางเพศ เรียกร้องสังคมยอมรับความสามารถ พร้อมเรียกร้องรัฐบังคับใช้กฎหมายห้ามตรวจเลือดในการเข้าทำงาน หลังสถานประกอบการยังอ้างระเบียบกีดกันผู้ติดเชื้อเอชไอวีเข้าทำงาน ขณะที่ตัวแทนแรงงานข้ามชาติ ร้องรัฐแก้ปัญหานายหน้าเก็บค่าดำเนินขึ้นทะเบียน  
 
น.ส.ดาวเรือง ชานก กลุ่มสหภาพแรงงานอ้อมน้อยอ้อมใหญ่ กล่าวในการเสวนา "งานที่มีคุณค่า-วาระประเทศไทย (Decent Work - Thailand Agenda)" ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในโอกาสวัน Decent Work หรือวันงานที่มีคุณค่าสากล ซึ่งตรงกันวันที่ 7 ต.ค.ของทุกปี ในหัวข้อการมีโอกาสและรายได้ว่า ในส่วนของกลุ่มตัดเย็บเสื้อผ้าปัจจุบันยังมีรายได้น้อย โดยได้เพียงเท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำหรือมากกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้แรงงานกลุ่มนี้ต้องทำงานล่วงเวลา (โอที) มากขึ้นให้เพียงพอกับรายจ่าย ทำให้ขาดโอกาสในการศึกษาหาความรู้ หรือศึกษาเรื่องสิทธิแรงงาน จึงขอให้รัฐบาลจัดทำโครงสร้างค่าจ้าง โดยให้แรงงานใหม่ได้รายได้เท่ากับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ส่วนแรงงานที่มีประสบการณ์จัดทำโครงสร้างให้สูงเพื่อแก้ปัญหาเรื่องรายได้
 
ด้านนายอองโจ รองประธานเครือข่ายสิทธิแรงงานข้ามชาติ กล่าวถึง การได้รับความยอมรับว่า ในส่วนของแรงงานข้ามชาติปัจจุบันยังไม่ได้รับความคุ้มครองเท่าที่ควร แม้จะมีกฎหมายที่ส่งเสริมความเท่าเทียมกันระหว่างแรงงานไทยกับแรงงานข้ามชาติ โดยเห็นว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จัดระเบียบแรงงานต่างด้าวเป็นเรื่องที่ดี แต่อยากให้รัฐบาลทั้งไทยและเมียนมาร์ดูแลแรงงานข้ามชาติให้มากกว่านี้ รวมถึงแก้ปัญหาเรื่องนายหน้าที่เก็บค่าการลงทะเบียนเป็นแรงงานถูกกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาแรงงานข้ามชาติต้องการตั้งสหภาพเพื่อเรียกร้องสิทธิแต่ยังติดเรื่องกฎหมาย บางครั้งจึงไม่สามารถเรียกร้องได้เมื่อถูกละเมิดสิทธิ
 
ขณะที่นายวณิช พิพัฒน์จักราภรณ์ แรงงานนอกระบบ กล่าวถึง ความเท่าเทียมทางเพศในส่วนของกลุ่มหลากหลายทางเพศว่า ปัจจุบันสังคมยังไม่ให้การยอมรับบุคคลกลุ่มนี้ โดยเฉพาะที่อยู่เป็นแรงในระบบ ที่มักจะได้ได้รับความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ หรือ มักให้ไปอยู่ในแผนกที่ไม่ตรงความสามารถ  โดยเฉพาะกลุ่มหลากหลายทางเพศที่เป็นชายที่ต้องแสดงออกถึงความสามารถมากกว่ากลุ่มหลากหลายทางเพศที่เป็นหญิง ทำให้แรงงานกลุ่มนี้ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความสามารถต้องออกไปทำงานนอกระบบ จึงอยากให้สังคมยอมรับคนกลุ่มนี้ ขณะเดียวกันอยากเรียกร้องให้บังคับใช้กฎหมายเรื่องการห้ามตรวจเลือดในการเข้าทำงานอย่างจริงจัง เพราะปัจจุบันแม้จะมีกฎหมายแต่สถานประกอบการยังใช้ข้อบังคับของสถานประกอบการในการตรวจเลือดทำให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีไม่สามารถเข้าทำงานได้
 
(สำนักข่าวไทย, 7-10-2557)
 
แจงสำนักงบฯ อนุมัติเงินตกเบิกพนักงานมหา'ลัยเก่า
 
(6 ต.ค.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (เลขาธิการ กกอ.) กล่าวชี้แจงกรณีพนักงานเก่าที่ทำงานอยู่ในสถาบันอุมศึกษาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 หลายแห่งกำลังประสบปัญหายังไม่ได้รับเงินเดือนตกเบิกจากรัฐบาล อีกทั้งก่อนหน้านั้นรัฐบาลที่ผ่านมาได้ปรับเงินเดือนให้แก่พนักงานสถาบันอุดมศึกษาที่เข้าทำงานใหม่หลังวันที่ 1 มกราคม 2555 ไปแล้ว ว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณได้อนุมัติงบฯให้แก่พนักงานสถาบันอุดมศึกษาทั่วประเทศที่เข้าทำงานใหม่หลังวันที่ 1 มกราคม 2555 แล้ว และอยู่ระหว่างเบิกจ่าย ซึ่งเงินที่จัดสรรให้นั้นเป็นเงินเดือนตกเบิก 9 เดือน โดยสำนักงบฯได้ตกลงกับสถาบันอุดมศึกษาไปแล้วว่าสำนักงบฯจะจ่ายให้ครึ่งหนึ่งของเงินเดือน 9 เดือน คือ 4.5 เดือน และให้สถาบันอุดมศึกษาใช้เงินรายได้จ่ายสมทบ 4.5 เดือน ทั้งนี้ คาดว่าเร็วๆนี้พนักงานสถาบันอุดมศึกษาจะได้รับเงินเดือนตกเบิกแน่นอน สำหรับเงินเดือนตกเบิกปี 2556 ของพนักงานสถาบันอุดมศึกษาที่เข้าทำงานหลังวันที่ 1มกราคม 2555 นั้น สำนักงบฯกำลังดำเนินการอยู่ และจะจัดสรรให้ทั้งหมด 12 เดือน ส่วนปี2557 ได้จัดสรรไปให้แล้ว 
       
ด้าน ผศ.นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวว่า ขณะนี้ มศว กำลังดูความชัดเจนของสำนักงบฯว่าจะจัดสรรเงินเดือนตกเบิกให้แก่พนักงานที่เข้าทำงานก่อนวันที่ 1 มกราคม 2555 จำนวนเท่าไหร่ เพื่อที่ มศว จะจัดสรรเพิ่มเติมเพื่อให้พนักงานของ มศว ได้เงินตกเบิกครบ 21 เดือน
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 6-10-2557)
 
จี้ กกจ.ยุติปัญหาพาสปอร์ตแรงงานแนวชายแดนในเดือนนี้
 
(7 ต.ค.) ที่กระทรวงแรงงานนายนคร ศิลปอาชา ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวภายหลังสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตากและผู้ประกอบการ เข้าพบว่า เพื่อหารือปัญหาการขึ้นทะเบียนแรงงานเพื่อนบ้าน 3 สัญชาติ ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะที่ อ.แม่สอด เพราะประสบปัญหาการพาแรงงานไปขึ้นทะเบียนจนได้รับใบอนุญาตทำงาน แต่แรงงานหนีเข้าไปทำงานในจังหวัดอื่นๆ ส่งผลให้มีปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และเสียค่าใช้จ่ายโดยที่ไม่มีแรงงานทำงาน โดยสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก ได้เสนอให้กระทรวงแรงงานเร่งบังคับใช้ มาตรา 14 ตาม พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2551 เพื่อแก้ปัญหา เนื่องจากตามมาตราดังกล่าว จะกำหนดพื้นที่การทำงาน และกิจการที่อนุญาต ซึ่งจะทำให้การขึ้นทะเบียนมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ประกอบการในจังหวัดตาก ยังแจ้งว่า ไม่พร้อมที่จะนำแรงงานไปขึ้นทะเบียนที่ส่วนกลาง เพราะเสียค่าใช้จ่ายเยอะ และเกรงแรงงานจะหลบหนี
       
ปลัดกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังหารือเรื่องหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ซึ่งยังคงเป็นปัญหาที่ทำให้การบังคับใช้มาตรา 14 ล่าช้า เนื่องจากแรงงานส่วนใหญ่มีเพียงบอร์เดอร์พาส แต่ไทยไม่สามารถให้ใช้แทนพาสปอร์ตในการเข้ามาทำงาน ช่วงระยะสั้นได้ จึงได้สั่งการณ์ให้ กกจ. ไปหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ ภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2557 แต่หากไม่สามารถหาข้อยุติได้ จะเสนอเรื่องนี้ให้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อชี้ขาด 
 
(ASTV ผู้จัดการออนไลน์, 7-10-2557)
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net