'ประยุทธ์' แนะออกแบบ รธน. ใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยที่เหมาะกับคนไทย

รายการคืนความสุขให้คนในชาติ พล.อ.ประยุทธ์ ขอบคุณและให้กำลังใจสภาปฏิรูปแห่งชาติ ชี้การปฏิรูปประเทศในห้วงเวลานี้เป็นเรื่องยาก พร้อมแนะว่ารัฐธรรมนูญใหม่ควรออกแบบให้เป็นประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับคนไทย 
 
 
31 ต.ค. 2557 ในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ระบุไว้ตอนหนึ่งว่ารัฐบาลได้เดินหน้ามาตรการเพิ่มรายได้ช่วยเหลือชาวนาไปแล้วกว่า 67,700 ราย จำนวนเงินกว่า 837 ล้านบาท ส่วนมาตรการจัดระเบียบสังคมที่ดำเนินการมาตั้งแต่ช่วง คสช.นั้น ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อเนื่อง ขณะที่ปัญหาที่ดินทำกิน รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติขึ้นมาแก้ปัญหาในด้านการเมือง นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้ขอบคุณและให้กำลังใจสภาปฏิรูปแห่งชาติ ชี้การปฏิรูปประเทศในห้วงเวลานี้เป็นเรื่องยาก พร้อมแนะว่ารัฐธรรมนูญใหม่ควรออกแบบให้เป็นประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับคนไทย
 
โดยรายละเอียดทั้งหมดของรายการมีดังต่อไปนี้
 
พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “คืนความสุขให้คนในชาติ” ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2557 เวลา 20.15 น.
 
สวัสดีพ่อแม่พี่น้องชาวไทยที่รักทุกท่าน
 
พบกันเช่นเคยนะครับ ทุก ๆ คืนวันศุกร์ สำหรับในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและรัฐบาลได้มีโอกาสเตรียมงานสำคัญที่เป็นความสุขของปวงชนชาวไทยทุกคน เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 87 พรรษา ที่จะมาบรรจบครบรอบในวันที่ 5 ธันวาคม 2557 ที่จะถึงนี้ ได้มีการประชุมร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระองค์ท่านอย่างสมพระเกียรติ ผมขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยทุกท่าน ร่วมกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ “รักพ่อ” ทุกหนแห่งที่ทางราชการจัดขึ้น ทั่วทั้งประเทศ สำหรับในกรุงเทพมหานครจะจัดงานเฉลิมฉลอง ณ บริเวณท้องสนามหลวงและถนนราชดำเนินกลาง ในวันที่ 30 พฤศจิกายน – 6 ธันวาคม 2557 ซึ่งจะมีการจัดแสดงกิจกรรมมากมาย หลายรูปแบบ ทั้งการเผยแพร่พระราชกรณียกิจ พระอัจฉริยภาพ พระเกียรติคุณ และโครงการตามพระราชดำริ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และกิจกรรมวัฒนธรรมท้องถิ่น การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของดี 77 จังหวัด
 
การแสดงออกถึงความจงรักภักดีนั้น เราสามารถทำความดีในรูปแบบต่าง ๆ ผมขอชื่นชม คุณสอิ้ง หาญประโคน อายุ 63 ปี ชาวจังหวัดแพร่ ที่ได้ดำเนินกิจกรรมวิ่งและเดินเท้า เพื่อถวายความจงรักภักดีแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และถวายพระพร ขอให้ทรงหายจากพระอาการพระประชวร โดยเริ่มเดินจากบ้านเกิดในจังหวัดแพร่ ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2557 และมาถึงโรงพยาบาลศิริราช เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2557 รวมระยะทางกว่า 500 กิโลเมตร ใช้เวลา 11 วัน
 
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ผมได้โอกาสพบกับผู้อำนวยการใหญ่โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) และรองเลขาธิการสหประชาชาติ ซึ่งท่านได้กล่าวชื่นชมการดำเนินการ และบทบาทที่สำคัญของไทยในการแก้ปัญหาโรคเอดส์อย่างยั่งยืน และได้ยกย่องว่าประเทศไทยเป็นตัวอย่างที่ดีของภูมิภาค และของโลกที่ได้ดำเนินการในด้านนี้อย่างจริงจังและสร้างสรรค์ ซึ่งประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคควรเรียนรู้จากไทย จากสถิติที่ผ่านมาเราสามารถลดการติดเชื้อ HIV จากมารดาสู่ทารกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทางโครงการเชื่อว่าไทยนั้นจะสามารถยุติการติดเชื้อรายใหม่ได้ภายในปี พ.ศ. 2563 นี่เป็นข้อมูลที่ควรภาคภูมิใจและน่ายินดี ผมก็อยากแสดงความขอบคุณต่อทุกองค์กร และบุคลากรที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ที่นอกจากจะช่วยดูแลรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังคงมีส่วนในการพัฒนาสังคมและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยให้กับชาวต่างชาติอีกด้วย
 
โอกาสเดียวกันนี้ ผมได้ชี้แจงถึงความมุ่งมั่นของไทย ในการแก้ไขปัญหาโรคเอดส์ ที่เน้นการเข้าถึงการรักษา การเข้าถึงยาโดยไม่คำนึงถึงระดับเม็ดเลือดขาว การเปิดพื้นที่ 19 จังหวัด เพื่อให้มีการใช้เข็มที่สะอาด การเร่งพัฒนาระบบประกันสุขภาพให้แรงงานข้ามชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยง การดำเนินโครงการ เพื่อลดการติดเชื้อของผู้ใช้ยาเสพติด และการจัดสรรงบประมาณในการจัดการกับปัญหาโรคเอดส์ อย่างไรก็ดีผมได้แจ้งไปแล้วว่าเรายังคงต้องการการสนับสนุนของกองทุนโลกเพื่อต่อสู้กับโรคติดต่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอดส์ วัณโรค หรือโรคมาลาเรียต่อไป และที่สำคัญ ผมได้ชี้แจงความพร้อมของไทยที่จะเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ทักษะ ความรู้ และประสบการณ์ในการลดอัตราการติดเชื้อ HIV กับประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของภูมิภาคในการจัดการกับโรคดังกล่าวอีกด้วย อีกโรคหนึ่งคือโลกอีโบล่า เราก็ต้องให้ความร่วมมือและสร้างความรู้ให้กับประชาชนทั่วไปด้วย ต้องช่วยกันระมัดระวัง
 
การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนเร่งด่วนที่สำคัญในห้วงที่ผ่านมา
 
ความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกร ก่อนหน้าที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้ามานั้น ในภาคการเกษตรหลาย ๆ ภาค ค่อนข้างมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องชาวนาที่ไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ ทั้งข้าวและยาง จากปัญหาผลผลิตที่มีจำนวนมาก และประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา ต่างก็อยู่ในช่วงเศรษฐกิจซบเซา มีการชะลอตัว ทำให้มีการนำเข้าสินค้าผลผลิตทางการเกษตรลดลง
 
หลังจากที่ คสช. และรัฐบาลในปัจจุบันได้เข้ามาก็มีความพยายามที่จะช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง6การช่วยเหลือพี่น้องชาวนา เริ่มตั้งแต่การอนุมัติให้เงินแก่ชาวนาที่ไม่ได้รับเงินจากโครงการจำนำข้าว ปีการผลิต 2556/57 ซึ่งได้ดำเนินการจ่ายเงินให้แก่พี่น้องชาวนาเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เป็นจำนวนประมาณ 8 แสนราย คิดเป็นเงินกว่า 86,000 ล้านบาท
 
ในเรื่องของการอนุมัติโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 2557 ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องชาวนาได้รับเงินคุ้มครองถึง 1,111 บาทต่อไร่ หากเกิดภัยพิบัติ โดยพี่น้องชาวนาจ่ายค่าเบี้ยประกันเพียง 60 - 100 บาทต่อไร่ ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการจากทุกภาคทั่วประเทศกว่า 55,000 ราย คิดเป็นเนื้อที่กว่า 8 แสนไร่ มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวนาผู้มีรายได้น้อย ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครอบครัวละ 15 ไร่ ซึ่งเริ่มดำเนินการในวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ชาวนาได้รับการช่วยเหลือไปแล้วกว่า 67,700 ราย คิดเป็นจำนวนเงินกว่า 837 ล้านบาท มาตรการ การช่วยเหลือเกษตรกรในเรื่องแหล่งเงินทุนต่าง ๆ เช่น โครงการลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปี โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี โครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร มาตรการลดค่าปัจจัยการผลิตและค่าบริการต่าง ๆ ทั้งปุ๋ยเคมี ยากำจัดศัตรูพืช เมล็ดพันธุ์ข้าว ค่าบริการเกี่ยวนวดข้าว ค่าเช่าที่นา และได้มีการออกตรวจสอบร้านค้า เพื่อควบคุมคุณภาพ
 
อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ เป็นเพียงการช่วยเหลือระยะสั้นเท่านั้น ผมได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เตรียมดำเนินมาตรการในระยะยาวที่จะช่วยให้การปลูกข้าวเป็นไปอย่างยั่งยืน เช่น การจัดตั้งธนาคารเมล็ดพันธุ์ข้าว ธนาคารปุ๋ย การให้ความรู้ในการลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มผลผลิตข้าว การทำเกษตรผสมผสาน การปลูกข้าวออแกนิค การจัดสรรแหล่งน้ำ และการจัดทำโซนนิ่ง ซึ่งหลาย ๆ เรื่องเป็นการวางรากฐานระยะยาวและต้องใช้เวลา ก็ขอให้พี่น้องเกษตรกรเข้าใจด้วย เราจะใช้การทำด้วยความสมัครใจ
 
ยางพาราก็เช่นเดียวกัน รัฐบาล และ คสช. พยายามที่จะพัฒนายางพาราทั้งระบบ ในหลาย ๆ เรื่องได้มีการประชุมและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ได้เห็นชอบไปแล้ว เช่น การช่วยเหลือสนับสนุนค่าปัจจัยการผลิตเกษตรกรชาวสวนยางรายละ 1,000 บาท ไม่เกินครอบครัวละ 15 ไร่ คาดว่าจะช่วยเกษตรกรชาวสวนยางได้ถึง 850,000 ครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่ 8.2 ล้านไร่ โครงการสร้างมูลภัณฑ์กันชนรักษาเสถียรภาพราคายาง 6,000 ล้านบาท โครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเกษตรกรรายย่อยประกอบอาชีพเสริม รายละไม่เกิน 1 แสนบาท สินเชื่อเพื่อเป็นทุนหมุนเวียนในการรวบรวมสต๊อกยาง สินเชื่อเพื่อแปรรูปยางพารา
 
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาจะต้องเป็นไปทั้งระบบและยั่งยืน นอกจากนั้นเราจะช่วยเรื่องแหล่งเงินทุนต่าง ๆ และการบริหารจัดการเพิ่มรายได้เบื้องต้น ในการจัดหาตลาดใหม่ ปรับเปลี่ยนการปลูกยางให้เหมาะสมกับพื้นที่ ลดพื้นที่ปลูกยางต้นเก่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำควบคู่กันไปด้วย พร้อมกันกับการส่งเสริมการลงทุนในเรื่องของการใช้ผลิตภัณฑ์ยางในประเทศ และการพัฒนานวัตกรรมจากวัตถุดิบยางในบ้านเราเอง ขณะนี้ได้มีการพิจารณาจัดตั้งสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมยาง และเพิ่มความร่วมมือกับประเทศผลิตยางในอาเซียนด้วยกัน ขอความร่วมมือจากบริษัทต่าง ๆ ในประเทศนี้ด้วย การดำเนินการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรนี้ ผมได้กำชับให้ดูแลให้รวดเร็ว ทั่วถึง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการตรวจสอบการดำเนินการให้เป็นไปอย่างโปร่งใส อย่าให้เดือดร้อนถึงพี่น้องเกษตรกร อย่าทุจริต เอาเปรียบผู้มีรายได้น้อยอีกเลยครับ
 
สำหรับเรื่องการจัดระเบียบสังคม นั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรถตู้ วินมอเตอร์ไซด์ ทางเท้าและที่สาธารณะอื่น ๆ รวมทั้งการเร่งจัดการขยะมูลฝอยสะสมและของเสียอันตราย ผมอยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ดำเนินการจัดระเบียบที่ผ่านก็ดำเนินการไปในระยะแรกแล้ว ได้ช่วยกันกำกับดูแล ติดตามผลงานที่ได้ทำไว้อย่างต่อเนื่อง อย่าให้เสียของเสียเวลา ทุกอย่างที่เราได้ทำมานั้น เป็นประโยชน์กับส่วนรวมทั้งสิ้น สังคมและประชาชนมีความคาดหวัง ขอให้ทุกคนได้พยายามทำต่อไปเรื่องนี้ผมต้องขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายทุกคน การที่เราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้นั้น ผมเชื่อว่าเราต้องเคารพในหลักกฎหมายกฎระเบียบต่าง ๆ ที่มีอยู่เราต้องสร้างวินัยของคนในชาติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่น การรักษาความสะอาด การทิ้งขยะให้ถูกที่ การคัดแยกขยะ ผมอยากให้ช่วยกันมองว่าเป็นหน้าที่ของประชาชนคนไทยทุกคน ต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ จนหรือรวย มีอาชีพอะไรก็ตาม ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศ พัฒนาสังคม และพัฒนาชุมชนของเรา ใครเห็นอะไรที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม หรือมีข้อเสนอแนะรัฐบาลก็ขอให้แจ้งข้อมูลกับศูนย์ดำรงธรรมได้เลย วันนี้รัฐบาลก็ให้มีการผ่อนผัน ผ่อนคลายอยู่บ้าง แต่จะให้ทำเป็นอิสระเหมือนเดิมเป็นการถาวรคงเป็นไปไม่ได้
 
“ศูนย์ดำรงธรรม” และการรักษาความสงบเรียบร้อยปลอดภัย เราได้ติดตาม รับทราบ ความลำบาก ความยากจน การถูกเอารัดเอาเปรียบ ความเหลื่อมล้ำต่าง ๆ ของประชาชนในทุก ๆ ด้าน ปัญหาเชิงโครงสร้างเหล่านั้นสะสมมาเป็นเวลานาน ต้องใช้กลไกการแก้ปัญหาที่ต้องบูรณาการหลายหน่วยงาน แต่ที่ผ่านมานั้นยังไม่มีประสิทธิภาพเนื่องจากรัฐบาลก็ยังไม่สามารถจะดำเนินการได้ในช่วงไร้เสถียรภาพด้านการเมือง ปัจจุบันนับเป็นโอกาสที่พี่น้องประชาชนจะได้เข้าถึงระบบการบริหารงานของรัฐ ที่สะดวกและกระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะ “ศูนย์ดำรงธรรม” ซึ่งทาง คสช. ก็พร้อมที่จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องได้อย่างเบ็ดเสร็จ และตรงไปตรงมา เนื่องจากเอาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง
 
ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา นั้น สถิติการดำเนินการแก้ปัญหาให้กับพี่น้อง จนเป็นที่น่าพอใจ ได้รับเรื่องราวร้องเรียนในรูปแบบต่าง ๆ จำนวน 211,797 รายการ และสามารถให้บริการแก้ปัญหาแล้วเสร็จ 191,797 ราย คิดเป็น 90.56% ส่วนใหญ่ก็เป็นรายการที่สามารถดำเนินการได้เลย เช่น การให้คำปรึกษา การบริการข้อมูล การบริการส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และ การบริการแบบ One Stop Service แต่ก็มีส่วนน้อยที่เป็นรายการที่ต้องใช้ระยะเวลา ใช้งบประมาณ ในการสอบสวนหาข้อเท็จจริง จะต้องมีการประสานงานหลายหน่วยงาน กลไกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ก็คือ การจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วของพลเรือน ตำรวจ ทหาร เข้าไปแก้ปัญหาในเชิงรุก ปฏิบัติทันทีที่ได้รับการแจ้งเบาะแสและการขอความช่วยเหลือจากประชาชน ผมขอรับรองว่าทุกเสียงแห่งความเดือดร้อนของพี่น้องจะต้องได้รับการเอาใจใส่ เรื่องร้องเรียนต้องไม่เงียบหาย หรือเพิกเฉย ปัจจุบันเราก็ได้เพิ่มเติมเจ้าหน้าที่จากทุกกระทรวงมาประจำ ณ ศูนย์ดำรงธรรมของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วขึ้น ทั้งจากบนลงล่าง หรือจากล่างขึ้นบนตามที่เรียนมาให้ทราบแล้ว
 
เรื่องของการบริหารจัดการที่ดินทำกิน นั้น ผู้ไม่มีที่ดินทำกินและผู้มีรายได้น้อย จะประสบปัญหาจากการเข้าไปบุกรุกเขตอุทยาน ป่าสงวน บางกรณีก็เป็นข้อพิพาทว่ารัฐไปประกาศเขตป่า เขตอุทยาน ทับที่ดินทำกินชาวบ้าน หรือการจัดสรรที่ดินสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ที่ไม่เป็นธรรมบ้าง ซึ่งก็ต้องมีกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์เป็นกรณี ๆ ไป แต่เมื่อ คสช. เข้ามาบริหารประเทศนั้นก็เร่งดำเนินการเป็นวาระแห่งชาติ ขณะนี้ได้ตั้งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มี 6 กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เข้ามาร่วมพิจารณาดำเนินการ คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการ โดยจะเน้นการบริหารจัดการแบบบูรณาการ จะไปดูรูปแบบการจัดสรรที่ดินที่แต่ละหน่วยงานรับผิดชอบอยู่แล้วไม่เกิดประโยชน์ จะจัดสรรให้แก่เกษตรกรที่ไม่มีที่ทำกินได้อย่างไรโดยไม่ผิดกฎหมาย
 
การให้สิทธิ์ในการทำกินตรงนี้ อาจจะให้ในลักษณะสิทธิทำกินชุมชน จะไม่ให้เป็นรายบุคคลหรือให้กรรมสิทธิ์ซื้อขาย ซึ่งจะต้องมีการจัดแยกกลุ่มราษฎรที่ทำกินว่ากลุ่มใดสามารถอยู่ทำกินได้ กลุ่มใดไม่สามารถอยู่ได้ ที่สำคัญก็คือการหาพื้นที่รองรับราษฎรที่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่ทำมาหากิน ในส่วนที่ผิดกฎหมายอยู่ ในส่วนของประชาชนเอง ก็จะต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้องไม่บิดเบือนอย่าไปเชื่อในคำอ้าง คำกล่าวว่าจะช่วยเหลือท่านได้ ท่านต้องมาร่วมมือกับรัฐช่วยกัน ผมรู้ว่าพี่น้องเดือดร้อน แต่เราต้องการความร่วมมืออย่างจริงใจ และโปร่งใสของทุกฝ่าย ถึงจะทำให้การแก้ไขปัญหานั้นได้เป็นไปอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ทั้งนี้ ได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรฯ ทำการขึ้นทะเบียนผู้ที่ไม่มีที่ทำกินให้ทันสมัย รวมทั้งผู้ที่บุกรุกเข้าไป คสช. ได้ให้เคลื่อนย้ายออกมาจากพื้นที่บุกรุกป่าว่าได้อย่างไรกับคนทั้งสองประเภทเหล่านี้
 
เรื่องของกฎหมาย ได้มีการให้รวบรวมจัดระเบียบกฎหมายที่ล้าสมัย ปรับปรุงร่างกฎหมายใหม่ ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับหลักสากล ได้รวบรวมตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมของ คสช. และได้ส่งมอบข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ ให้กับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ดำเนินการเร่งปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ที่คงค้างอยู่เป็นจำนวนมาก และรัฐบาลจะเร่งดำเนินการเสนอร่างกฎหมายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ รวมทั้งจะเปิดช่องทางให้ภาคประชาชน ธุรกิจ และเอกชน ได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการทำธุรกิจการค้าต่าง ๆ ขณะนี้ได้เสนอร่างกฎหมายหลายประเภทด้วยกัน ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนการเสนอร่าง 37 เรื่อง ขั้นตอนการพิจารณาร่างกฎหมาย 49 เรื่อง ขั้นตอนการพิจารณาของ สนช. 61 เรื่อง และการประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว 4 เรื่อง สำหรับกฎหมายเมื่อมีผลบังคับใช้แล้ว ไม่ใช่ว่าประกาศแล้วจะใช้เลยทำให้ประชาชนเดือดร้อนก็จะต้องมีระยะเวลากำหนดให้เพียงพอในการทำความเข้าใจทั้งกับประชาชนและเจ้าหน้าที่ด้วย เช่น อาจจะ 60 วัน 90 วัน 120 วัน 180 วัน
 
สำหรับผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ ผู้บัญชาการทหารบก และรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมจุดตรวจชลประทาน อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เพื่อติดตามความคืบหน้าในการดำเนินการทุ่งยางแดงโมเดล และให้ประเมินผลภายใน 3 เดือน หากได้ผลเป็นที่พอใจให้ขยายผลไปสู่อำเภออื่น ๆ ก็เป็นเรื่องของการบูรณาการประสานงานกันให้ใกล้ชิดและมีความรับผิดชอบที่ชัดเจน
 
กระทรวงศึกษา โดย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดสรรงบประมาณจำนวนกว่า 4 ล้านบาท เพื่อจัดสร้างอาคารเรียนชั่วคราวรวม 9 หลัง ให้กับโรงเรียนบ้านน้ำดำ โรงเรียนบ้านมะนังยง และโรงเรียนบ้านเขาดิน อำเภอทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานี ในส่วนสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา ได้จัดโครงการ “เตรียมความพร้อมอาชีวศึกษา” นำร่องในสถานศึกษาอาชีวศึกษา จังหวัดสมุทรปราการ 3 สถาบัน และ จังหวัดปทุมธานีหรือ จังหวัดนนทบุรี 1 สถาบัน โดยคาดว่าจะมีนักศึกษาเข้าร่วมกว่า 300 คน เพื่อแก้ปัญหาพฤติกรรมนักศึกษา นักเรียนก่อเหตุทะเลาะวิวาทใช้ความรุนแรง
 
ในส่วนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาโครงการลงทุนจำนวน 115 โครงการ รวมมูลค่าเงินลงทุนกว่า 102,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่เป็นกิจการขนาดใหญ่ จำนวน 24 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 90,000 ล้านบาท เช่น การผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรืออีโคคาร์ระยะที่ 2 และโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ เป็นต้น ในการพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในกิจการขนาดเล็ก และขนาดกลาง มีจำนวนทั้งสิ้น 91 โครงการ เงินลงทุนรวม 12,425 ล้านบาท
 
เรื่องขอความร่วมมือจากเราเพื่อจะสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน ในเรื่องของการปฏิรูปทั้ง 11 ด้าน ขอขอบคุณท่านประธานสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ สมาชิก สปช. ทุกท่าน ได้เห็นความตั้งใจในการทำงาน เพื่อประเทศไทย คนไทย คสช. และรัฐบาลขอให้กำลังใจ และก็นำเรื่องที่ติชมนั้น มาเป็นแรงใจในการทำงานต้องอดทนเสียสละ ผมรู้ว่าเป็นเรื่องที่ยากในการที่จะปฏิรูปประเทศในท่ามกลางความขัดแย้ง ยังคงมีบางคน บางพวก ยังมุ่งแต่จะรักษาผลประโยชน์ตนเอง ทั้งในวันนี้และในอนาคต ทุกท่านต้องช่วยกันอดทน
 
เรื่องที่ดี ๆ มีอยู่หลายอย่าง เรียนอีกครั้งว่า การทำงานของรัฐบาลขณะนี้ ก็คือการปฏิรูป อย่างหนึ่งก็คือ ในระยะสั้น เฉพาะหน้า ต้องสอดคล้องกับหลัง 1 ปีไปแล้ว และทำต่อในรัฐบาลต่อ ๆ ไป นั้นคือความต่อเนื่อง รัฐบาลทุกรัฐบาลจะต้องมียุทธศาสตร์และนโยบายของประเทศระยะยาว มิฉะนั้นก็จะเกิดการขัดแย้งกันไปมา ต้องเริ่มต้นกันใหม่มาตลอด ประกอบกับการทุจริตผิดกฎหมาย ไม่โปร่งใสทุกขั้นตอน ซึ่งเรื่องเหล่านี้เรากำลังนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
 
วันนี้ คสช. รัฐบาลจะกำหนดมาตรการอะไรลงไป มีปัญหาหมด ปัญหาซ้ำซ้อน แล้วก็เดือดร้อน ยิ่งคิดใหม่ ยิ่งทำใหม่ ก็ต้องมาระแวงการทุจริตกันอีก ก็คาดโทษเอาไว้แล้วกัน ข้าราชการดี ๆ เขาก็หวาดผวา ไม่กล้าทำอะไร กลัวจะถูกกล่าวหาว่าทุจริต ท่านต้องมั่นใจ อะไรที่ท่านคิดว่าท่านทำได้ ถูกต้องท่านทำไป เป็นไปตามนโยบาย ท่านก็ต้องทำ ไม่ต้องกลัว แต่พร้อมจะรับการตรวจสอบได้ก็แล้วกัน
 
ส่วนผู้ที่คอยทุจริตเหล่านั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมยังมีข่าวจ้องจะทำความผิดตลอดเวลา นัดกันจะเป็นกลุ่มประโยชน์แอบอ้าง คสช. อ้างรัฐบาล อ้างความใกล้ชิดคนโน้นคนนี้มาตลอด สังคมต้องช่วยกันเฝ้าระวัง ทำให้เห็นว่าการทุจริตเหล่านั้นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ ไม่อย่างนั้นรัฐบาลก็จะทำอะไรไม่ได้อีก จะเริ่มโครงการอะไรใหม่ ๆ ก็เริ่มโจมตีกันไปอีกแล้ว ทำให้การพัฒนาประเทศการขับเคลื่อนประเทศช้าไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ที่เป็นปัญหาในขณะนี้ ต้องรับฟังปัญหาทั้ง 2 ฝ่าย ผมรับฟังทั้ง 2 ฝ่าย อะไรที่ดีก็ต้องทำ อะไรที่ไม่ดียังไม่ตรงกันก็มาหาข้อมูลให้ตรงกัน แล้วจะทำอย่างไรก็หาทางออกให้ได้ ไม่อย่างนั้นเราเสียเวลาไปเรื่อย ๆ ทุกอย่างก็กลับมาที่เดิม เสียเวลาต้องทำงานหนักเป็น 2 - 3 เท่า ประชาชนก็ต้องคอยคาดหวังอีกไปเรื่อย ๆ เพราะฉะนั้นต้องช่วยกัน ช่วยกันเฝ้าระวัง ไม่ว่าจะเป็นข้อติชม ข้อเสนอแนะ หรือคนทุจริตที่ไหน อะไรอย่างไร ผมรับได้หมด
 
อีกประเด็นที่สำคัญ ก็คือ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของเรานั้นค่อนข้างมีปัญหา เราจะต้องสร้างให้คนของเราอยู่ร่วมกันให้ได้อย่างสันติ ถ้าเรามัวแต่พูดถึงว่าคำว่าสิทธิเสรีภาพหรือประชาธิปไตยจนไร้ขีดจำกัด จะรวมกันไม่ได้ คิดจะพูดอะไรก็ไม่ได้ ขัดแย้งกันทุกเรื่อง ทำอะไรไม่ได้เลย ต้องหาทางรวมพลังเหล่านี้ให้ได้ ก็ด้วยการสร้างความเข้าใจ เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเราทำไม่ได้ เราจะปฏิรูปกี่ครั้ง ตั้งสภาปฏิรูปกี่ครั้ง ก็ทำไม่ได้แก้อะไรไม่ได้ ประชาธิปไตยไทยนั้น ถ้าสอนให้คนรู้จักแต่เพียงสิทธิ เสรีภาพ ไม่คำนึงถึงหน้าที่ ไม่รู้จักผลประโยชน์แห่งชาติว่าอยู่ที่ไหน ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่ต่อไป ผมต้องการใช้คำว่าพวกเราทุกคนยก็ไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์สำหรับประเทศไทย ถ้ายังเป็นอย่างนั้นอยู่อีก
 
ระบบการสอน การเรียนรู้ การให้แนวคิด ในสังคมปัจจุบัน อยากให้ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องลองปรับเล็กน้อย อย่าสอนให้เสรีมากนัก คำว่าเสรีต้องมีขีดจำกัด อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ต้องรู้จักหน้าที่ ต้องรู้จักการให้เกียรติบุคคลอื่นบ้าง ไม่สอนให้คนไม่เคารพกฎหมาย หรือต่อให้เรามีกี่คณะ ทำงานออกมา กฎกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ ทำออกมา สปช. ออกแบบออกมาว่า จะร่างรัฐธรรมนูญกันอย่างไร ก็ไม่สำเร็จ เพราะทุกคนจะรู้สึกว่า ถูกบังคับ ไม่ยอม ก็เป็นอันตราย ประชาธิปไตยของโลกสากล เขายังต้องเคารพกฎหมาย มีกฎหมาย ข้อบังคับมากมาย เขาก็ไม่ได้ต่อต้านอะไรกันรุนแรงแบบบ้านเรา ถ้าเราจะไม่มีกฎหมาย ไม่ต้องปฏิบัติตามระเบียบอะไรเลย เพราะถือว่าเป็นเรื่องของเสรีประชาธิปไตย ผมว่าอันตราย เพราะฉะนั้นเราน่าจะออกแบบให้เป็นประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับคนไทย สอนให้มีสติ จะคิด จะเชื่อ เพราะเราอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและความมีเหตุผล อย่าให้เขาใช้ความยากจน ความเหลื่อมล้ำมาเป็นเครื่องมือในทางด้านการเมืองอีกต่อไปเลย
 
มีอีกหลายเรื่องที่รอให้รัฐบาลดำเนินการ ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ๆ มีความสำคัญต่อการปฏิรูปประเทศ ทั้งนี้ ก็เพื่อเราจะสร้างอนาคตที่ดีให้ลูกหลาน เตรียมความพร้อมให้กับประเทศ ให้กับรัฐบาลต่อไป ได้เข้ามาสานต่อ ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งที่รัฐบาลปกติที่ผ่านมานั้นทำได้ยากหรือทำไม่ได้ เพราะอาจจะเป็นเรื่องของการเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ รัฐบาลนี้จะพยายามวางรากฐานที่มั่นคงไว้ให้
 
เรื่องที่คิดและจะดำเนินการต่อไป ได้แก่ การวางยุทธศาสตร์ประเทศ ในการสร้างความสัมพันธ์ประเทศเพื่อนบ้านให้ชัดเจน สร้างความเข้มแข็งทางด้านการค้า เศรษฐกิจ ทั้งนำเข้า – ส่งออก วางยุทธศาสตร์ชาติ จัดทำงบประมาณในลักษณะการบูรณาการกลุ่มงาน จัดตั้งคณะกรรมการมากกว่า 11 คณะในขณะนี้ เพื่อปรับปรุงการทำงาน การใช้จ่ายงบประมาณ ในเรื่องของการสร้างความเข้าใจ การพัฒนาระบบราชการยังคงดำเนินการต่อไป การร่างแผนภาษี ร่างกฎหมาย การบริหารจัดการพลังงาน การบุกรุกป่า การไม่มีที่ดินทำกิน สิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำ คนรวยก็รวยมาก คนจนก็จนมาก ทำอย่างไรให้ทั้ง 2 ส่วนนี้ ไม่มีความเหลื่อมล้ำหรือมีความแตกต่างให้น้อยที่สุด ดูแลซึ่งกันและกัน เราจะได้ดำรงชีวิตได้อย่างพอเพียง ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 
ในสัปดาห์นี้ผมดีใจ และเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสเลี้ยงขอบคุณนักกีฬาไทยทุกคนที่รอมานานแล้ว เราต้องรอให้ครบทั้ง 4 คณะ ซึ่งได้นำพาความสุข ความภาคภูมิใจ ชื่อเสียงมาให้กับพี่น้องชาวไทยทุกคน ในช่วงการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ เอเชียนพาราเกมส์ ยูธเกมส์ แล้วก็ฟุตบอลหญิงที่เพิ่งจะผ่านพ้นไปนั้น นักกีฬาทุกคนได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะฟันฝ่าอุปสรรคต่าง ๆ ในการแข่งขันกีฬา เป็นธรรมดา กีฬาก็ต้องมีทั้งแพ้และชนะ แต่ที่สำคัญทุกท่านได้แสดงให้เห็นถึง Spirit ของความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เคารพกฎกติกา เป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจที่ดีให้กับเยาชนไทยอีกหลาย ๆ คน ทางรัฐบาลยินดี มีความตั้งใจที่จะสนับสนุนการพัฒนาด้านกีฬาของประเทศไทยต่อไป ก็ต้องการให้เพิ่มเติมในเรื่องของโรงเรียนกีฬาหรือส่วนที่จะนำคนที่ชอบกีฬามาเข้าเรียนในโรงเรียนของรัฐด้วย เพื่อจะพัฒนานักกีฬาต่อไปในอนาคต ไม่อย่างนั้นเราสู้เขาไม่ได้ เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา อะไรเหล่านี้ต้องใช้งบประมาณสูง
 
ส่วนความภาคภูมิใจล่าสุดของคนไทยก็คือ ผลการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียนครั้งที่ 10 ที่จัดขึ้นที่ประเทศเวียดนาม เยาวชนไทยได้รับเหรียญรางวัลถึง 6 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง และมีใบประกาศนียบัตรรับรองความสามารถอีก 12 คน ถือว่าเป็นการแสดงศักยภาพของเยาวชนไทยในระดับนานาชาติ เราควรต้องสนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง ผมขอแสดงความยินดีกับเยาวชนไทยทุกคนที่ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมแข่งขันในครั้งนี้ด้วย สำหรับแรงงาน ผมว่าคงจะต้องพัฒนาในเรื่องภาษาด้วย ทุกประเทศที่มาลงทุนประเทศไทยชื่นชมแรงงานของไทยว่าเข้มแข็ง มีฝีมือ แต่มีอย่างเดียวที่เขาต้องการให้แก้ไขมากที่สุดคือเรื่องภาษา เพราะว่าพูดภาษากันไม่รู้เรื่อง ภาษาอังกฤษสำคัญ แล้วก็จะได้พัฒนาตัวเองไปสู่ในระดับบริหารได้ด้วย ขอให้เร่งพัฒนา เพื่อรองรับ AEC ในปีหน้านี้ด้วย
 
อีกไม่กี่วันนี้ก็จะเข้าสู่เทศกาล “ลอยกระทง” ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2557 ผมก็ได้กำชับล่วงหน้าไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ช่วยกันออกตรวจตรา เตรียมการ ดูแลความปลอดภัยล่วงหน้า ในสถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทงหรือจัดกิจกรรมรื่นเริงที่มีคนจำนวนมาก ความมั่นคงแข็งแรง ท่าเทียบเรือ การสัญจรทางน้ำ อุปกรณ์กู้ชีพ รวมทั้งตรวจตราร้านผลิต ร้านจำหน่ายดอกไม้เพลิง พลุ ประทัด ว่าได้รับอนุญาตปฏิบัติตามเงื่อนไขในใบอนุญาตหรือไม่ รวมทั้งการขนย้ายด้วย หากพบว่าไม่ได้ปฏิบัติตามให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมทั้งตรวจตราสถานบริการ สถานบันเทิง สวนสาธารณะ โรงแรม หอพัก ไม่ให้เป็นแหล่งมั่วสุมของเยาวชน หากพบว่าเจ้าของสถานประกอบการหรือผู้จัดงานปล่อยปละละเลยให้มีเด็กเข้ามาใช้บริการ แล้วเกิดอันตราย หรือเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง อะไรก็แล้วแต่ ถือว่าต้องรับผิดชอบด้วย มีความผิดด้วย
 
เพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนได้กวดขันร่วมกับรัฐ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ด้วย การกวดขันไม่ให้มีการจำหน่ายสุรานอกสถานที่และเกินเวลาที่กำหนด การเมาแล้วขับ ทั้งหลายทั้งปวง ให้กวดขันกันตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะไม่กี่เดือนจะถึง “เทศกาลปีใหม่” อีกแล้ว ปีนี้เราก็หยุดถึง 5 วัน เพราะฉะนั้นจะเห็นว่ามีการหยุดระยะยาวต่อเนื่องมาโดยตลอด ฉะนั้นต้องระมัดระวังการสูญเสียจากอุบัติภัย ทั้งหลายทั้งปวง สถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทุกปีมากมายมหาศาล เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้เป็นกิจวัตร ต้องทำให้เป็นนิสัย ไม่ใช่พอถึงเทศกาลใดก็มารณรงค์กันเป็นครั้ง ๆ เสียงบประมาณ เสียเวลา เราต้องแก้ไขเป็นมาตรการป้องกันให้ได้ ไม่ใช่เกิดเรื่องแล้วค่อยมาล้อมคอก เป็น “วัวหายล้อมคอก” ทีหลัง อย่างนี้ไม่ได้ ผู้ประกอบการ ผู้จัดงาน เตือนอีกครั้งต้องร่วมรับผิดชอบในอันตรายเหล่านี้ด้วย ผู้ปกครองต้องให้ความร่วมมือในการกวดขันดูแลบุตรหลานให้ใช้ความระมัดระวังในช่วงเทศกาลลอยกระทงเป็นพิเศษด้วย ขอให้ทุกคนมีความสุข ขอขอบคุณ สวัสดีครับ
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท