ยืนยกฟ้อง 'จตุพร' ศาลอุทธรณ์ชี้แสดงความเห็นโดยสุจริต-เป็นธรรมไม่หมิ่น 'รสนา'

ศาลอุทธรณ์ยืนยกฟ้อง 'จตุพร' ชี้เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่ผิดฐานหมิ่นประมาท 'รสนา' กรณีให้สัมภาษณ์สื่ออ้างรสนาเป็นตัวตั้งตัวตีโยกคดี พธม.ยึดสนามบิน ไปอยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ

3 ธ.ค.2557 ที่ห้องพิจารณา 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายดำ อ.3982/2553 ที่ น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กทม. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328

จากกรณีเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2553 จำเลยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทำนองว่า มีความพยายามจะให้คดีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ชุมนุมที่ท่าอากาศสุวรรณภูมิ และท่าอากาศยานดอนเมือง ให้ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยโจทก์เป็นตัวตั้งตัวตี

ซึ่งในคดีนี้ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อ 19 ธ.ค.56 ให้ยกฟ้อง เนื่องจากเห็นว่า จำเลยไม่ได้กล่าวยืนยันข้อเท็จจริง การใช้ถ้อยคำเป็นลักษณะตั้งคำถาม และเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ฯ

อย่างไรก็ตามต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า ตามบันทึกการประชุมของคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ที่โจทก์ทำหน้าที่ประธาน ได้มีการบรรจุวาระเกี่ยวกับการดำเนินคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ขณะเดียวกันก็มีการอภิปรายเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวในวาระการประชุมครั้งที่ 18 /2553 ครั้งที่ 20/2553 และ ครั้งที่ 21/2553 และเมื่ออ่านข้อความเกี่ยวกับบันทึกการประชุม ก็อาจมีความเข้าใจได้ว่าจะมีการโอนคดีกลุ่มพันธมิตรฯ ไปให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ได้ ดังนั้นข้อความที่จำเลยแถลงและหนังสือพิมพ์นำไปตีพิมพ์ จึงไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีมูล นอกจากนี้ก็ได้เชิญ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผบ.ตร. และพล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หรืออธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษมาประชุม จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามิได้มีการสอบถามถึงเรื่องการจะโอนคดี การกระทำของจำเลยจึงเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ติชมด้วยความเป็นธรรม ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องนั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

ทั้งนี้ ตามฟ้องโจทก์ บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 29 ส.ค.53 จำเลยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ขณะนี้มีความพยายามโยกคดีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ( พธม.) ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ไปอยู่ในความรับผิดชอบของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)โดยมีโจทก์เป็นตัวตั้งตัวตี ซึ่งมีตำรวจนายหนึ่งไปพบโจทก์ ทั้งที่ความจริงแล้ว โจทก์ไม่ได้เรียกให้นายตำรวจเข้าพบ รวมทั้งไม่มีอธิบดีดีเอสไอ เข้าพบ มีเพียงคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ที่จะเรียกให้คณะกรรมการสอบสวนเข้าชี้แจงข้อเท็จจริงของคดีเท่านั้น โดยไม่มีผู้มีอำนาจในรัฐบาลคนใดเข้ามาเกี่ยวข้องหรือแทรกแซง การกระทำของจำเลย ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าโจทก์ ทำงานภายใต้การร้องขอของรัฐบาล หรือภายใต้อำนาจของรัฐบาล ซึ่งทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง และถูกดูหมิ่นเกลียดชัง จึงขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามกฎหมายและให้โฆษณาคำพิพากษาลงในหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับ เป็นเวลา 60 วัน ติดต่อกัน รวมทั้งโฆษณาคำพิพากษาในเว็บไซด์ของหนังสือพิมพ์รายวันทุกฉบับอีก 15 เว็บไซด์ เป็นเวลา ไม่น้อยกว่า 90 วัน

เรียบเรียงจาก ผู้จัดการออนไลน์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท