Skip to main content
sharethis
12 องค์กรคนรุ่นใหม่ออกแถลงการณ์ หนุน 12 องค์กรภาคประชาชนอีสานปฏิเสธไม่เข้าร่วมการปฏิรูป ชี้เป็นความกล้าหาญ ปฏิเสธอำนาจที่เห็นว่าไม่ชอบธรรม ร้องหยุดบังคับประชาชนให้รัก ระบุหาก คสช. ต้องการเรียกปรับทัศนะคติ ให้เปิดเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนรับทราบด้วย
 
5 พ.ย. 2557 นักกิจกรรมทางสังคม 12 องค์กร ออกแถลงการณ์ในนามเครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมรุ่นใหม่ประเทศไทย “แด่…ความรักที่บังคับกระชับมิตร” จากกรณี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกตัว 12 องค์กรภาคประชาชนในอีสานเข้าไปรายงานตัวเพื่อปรับทัศนะคติ หลังจากได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน ‘ไม่ปฏิรูปใต้ท็อปบู๊ท คสช.” เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา
 
เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมรุ่นใหม่ ระบุว่า 12 องค์กรภาคประชาชนอีสานปฏิเสธไม่เข้าร่วมการปฏิรูป เพราะพวกเขารักในสิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตย ไม่ได้มีความรักให้ คสช. และไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ในอำนาจการปกครองที่ได้มาด้วยการยึดอำนาจเอาจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริง
 
“พวกเขาทั้ง 12 องค์กร กล้าหาญพอที่จะปฏิเสธในอำนาจที่พวกเขาเห็นว่าไม่ชอบธรรม” แถลงการณ์ระบุ
 
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า คสช. ได้ใช้กฎอัยการศึกในการบีบบังคับเอาความรักจากประชาชน โดยที่ไม่เข้าใจว่าความรักต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย และในระบอบการปกครองผู้นำก็ต้องถามประชาชนว่าประชาชนต้องการรูปแบบใด หากประชาชนต้องการปกครองด้วยประชาธิปไตยประเทศชาติก็ต้องเป็นประชาธิปไตย หาก คสช.ไม่เข้าใจหลักการพื้นฐานความรักข้อนี้ ก็ไม่อาจ “คืนความสุขให้ประชาชน” ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ การบีบบังคับจิตใจกันและกันนอกจากจะไม่ได้ความรักกลับคืนมาแล้ว กลับจะทวีความเกลียดชังมากยิ่งขึ้น
 
ในตอนท้ายของแถลงการณ์เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมรุ่นใหม่ฯ ระบุข้อเรียกร้อง 3 ข้อคือ ขอให้ยุติการบังคับหัวจิตหัวใจประชาชนให้รักในบุคคลใด องค์กรใด ระบอบการปกครองแบบใด และหากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการเรียกตัวใครไปปรับทัศนะคติ ขอให้เปิดเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบด้วย นอกจากนั้นยังขอให้คืนอำนาจที่แท้จริงให้กับประชาชนเพื่อฟังเสียงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
 
แถลงการณ์มีรายละเอียด ดังนี้
 
 
แถลงการณ์เครือข่ายนักกิจกรรมทางสังคมรุ่นใหม่ประเทศไทย
 
“แด่…ความรักที่บังคับกระชับมิตร”
 
จากการที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เรียกตัว ๑๒ องค์กรภาคประชาชนในอีสานเข้าไปรายงานตัวเพื่อปรับทัศนะคติ หลังจากได้ออกแถลงการณ์แสดงจุดยืน ” ไม่ปฏิรูปใต้ท็อปบู๊ท คสช.” เมื่อวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ที่ผ่านมา โดยมีสาระสำคัญ คือ ไม่ขอร่วมการปฏิรูปกับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องจากอำนาจไม่ชอบธรรมที่มาจากการรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และไม่ยอมรับเครื่องมือและกลไกของรัฐบาล เช่น คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งไม่ได้มีการยึดโยงจากอำนาจประชาชน และได้ส่งผลกระทบกระเทือนถึงสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชน
 
จากการที่ ๑๒ องค์กรภาคประชาชนอีสานปฏิเสธไม่เข้าร่วมการปฏิรูปนั้น ด้วยเหตุผลว่า เพราะพวกเขารักในสิทธิ เสรีภาพ และประชาธิปไตย ไม่ได้มีความรักให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และไม่ได้มีจิตใจฝักใฝ่ในอำนาจการปกครองที่ได้มาด้วยการยึดอำนาจเอาจากประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของที่แท้จริง พวกเขาทั้ง ๑๒ องค์กร กล้าหาญพอที่จะปฏิเสธในอำนาจที่พวกเขาเห็นว่าไม่ชอบธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ใช้กฎอัยการศึกในการบีบบังคับเอาความรักจากประชาชน โดยที่ไม่เข้าใจเลยว่าความรักนั้น ไม่ใช่ได้มาด้วยการบังคับ ขู่เข็ญ เพราะความรักมันไม่อาจจะบังคับให้ใครรักใครได้ ไม่อาจบังคับให้รักกลุ่มบุคคลใดได้ หรือแม้แต่บังคับให้รักการปกครองเพียงรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งได้ แต่ความรักต้องเกิดจากความยินยอม ไม่ว่าจะเป็นชายกับหญิงหรือรัฐกับประชาชน ต่างต้องมาจากความยินยอมพร้อมใจของทั้งสองฝ่าย นี่คือพื้นฐานความรักที่มนุษย์พึงมีให้แก่กันและกัน ในระบอบการปกครองผู้นำก็ต้องถามประชาชนว่าประชาชนต้องการรูปแบบใด หากประชาชนต้องการปกครองด้วยประชาธิปไตยประเทศชาติก็จะต้องเป็นประชาธิปไตย ซึ่งหากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่เข้าใจหลักการพื้นฐานความรักข้อนี้ ก็ไม่อาจ “คืนความสุขให้ประชาชน” ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ นั่นเท่ากับว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ผิดคำสัญญาของตนเองและผิดสัญญาต่อประชาชน การบีบบังคับจิตใจกันและกันนอกจากจะไม่ได้ความรักกลับคืนมาแล้ว กลับจะทวีความเกลียดชังมากยิ่งขึ้น
 
พวกเราในนามตัวแทนของพลังคนรุ่นใหม่มีข้อเรียกร้อง ดังนี้
  • ขอให้ยุติการบังคับหัวจิตหัวใจประชาชนให้รักในบุคคลใด องค์กรใด ระบอบการปกครองแบบใด
  • หากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต้องการเรียกตัวใครไปปรับทัศนะคติ ขอให้เปิดเวทีสาธารณะเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบด้วย
  • ขอให้คืนอำนาจที่แท้จริงให้กับประชาชนเพื่อฟังเสียงความต้องการที่แท้จริงของประชาชน
                        
                        ด้วยความศรัทธาต่อ
 
                สิทธิ เสรีภาพ ประชาธิปไตย และความรักที่มีต่อเพื่อนมนุษย์
 
                        ๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗
องค์กร
 
๑. เครือข่ายนักกิจกรรมภาคใต้
๒. เชียงรายเรนเจอร์
๓. เพื่อชีวิตฅนเมือง
๔. ตำนานฅนเมือง
๕. สำนักกฎหมายราษฎรประสงค์
๖. บัณฑิตอาสาสมัครปกป้องประชาธิปไตย
๗. กลุ่มเผยแพร่กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม(ดาวดิน)
๘. กลุ่มรักเพื่อนมนุษย์
๙. กลุ่มกระพรุนไฟ
๑๐. กลุ่มอาปูตาเย
๑๑. กลุ่มกวีไฮกุไร้ชีพ
๑๒. กลุ่มเสรีนนทรี
 
 
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net