29 ม.ค. 2558 เวลา 10.00 น. ที่อาคารรัฐสภา คณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) ซึ่งประกอบไปด้วยเครือข่ายแรงงานในระบบ แรงงานนอกระบบ แรงงานข้ามชาติ และองค์กรพัฒนาเอกชนจำนวน 27 องค์กร ได้เดินทางเพื่อขอเข้าพบและยื่นจดหมายคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคม ซึ่งอยู่ในการพิจารณาวาระที่2 ต่อประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และประธานกรรมาธิการพิจารณาร่างกฎหมายประกันสังคม ซึ่งมีเนื้อหาตัดสิทธิประโยชน์ประกันสังคมมาตรา 33 กรณีว่างงาน จากเดิมเมื่อลาออกจากงานด้วยความสมัครใจ จะได้รับเงินทดแทนร้อยละ 30 ของค่าจ้างอัตราสุดท้าย 90 วัน สาเหตุที่สำนักงานประกันสังคม(สปส.) ตัดออกเนื่องจากไม่มีประเทศใดในโลกที่มีกฎหมายให้เงินสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน หากแรงงงานสมัครใจลาออก และเห็นว่า มีผู้ประกันตนบางรายลาออกเพื่อหวังใช้ใช้สิทธิประโยชน์ผู้ประกันตน
ด้านนางสาววิไลวรรณ แซ่เตีย ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย(คสรท.) ได้แถลงข้อคัดค้านบริเวณหน้าสวนสัตว์ดุสิตก่อนเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมประมาณ 50 คน เข้ายื่นจดหมายต่อพลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร ประธานคณะกรรมธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกันสังคม ที่อาคารรัฐสภานั้น โดยกล่าวถึงสองประเด็น คือ สิทธิกรณีการการลาออกของแรงงานอาจมาจากหลายสาเหตุ ไม่มีบุคคลใดต้องการลาออกจากงาน เพราะอาจทำให้สูญเสียรายได้ มีบางส่วนถูกนายจ้างบีบให้ออก จากการมีข้อพิพาทกันระหว่างลูกจ้างนายจ้าง และจากการที่นายจ้างย้ายฐานการผลิต ปิดกิจการหรือเศรฐกิจชะลอตัว
ส่วนประเด็นที่สอง การสิ้นสุดสิทธิการเป็นผู้ประกันตนกรณีชราภาพ ซึ่งจะได้รับเงินรายเดือนนั้น มีกำหนดให้ผู้ประกันตนต้องส่งเงินครบ 15 ปี หรืออายุ 55 ปี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อแรงงานข้ามชาติที่ทำงานในประเทศไทยซึ่งมักกำหนดการจ้างงานเป็นเวลา 4 ปีหรืออยู่ทำงานไม่ถึง 55 ปีก็เดินทางกลับประเทศก่อน ทำให้แรงงานข้ามชาติส่วนใหญ่ไม่ต้องการเข้าสู่ระบบประกันสังคม จึงควรให้ผู้ประกันตนที่ส่งเงินสมทบไม่ถึง 15 ปี และอายุไม่ถึง 55 ปี สามารถเลือกรับสิทธิเงินบำเหน็จหรือเงินบำนาญได้
นางสาววิไลวรรณกล่าวเสริมอีกว่า เงินประกันตนนั้นมาจากเงินของผู้ประกันตนและจากนายจ้าง จ่ายร่วมกันคนละ5% ส่วนรัฐบาลมีส่วนช่วยออกเงินผู้ประกันเพียง2.75% เท่านั้น โดยปกติตามหลักการต้องออกเท่ากัน โดยเฉพาะเงินที่รัฐบาลต้องจ่ายสมทบ2.75%ยังคงค้างจ่ายให้กับผู้ประตนอีกด้วย จะเข้ามาจัดการละเมิดสิทธิเงินของแรงงานไม่ได้
ขณะที่กระทรวงแรงงานอยู่ในช่วงการเสนอร่างพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ที่กำลังเข้าสู่การพิจารณาของครม.และสนช. ซึ่งเดิมเป็นฉบับประชาชนผ่านการเข้าเสนอชื่อกฎหมายจำนวน 12,130 รายชื่อ นำโดย นายชาลี ลอยสูง ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนและผลักดันร่างพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ฉบับบูรณาการแรงงาน โดยภาคประชาชน แต่ฉบับดังกล่าวกลับไม่ได้รับการพิจารณา หลังจากเปลี่นรรัฐบาล ได้เดินทางร่วมกับกลุ่ม คสรท.เพื่อยื่นจดหมายขอชะลอการนำร่างพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ฉบับกระทรวงแรงงานไว้ก่อน เนื่องจากฉบับดังกล่าวไม่มีประชาชนและผู้เกี่ยวข้องโดยตรงเข้าไปมีส่วนร่วม ทั้งยังขัดต่ออนุสัญญาองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ(ILO) ฉบับที่ 87 และ 94 ที่กำหนดให้ครอบคลุมแรงงานทุกภาคส่วน ทั้งแรงงานในอุตสาหกรรม แรงงานรัฐวิสาหกิจ แรงงานนอกระบบ แรงงานเกษตร แรงงานข้ามชาติ
นายชาลียังกล่าวอีกว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับกระทรวงมีความเหลื่อมล้ำอย่างมาก ในมาตรา4 มีการบังคับใช้กับกลุ่มเป้าหมายโดยกีดกันกลุ่มอื่น ไม่ครอบคลุมถึงกลุ่มลูกจ้างและภาคธุรกิจขนาดเล็ก สะท้อนว่าแรงงานยังไม่มีสิทธิที่จะรวมตัวจัดตั้งหรือเข้าเป็นสมาชิกองค์กรตนได้อิสระ และในมาตรา 5 รัฐสามารถแทรกแซงการจัดตั้งองค์กรของแรงงานตั้งแต่ขั้นตอนของการก่อตั้ง การปฏิบัติงาน รวมถึงการบริหารงาน ทั้งที่การรวมตัวจัดตั้งองค์กรแรงงานทั้งในประเทศและระดับนานชาติ ต้องจำกัดบทบาทรัฐไม่ให้เข้ามาแทรกแซง และมุ่งเน้นเปลี่ยนกรอบความคิดจาก"นายจ้าง"เหนือ"ลูกจ้าง" ไปสู่สถานะแบบ "ผู้จ้างกับคนทำงาน" ที่เป็น "หุ้นส่วนกัน" แบบเสมอภาคและเท่าเทียม
ทั้งนี้กิจกรรมดำเนินไปด้วยความสงบเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ได้ให้ผู้ชุมนุมยื่นจดหมายรอบริเวณลานพระบรมรูปฯ หน้าอาคารรัฐสภา โดยมีนายพีระศักดิ์ พอจิต สมาชิกสนช. พลเอกสิงห์ศึก สิงห์ไพร และนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. เข้ามารับหนังสือคัดค้าน
พลเอกสิงห์ศึก ชี้แจงว่า วันที่ 2 ก.พ.นี้จะมีการพิจารณาต่อสภานิติบัญญัติในวาระที่ 2 จึงมีการเสนอให้ตั้งตัวแทน 5 คน จากตัวแทนกลุ่มองค์การแรงงาน 27 แห่ง เข้าร่วมเพื่อชี้แจงต่อหน้ากรรมธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกันสังคม เพื่อให้มีน้ำหนักขึ้นในการพิจารณา
จากนั้นเวลา 11.00 น. หลังจากยื่นจดหมายคัดค้านที่รัฐสภา คสรท.และอีกกว่า 27 องค์กรแรงงานได้เดินเท้าต่อเพื่อไปยื่นหนังสือคัดค้าน ร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม และยื่นจดหมายให้ชะลอพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ ต่อพลเอก ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดนายกรัฐมนตรี โดยมีผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียน ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมายศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียน และตัวแทนจากสำนักงานประกันสังคมเป็นผู้รับจดหมาย ฝ่ายกลุ่มผู้ยื่นจดหมายคัดค้านได้เน้นย้ำกับผอ.ศูนย์ว่า หนังสือคำร้องต้องส่งถึงมือนายกรัฐมนตรี โดยตนและกลุ่มต้องการเห็นนายกรัฐมนตรี พูดถึงเรื่องนี้ในวันศุกร์ที่ 30 ม.ค.58 เพื่อคืนความสุขให้กับผู้ใช้แรงงาน
ด้านผู้อำนายการกฎหมาย ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ได้แจงกับกลุ่มผู้เรียกร้องว่า กลุ่มแรงงานจะได้รับผลประโยนช์มากว่ากฎหมายเดิม ซึ่งเรื่องกำลอยู่ในการพิจารณา ส่วนการแก้กฎหมายนั้นต้องแก้กันอีกหลายครั้ง ไม่ใช่แก้ครั้งนี้ครั้งเดียวในส่วนของกรณีการว่างงานจะรับเข้าพิจารณา ด้านทำเรื่องให้ถึงมือ พลเอกประยุทธ จันทร์โอชาพูดในวันพรุ่งนี้นั้น คงไม่สามารถรับปากได้แต่จะเร่งให้ถึงมือให้เร็วที่สุด