หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีพอใจที่บริหารราชการแผ่นดินเรียบร้อย แต่จะปรับแก้เป็นเชิงรุกไม่ใช่แก้ปลายเหตุ และจะปรับรายได้ประเทศ ให้กลายเป็นประเทศรายได้ปานกลาง ด้าน "พล.อ.ประวิตร" วอนจัดงานศพ "พ.อ.อภิวันท์" ทำได้ แต่ถ้าทำกิจกรรมการเมือง-กระทบปรองดองก็ไม่ควรทำ

8 ต.ค. 2557 - เว็บไซต์ทำเนียบรัฐบาล รายงานว่า ที่บริเวณทางเชื่อมตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการประเมินผลงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีความพึงพอใจ และต้องเร่งแก้ไขด่วนว่า เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย ไม่มีปัญหาเรื่องการบริหาร ทำได้ตามปกติ แต่ทั้งหมดจะต้องมีการปรับแก้ให้เป็นเชิงรุก ไม่ใช่เชิงแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หรือใช้เงินจำนวนมากแก้ไขปัญหา ต้องทำทั้ง 2 อย่างคู่กัน คือการลดความเดือดร้อนโดยทันที เช่น ดูแลผู้มีรายได้น้อย โดยเฉพาะชาวนา ขณะเดียวกันได้สร้างความเข้มแข็งในกระบวนการผลิต ลดต้นทุนการผลิต รวมถึงการจัดโซนนิ่ง ซึ่งคณะทำงานได้ทำมาตลอดตลอดระยะเวลา 3 -4 เดือนที่ผ่านมา รวมไปถึงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน รถไฟ รถไฟฟ้าเมื่อตัดสินใจอย่างไร ก็จะมีการประกาศให้ทราบ ว่าจะทำอะไร ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการ ตามที่ได้มอบเป็นนโยบายตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาบริหารประเทศว่า สิ่งที่เป็นปัญหาของประเทศไทยมีอะไรบ้าง จะต้องปรับรายได้ประเทศจากรายได้น้อยไปสู่ปานกลาง วันนี้ประเทศไทยช้ากว่าประเทศในโลกมาก ประเทศรอบบ้านของเราเร็วขึ้นภายในไม่กี่ปี วันนี้เพิ่งเริ่มต้น จะต้องทำให้เป็นประเทศที่มีรายได้น้อยไปสู่ประเทศที่มีรายได้ปานกลาง

“ถือเป็นความท้าทายของรัฐบาลที่จะแก้ปัญหาลดความเหลื่อมล้ำ ด้วยการสร้างอาชีพและรายได้ ให้ความเป็นธรรม ไม่มีทุริตผิดกฎหมายหรือคอรัปชั่น ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเท่ากันหมด ถ้าอย่างนั้นไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย ถ้าให้ทุกคนมีรายได้เท่ากันหมด มันก็ต้องเป็นของรัฐหมด วันนี้เป็นประชาธิปไตยทุนมากทำมาก ทุนน้อยทำน้อย ใครไม่มีทุนก็ต้องเข้าหาแหล่งทุน เราต้องไปดูตรงนั้นเป็นวิธีการปฏิบัติลดความเหลื่อมล้ำ ไม่ใช่เอาเงินมาแจกให้เท่ากันทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ใครเดือดร้อนก็ต้องดูแล แต่เป็นระยะสั้นแค่ปีเดียว เช่น แค่เฉพาะนาปีตอนนี้เลิกพูดดีกว่า คำว่าประชานิยม ถ้าไม่เสียก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเสียหายก็ไม่ดี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกปรับฐานะประเทศไทยเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูง มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2554 แล้ว โดยมีรายได้ประชาชาติต่อหัวที่ 4,210 เหรียญสหรัฐ ต่อปี ขณะที่เกณฑ์การเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับสูงคือเป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ย 3,976 – 12,275 เหรียญสหรัฐต่อปี

ส่วน สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย รายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ในเรื่องของความมั่นคงยังต้องแก้ไขในทุกมิติ และต้องดำเนินการทุกด้าน โดยขอให้ทุกฝ่ายไม่ดำเนินการสิ่งใดที่จะส่งผลต่อความมั่นคง ส่วนการนำร่างของ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร มาบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทย ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าอาจมีกลุ่มคนบางกลุ่มใช้เป็นโอกาสในการรวมตัว เพื่อทำกิจกรรมทางการเมืองนั้น พล.อ. กล่าวว่า ในเรื่องประกอบพิธีต้องให้เกียรติแก่ผู้เสียชีวิตด้วย และไม่เคยกีดกั้นการจัดพิธีดังกล่าว ส่วนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มีความคิดจะจัดกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งจะทำให้เกิดความวุ่นวาย และกระทบกับความปรองดองก็ไม่ควรทำ และหากพบจะต้องดำเนินการตามกฏหมาย

ส่วนกระแสข่าวว่ามีผู้ที่ต้องการจะปลุกระดมให้กลุ่มคนเสื้อแดงรวมตัวกัน และออกมาแสดงพลังต่อต้านรัฐบาล นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้น แต่ขอให้ทุกกลุ่มอย่าดำเนินการอะไรเกินขอบเขตของกฏหมาย ส่วนตัวพร้อมพูดคุยกับผู้ที่ไม่เห็นด้วย