ศาลทหารเชียงใหม่ให้ประกันตัวแม่ครัวลำพูน ช่วยทำอาหารเลี้ยงเสื้อแดงกลับจากชุมนุมอักษะ ผิดฐานครอบครองอาวุธผิดกฎหมาย หลังทนายยื่นประกันตัวครั้งที่ 5 ด้วยหลักทรัพย์ 5 แสนบาท

9 ธ.ค. 2557 ที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 33 จังหวัดเชียงใหม่ ทนายความจากกลุ่มยุติธรรมล้านนาได้ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวนางเสาวณี อินต๊ะหล่อ ซึ่งถูกพนักงานอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 33 ฟ้องในข้อหาความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 โดยศาลได้มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว ด้วยหลักทรัพย์เป็นเงิน 5 แสนบาท และนางเสาวณีได้รับการปล่อยตัวเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ทนายความได้ยื่นขอประกันตัวจำเลยมาแล้วทั้งหมด 4 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาต เนื่องจากเห็นว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับความมั่นคง เกรงว่าจำเลยจะหลบหนี โดยที่จำเลยมีโรคประจำตัวหลายโรค ทั้งโรคหัวใจ เบาหวาน ความดัน และโรคเลือด ต้องกินยาจำนวนมากในแต่ละวัน ทำให้การรักษาดูแลอาการภายในเรือนจำเป็นไปอย่างยากลำบาก

การยื่นขอประกันตัวในครั้งนี้ ทนายได้ยื่นเอกสารของแพทย์ที่นัดหมายจำเลยไปตรวจอาการและรับยาเป็นประจำที่โรงพยาบาลประกอบการพิจารณาของศาลด้วย ก่อนที่ศาลจะอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

สำหรับนางเสาวณี อินต๊ะหล่อ อายุ 50 ปี มีอาชีพเป็นแม่ครัวที่ร้านอาหารในจังหวัดลำพูน เหตุในคดีนี้เกิดขึ้นภายหลังการรัฐประหาร เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 57 เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้เข้าตรวจค้นภายในสวนลำไยแห่งหนึ่ง บริเวณตำบลเหมืองจี้ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน โดยอ้างว่าบริเวณสวนลำไยดังกล่าว มีการฝึกการใช้อาวุธของกลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมทางการเมือง และได้พบชายฉกรรจ์ 5 คน ซึ่งเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไป ทั้งหมดต่างพากันวิ่งหลบหนี

ก่อนที่เจ้าหน้าที่ทหารจะสามารถควบคุมตัวนางเสาวณีเอาไว้ได้ รวมทั้งมีการตรวจค้น พบอาวุธปืนยาวแบบไทยประดิษฐ์ 3 กระบอก อาวุธปืนสั้นดัดแปลง ขนาด .22 เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง เสื้อเกราะกันกระสุน 8 ตัว วิทยุสื่อสาร และสัญลักษณ์เสื้อหรือป้ายเกี่ยวกับคนเสื้อแดงอีกจำนวนหนึ่ง ในเวลาต่อมาจึงมีการดำเนินคดีกับนางเสาวณีในข้อหาครอบครองอาวุธโดยผิดกฎหมาย และจำเลยถูกคุมขังในเรือนจำมาตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.57

นางเสาวณียืนยันว่าเธอมิได้รู้เห็นถึงอาวุธของกลางใดๆ ตามที่ถูกกล่าวหา เพียงแต่ได้รับการว่าจ้างจากเจ้าของสวนลำไยให้มาทำกับข้าวเลี้ยงกลุ่มคนเสื้อแดงที่เดินทางกลับจากการชุมนุมที่ถนนอักษะช่วงหลังรัฐประหารเท่านั้น รวมทั้งยังมีอาการป่วยหลายโรค เลยไม่ได้คิดจะหลบหนีใดๆ

ในคดีนี้ก่อนหน้าการสอบคำให้การ ทนายจำเลยยังได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยเขตอำนาจศาลทหารในการพิจารณาคดี โดยศาลยังมิได้นัดหมายวันฟังคำสั่งเรื่องเขตอำนาจศาลแต่อย่างใด