Skip to main content
sharethis

คดี 112 ชายเชียงรายทำลายพระบรมฉายาลักษณ์สืบพยานโจทก์นัดแรก จนท.ตำรวจ สภ.เทิง ผู้จับกุมตัวจำเลยขึ้นเบิกความศาลทหาร ชี้ขณะจับกุมจำเลยมีอาการคล้ายคนมึนเมา ไม่เหมือนคนปกติ แต่ยังพูดจาโต้ตอบรู้เรื่อง

12 ม.ค.58 ศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย นัดสืบพยานโจทก์ในคดีระหว่างอัยการศาลจังหวัดทหารบกเชียงราย กับนายสมัคร (ขอสงวนนามสกุล) ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความผิดฐานพาอาวุธมีดไปในทางสาธารณะหรือหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุอันควร เหตุจากการที่จำเลยได้ทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ที่จัดสร้างไว้บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้าน

ก่อนหน้านี้ ฝ่ายจำเลยได้ให้การต่อศาลยอมรับสารภาพตามข้อกล่าวหา โดยที่ทนายความได้ยื่นคำร้องประกอบการพิจารณาว่าจำเลยกระทำผิดไปโดยเหตุที่อยู่ในภาวะเป็นจิตเภท จึงขอให้ศาลยกฟ้อง ให้รอการกำหนดโทษ หรือรอการลงโทษ แต่พนักงานอัยการศาลทหารได้คัดค้านคำร้องดังกล่าว ด้วยเห็นว่าจำเลยไม่ได้รับสารภาพตามฟ้องของโจทก์ทั้งหมด และแถลงจะขอนำพยานหลักฐานมาสืบ (อ่านข่าวก่อนหน้านี้)

ในนัดนี้ โจทก์ได้นำดาบตำรวจราชันย์ จันทร์สุข ผู้บังคับการหมู่งานป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรเทิง ขึ้นเบิกความ โดยด.ต.ราชันย์เป็นผู้ทำการจับกุมและนำตัวจำเลยส่งพนักงานสอบสวน

ด.ต.ราชันย์เบิกความต่อศาลถึงเหตุในคดีนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ค.57 เวลา 20.30 น. ที่ต.ปล้อง อ.เทิง จ.เชียงราย ตนได้รับแจ้งเหตุจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านสันป่าสัก ตำบลปล้อง ว่ามีบุคคลกำลังพยายามทำลายพระบรมฉายาลักษณ์บริเวณซุ้มเฉลิมพระเกียรติทางเข้าหมู่บ้าน เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบจำเลยกำลังฉีกดึงพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ลงมากองกับพื้น และยังจับพานพุ่มเงินทองที่วางสักการะพระบรมฉายาลักษณ์มากองกับพื้น เมื่อนายสมัครยอมรับว่าเป็นคนทำลายจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ยึดของกลาง และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน

ด.ต.ราชันย์เบิกความด้วยว่าขณะจับกุมจำเลยมีอาการคล้ายคนมึนเมา โดยมีกลิ่นเหล้าจากตัวจำเลย แต่ยังสามารถพูดจาโต้ตอบได้รู้เรื่อง ในวันจับกุม ด.ต.ราชันต์ได้ขอให้จำเลยไปตรวจหาสารเสพติดด้วย แต่จำเลยไม่ยอมไป ส่วนสาเหตุที่จะส่งตัวจำเลยไปตรวจหาสารเสพติด เพราะจำเลยมีท่าทางไม่เหมือนคนปกติ จึงต้องการจะส่งไปตรวจให้รู้แน่ว่าจำเลยเมาเหล้าหรือสารเสพติด แต่ไม่ทราบว่าจำเลยมีอาการทางจิตมาก่อนหรือไม่

เมื่อเสร็จสิ้นพยานปากนี้ ศาลได้นัดหมายสืบพยานโจทก์ปากต่อไปในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 8.30 น.

สมัครให้ข้อมูลกับทนายความเพิ่มเติมด้วยว่าทุกวันนี้ ตนยังคงมีอาการหูแว่วอยู่บ่อยครั้งเมื่ออยู่คนเดียว โดยมีอาการเหมือนมีคนมากระซิบ หรือเสียงคนจับกลุ่มพูดกันอยู่ข้างหู ทำให้ยังต้องกินยารักษาอยู่ทุกวัน และปัจจุบันถูกนำตัวไปอยู่ในแดนพยาบาลภายในเรือนจำ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net