Skip to main content
sharethis

รายการคืนความสุขให้คนในชาติ “ประยุทธ์” ชวนคนไทยเดินตลาดน้ำข้างทำเนียบ ชมเปาะเจ้าหน้าที่จับคดีหมิ่นสถาบันฯ รวดเร็ว ชี้พวกเห็นต่างเรื่องเยอะ ต่อต้านมากทำโรดแมป คสช.ช้า แล้วอย่ามาโทษกันทีหลัง

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2558 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ออกอากาศทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมคลองผดุงกรุงเกษม ว่าเมื่อวันที่ 12 ก.พได้ไปเปิดโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมคลองผดุงกรุงเกษม ตามนโยบายของรัฐบาล เพื่อเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูวิถีชีวิตแบบไทย แล้วก็เปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวได้สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำแบบไทยในอดีต โดยกิจกรรมตลาดน้ำวิถีไทยคลองผดุงกรุงเกษม จะจัดตั้งแต่สะพานอรทัยไปจนถึงบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ เริ่มตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 1 มี.ค. 58 นี้ รวมทั้งหมด 18 วัน ไม่มีวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะแบ่งตลาดออกเป็น 2 ส่วน คือ ตลาดบก เปิดให้บริการระหว่าง 11.00-20.00 น. และตลาดน้ำ ให้บริการระหว่าง 15.00-20.00 น.จะได้มีการคัดสรรผลิตภัณฑ์ของดีจาก 5 ตลาดบก 6 ตลาดน้ำ ในกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง
       
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงการจับกุมผู้กระทำความผิด คดีอาชญากรรม โดยเฉพาะคดีหมิ่นสถาบันฯ ว่า วันนี้สามารถติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็ว ต้องขอชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งประชาชน ที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส เฝ้าระวัง ซึ่งจะทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในแง่ของพยานหลักฐาน และรวดเร็วในการสืบสวนหาผู้กระทำความผิด ในทุกๆ เรื่องที่สำคัญนั้น เราจะดำเนินการสืบหาผู้บงการ ผู้สนับสนุนด้านการเงิน หรือเครือข่ายต่อไปให้ได้
       
การแก้ปัญหาของประเทศไทยในระยะนี้ คือ การปฏิรูปในเรื่องของกระบวนการประชาธิปไตย รัฐบาลจะพยายามสร้างความเข้าใจเราก็ต้องให้ทั้งในประเทศแล้วต่างประเทศต้องเข้าใจเราด้วย หลักการของเราวันนี้ที่ตนใช้คำว่า ประชาธิปไตยที่เป็นเหมาะสมกับสังคมไทย หากทุกคนก็เห็นร่วมกันกับตน ก็คือเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้อง บ้านเมืองจะต้องสงบสุขและปลอดภัย ก็ไปทบทวนดูว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ทุกคนต้องช่วยกันแสดงให้เห็นถึงสิ่งดีๆที่คนไทยมี หากมีผู้นำหรือผู้บริหารที่เข้มแข็ง มีรัฐบาลที่สุจริต มีคุณธรรม ในอนาคตได้ แล้วไม่มีการชี้นำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรืออื่นๆ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้งจนเดินหน้าประเทศไม่ได้
       
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจ ไม่ยอมปรับตัว อาจจะลืมไปว่าเป็นคนไทย วันหน้าเราต้องกลับมาอยู่ด้วยกันอีก รัฐบาลก็พยายามทำอย่างเต็มที่ พยายามจะให้ความเป็นธรรม พยายามจะนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้องก็ไม่ยอมรับกันอีก หลายคนก็หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ แล้วไปพูดจาให้เสียหาย ที่ตนเดินทางไปญี่ปุ่นก็ทราบว่ามี แต่ไม่ได้เจอ ทางญี่ปุ่นก็ไม่ให้ความสนใจ ตนได้ชี้แจงว่าคนเหล่านี้ทำความผิดอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการผิดคดีอาญา ในเรื่องของกฎอัยการศึก ทางญี่ปุ่นก็เข้าใจ เพียงแต่ว่าเขาอยากให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วเท่านั้นเอง ตนก็บอกไปแล้วว่า 1 ปีเท่านั้นเอง ไม่ช้าไม่เร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นก็เสียเวลาไปทั้งหมด
       
“โรดแมป คสช.นั้นจะเร็วหรือจะช้า ไม่ได้อยู่กับผมอย่างเดียว หลายอย่างทุกคนเอากลับมาลงที่ผมหมด วันนี้ใช่ ความรับผิดชอบใช่ แต่ถ้าบังคับว่าจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ขอความร่วมมือก็ไม่ได้ ต่อต้าน แล้วจะไปถึงโรดแมปอย่างนั้นได้หรือไม่ ผมไม่ทราบ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
       
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนด้วยว่า สื่อมวลชนต้องช่วยสร้างความเข้าใจต่อสังคม อย่าไปขยายในเรื่องที่เป็นความขัดแย้ง ถามอะไรที่ดีๆบ้าง ตนก็ตอบทุกครั้ง เพราะฉะนั้นเรื่องอะไรที่สังคมสนใจ แต่ไม่เกิดประโยชน์เลย ก็ถามให้น้อยลง และไม่ถามในเชิงขัดแย้ง สำหรับการเข้ามาของ คสช.และรัฐบาลนั้น เรามุ่งหวังเพื่อจะหยุดความขัดแย้ง หยุดความรุนแรง และนำพาประเทศให้สงบสุข ยั่งยืน และมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การเสนอความคิดเห็น คำแนะนำมาได้ ไม่ใช่ไปตอบโต้กันหรือเอาชนะกับ คสช. เพราะ คสช.ไม่ใช่ศัตรูของท่าน
       
“ผมเองนั้นยืนยันอยู่เสมอว่าเป็นไปตามโรดแมป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่ถ้าหากประชาชนยังเร่งรัดและพยายามที่จะเลือกตั้ง หรือพยายามที่จะต่อต้านให้เราทำอะไรไม่สำเร็จสักเรื่อง แล้วกลับไปสู่การเลือกตั้ง ก็จะกลับมาเป็นแบบเดิม อย่างนั้นผมก็ช่วยท่านไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศเลือกกันเอง ต้องยอมรับในความสำเร็จ หรือในความผิดพลาด เพราะฉะนั้นคงมาโทษ คสช.ไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
       
โดยรายละเอียดทั้งหมดของรายการมีดังต่อไปนี้
       
รายการคืนความสุขให้คนในชาติ วันที่ 13 ก.พ. 2558
       
“สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน ระหว่างวันที่ 8-10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้น ผมและคณะได้เดินทางเยือนญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของ นายชินโซ อะเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น การเยือนครั้งนี้เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ ที่มีความใกล้ชิดกันมามากกว่า 600 ปี เพื่อจะผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจที่สำคัญให้เกิดความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม และเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อภาคส่วนต่างๆ ของญี่ปุ่นด้วย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยทั้งสิ้น ในระหว่างการเยือนนั้น ผมและภริยาได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้า เจ้าชายนารุฮิโตะ มกุฎราชกุมารญี่ปุ่น และพระชายา ณ พระตำหนักมกุฎราชกุมาร พระราชวังอะคะซะกะ
       
เจ้าชายนารุฮิโตะมีพระราชดำรัสถวายพระพร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทรงฝากพระราชสาสน์ถึงทั้งสองพระองค์ด้วย ในโอกาสนี้ผมได้ขอพระราชทานพระราชานุญาตในนามของประชาชนชาวไทย ถวายพระพรสมเด็จพระจักรพรรดิ และพระจักรพรรดินีด้วย
       
สำหรับประเทศไทยกับญี่ปุ่นนั้น มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นใกล้ชิดในทุกระยะ ตั้งแต่ราชวงศ์ รัฐบาล รวมไปถึงระดับประชาชน ซึ่งที่ผ่านมานั้นรัฐบาลไทยกับญี่ปุ่นมีการทำงานร่วมกัน มีการแลกเปลี่ยนระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดความร่วมมือบนพื้นฐานของผลประโยชน์ และความไว้เนื้อเชื่อใจกันมาโดยตลอด ในโอกาสนี้ ผมได้เข้าคารวะนายชินโซ อะเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้แสดงความขอบคุณที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ให้การต้อนรับผมและคณะอย่างสมเกียรติ อบอุ่น และเป็นกันเอง ทั้งนี้ เราทั้ง 2 ก็เห็นพ้องกันในความสำคัญของการเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ระหว่างไทยกับญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดในการดำเนินบทบาทของทั้งสองประเทศ ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และอาเซียนด้วย
       
นอกจากฝ่ายรัฐบาลแล้วนั้น ผมยังได้มีโอกาสพบปะหารือกับภาคเอกชน และผู้แทนจากบริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นเป็นจำนวนกว่า 10 คณะ ผมได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยรวมแล้ว ภาคเอกชนญี่ปุ่น ยังมีความเชื่อมั่นในการลงทุนในประเทศไทย และได้แสดงความสนใจในธุรกิจผลิตไฟฟ้า โครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง รถไฟฟ้า ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และการจัดตั้งผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเพิ่มขึ้น ผมขอให้ภาคประชาชนดังกล่าวนั้น ได้จัดทำแผนธุรกิจและแผนพัฒนาร่วมกัน โดยประสานร่วมกับภาครัฐญี่ปุ่นและไทย โดยรัฐบาลไทยจะพิจารณาสิทธิการลดหย่อนภาษีเงินได้ และจะกำหนดมาตรการแก้ไขอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับระบบศุลกากร เพื่อเพิ่มมูลค่าของการลงทุนต่อไป ในนามของรัฐบาลไทยผมขอให้ภาคธุรกิจการธนาคารญี่ปุ่นได้พิจารณามองไทยเป็นศูนย์กลาง ทางการลงทุนในอาเซียน โดยยืนยันว่าเราพร้อมจะดูแลนักลงทุนญี่ปุ่น
       
นอกจากนี้ ผมแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจในทุกพื้นที่ให้มีความมั่นคง โดยการเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ การคมนาคมขนส่งและการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่เรียกไทยบวกหนึ่งนะครับ นอกจากนั้น ผมได้เน้นย้ำให้นักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาช่วยพัฒนาในเรื่องของการงทุน การแปรรูปผลิตผลทางการเกษตร เนื่องจากประเทศไทยมีผลผลิตหลายชนิดที่เป็นที่นิยมของชาวญี่ปุ่น และประเทศญี่ปุ่นเองก็มีเทคโนโลยีและความรู้ในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแปรรูปผลผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ ระบบการตลาด ระบบสหกรณ์ชุมชนและระบบชลประทาน สิ่งเหล่านี้ญี่ปุ่นสามารถเข้ามาช่วยเหลือภาคการเกษตรของไทยได้ รวมไปถึงการลงทุนจัดตั้งโรงงานแปรรูปทางเกษตรในไทย ผมได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในขณะนี้ที่ต้องการจะช่วยลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตต่อไร่ การเกษตรอินทรีย์ การพัฒนาพันธุ์ข้าวและพืชผักผลไม้ การรวมกลุ่มเกษตรกรเพื่อการให้ความช่วยเหลือที่ตรงเป้าหมาย การแก้ไขปัญหาพ่อค้าคนกลาง การส่งเสริมให้ชุมชนมีความเข้าใจในการทำการตลาด และการพัฒนาระบบชลประทาน เป็นต้น ทั้งหมดเหล่านี้ต้องการให้เกิดความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนญี่ปุ่น ได้แสวงหาความร่วมมือในด้านการลงทุนร่วมกัน ร่วมมือกันพัฒนาในด้านนี้อย่างจริงจัง ซึ่งญี่ปุ่นก็จะสามารถนำเข้าสินค้าทางการเกษตรที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐานตามความต้องการของประเทศของตน ขณะนี้ไทยเองก็สามารถพัฒนาภาคการเกษตร เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร ส่งเสริมเศรษฐกิจของประเทศไทย และของสองประเทศได้ในระดับหนึ่ง ถ้าพัฒนาร่วมกันได้มันจะดีขึ้้นมากกว่าเดิมอีก สำหรับทางสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นได้แสดงความสนใจเพิ่มมูลค่าการลงทุนในประเทศไทย โดยจะให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการลงทุน เพื่อจะขยายต่อไปในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และอาเซียน ซึ่งในการนี้ผมได้เชิญชวนให้ภาคเอกชนญี่ปุ่นได้ช่วยกันใช้วัตถุดิบจากประเทศไทยให้มากขึ้น สนับสนุนการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งญี่ปุ่นได้เคยผ่านประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการวิจัย และการพัฒนามีความรู้ เทคโนโลยีสูง ขอให้ช่วยกันถ่ายทอดให้กับคนไทยด้วย หวังว่าภาคเอกชนญี่ปุ่นนั้นจะได้มีการจัดตั้งสถาบันวิจัยให้มากขึ้น รวมทั้งการจัดสำนักงานใหญ่ในไทย และเร่งให้มีการเจรจาเอฟทีเอระหว่างกัน รวมทั้งการผลักดันส่งเสริมเอสเอ็มอีของไทยและญี่ปุ่น เพื่อให้เอสเอ็มอีญี่ปุ่นขยายการลงทุนในไทยให้มากขึ้นในอนาคต
       
ในนามของรัฐบาล และประชาชนชาวไทย ผมขอให้ร่วมกันขอบคุณรัฐบาล และชาวญี่ปุ่นที่มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยมาโดยตลอด ผมได้ชี้แจงให้ทางญี่ปุ่นทราบว่า บัดนี้การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรยังคงดำเนินการอยู่ไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นไปตามแผนงาน หรือโรดแมปที่ได้กำหนดไว้ทุกประการ การที่ คสช.ได้เข้ามาทำหน้าที่ในขณะนี้นั้น เพื่อจะบริหารราชการให้ประเทศไทยเดินหน้า มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของคนไทย เราต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งมานานหลายปี ปัญหาต่างๆ ที่ประเทศไทยต้องเผชิญไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเหลื่อมล้ำทางสังคม การทุจริตคอร์รัปชัน การเมืองที่เห็นแก่พวกพ้อง มองข้ามผลประโยชน์ของชาติ และประชาชน หรือความพยายามในการบั่นทอนความมั่นคงของสถาบันหลักของชาติ ทั้งหมดนี้ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ซึ่งผมต้องขอให้ชาวญี่ปุ่นมีความมั่นใจว่า ประเทศไทยของเรานั้นกำลังพยายามอย่างเต็มที่ ในการจะแก้ไขปัญหาที่สะสมมายาวนานรอบด้านในทุกเรื่องอย่างเป็นธรรม และโปร่งใส เพื่อจะนำไปสู่การพัฒนาทางการเมือง เช่นเดียวกับประเทศญี่ปุ่น ที่นักการเมือง และผู้บริหารนั้นมีวินัย มีจิตสำนึก และมีความรับผิดชอบต่อการบริหารบ้านเมือง
       
โดยสุดท้ายนั้น ผมได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะต้องไม่เกิดปัญหาความขัดแย้งต่อไปอีกในอนาคต ประชาชนจะกลับมาเป็นศูนย์กลาง และประเทศไทยจะกลับมาเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืนต่อไป สำหรับวันนี้อยากจะกล่าวถึงสิ่งที่ดีที่กำลังจะเกิดขึ้นในประเทศไทย หลายคนอาจจะไม่ได้สังเกต ได้แก่ วันนี้ประชาชนส่วนใหญ่มีความสมัครสมานสามัคคีปรองดองกันมากยิ่งขึ้น นักการเมืองทุกพวกทุกฝ่ายสามารถเดินทางไปมาหาสู่เยี่ยมเยือนกัน ประกอบธุรกิจส่วนตัวกันได้เป็นปกติ ประชาชนมีความสุขไม่มีความขัดแย้งขนาดใหญ่จากการเมือง ใส่ส่วนที่ยังมีความขัดแย้งตอบโต้กันไปมานั้น คงเป็นส่วนน้อย อาจจะยังไม่เข้าใจ ยังปรับเปลี่ยนตนเองไม่ได้ หรือมีเหตุผลส่วนตัวก็แล้วแต่ ขอให้ช่วยกัน
       
ในส่วนขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน วันนี้หลายพื้นที่จำนวนมากมีการปรับปรุงตนเอง และร่วมมือกับรัฐบาล ตามที่เราเห็นจากข่าวในโทรทัศน์ โดยมีกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. อบจ.หลายๆ แห่ง ได้ออกมาแสดงให้เห็นถึงผลการทำงานที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในทันที เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีนะครับ ขอฝากสื่อมวลชนในท้องถิ่นให้ช่วยกันนำเสนอต่อไปให้ต่อเนื่องด้วย เพื่อเป็นกำลังใจซึ่งกันและกัน
       
สำหรับในด้านการเกษตรนั้น วันนี้มีการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตโดยกระทรวงเกษตรฯ และประชาชนผลิตเองมากยิ่งขึ้น และสามารถนำไปใช้ในการลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนการผลิต มากขึ้นตามลำดับ เป็นผลดีทั้งสิ้น มีการสร้างความเข้มแข็งในชุมชน สร้างตลาดชุมน ตลาดนัดการเกษตร แพร่หลายมากขึ้นในทุกพื้นที่ ได้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร เช่น ข้าว ยาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในภาคการเกษตร ซึ่งอาจจะทำให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการเกษตร ลดการเอาเปรียบ จากพ่อค้าคนกลาง สามารถที่จะกำหนดราคา รู้ราคาในท้องตลาดได้ จะได้ดำเนินการให้เหมาะสม และจะทำให้ราคาผลผลิตเหล่านั้นดีขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป ต้องเรียนรู้ทั้งผลิต และการตลาดด้วย ถึงจะยั่งยืน
       
ในส่วนของการพัฒนาสินค้าการเกษตร และการเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตร ในเรื่องยางพารานั้น รัฐบาลได้เร่งดำเนินการในหลายมาตรการ นอกจากการช่วยเหลือไปแล้วนั้น เช่น ปัจจุบันได้สั่งการไปแล้วในเรื่องของการเพิ่มของการซื้อยางในประเทศ นำไปสร้างถนน ผลิตพื้นยางในสนามกีฬา การรณรงค์ให้เอกชนร่วมลงทุน การแสวงหาตลาดยาง การรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อป้องกันการถูกเอารัดเอาเปรียบ กดราคา อย่างไรก็ตาม ทุกเรื่องต้องใช้เวลาในการดำเนินการทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างมาตรฐาน และการรับรองสินค้า รัฐบาลจะพยายามทำให้ราคายางเพิ่มขึ้น และไม่ให้เกษตรกรต้องถูกเอารัดเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง หากจำเป็นอาจจะมีการกำหนดวิธีการรูปแบบในการขายจำหน่ายสินค้าเหล่านี้ในลักษณะรัฐต่อรัฐ บริษัทเอกชนกับรัฐ
       
ในเรื่องของการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ การดำเนินการจากน้อยไปมากตามความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน และที่่สำคัญจะไม่ให้เป็นภาระกับประเทศและประชาชนต่อไปในอนาคต
       
ในด้านการบริการประชาชนได้มีความร่วมมือระหว่างรัฐและประชาชนมากขึ้นผ่านช่องทางหลายช่องทาง ก็ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และประชาชนทุกคนที่ช่วยกันปรับตนเองและเดินหน้าร่วมกันในการพัฒนาประเทศ
       
ในด้านการบริการและการให้ความสะดวกแก่ประชาชน รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้ทุกส่วนราชการได้มีการปรับปรุงแก้ไขระบบราชการส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น ทั้งนี้ เป็นการทำงานจากโครงสร้างปัจจุบัน เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการอย่างทั่วถึง รวดเร็ว สะดวก สบาย ลดขั้นตอน ลดเวลา ลดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องเสียเวลามาก และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมองประชาชนเป็นหลัก เป็นศูนย์กลาง เจ้าหน้าที่ต้องรุกเข้าหาประชาชน คือ เดินเข้าหาและไปสอบถามปัญหา และแสวงหนทางแก้ปัญหาให้ปัญหาเขา เราเป็นข้าราชการที่ดี
       
ในด้านการจับกุมผู้กระทำความผิดคดีอาชญากรรม โดยเฉพาะคดีหมิ่นสถาบันฯ หรือคดีอื่นๆ ซึ่งไม่ค่อยได้รับการเอาใจใส่ วันนี้ก็สามารถติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็ว ต้องขอชมเชยเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายความมั่นคง รวมทั้งประชาชนที่ช่วยกันแจ้งเบาะแส เฝ้าระวัง ซึ่งมันจะทำให้เกิดความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในแง่ของพยานหลักฐานและรวดเร็ว ในเรื่องของการสืบสวนหาผู้กระทำความผิด ซึ่งในทุกๆ เรื่องที่สำคัญนั้นจะดำเนินการสืบหาผู้บงการและผู้สนับสนุนทางการเงินหรือเครือข่ายต่อไปให้ได้นะครับ
       
ด้านการท่องเที่ยวในขณะนี้ เป็นช่วงไฮซีซั่นจากการรายงานการรวบรวมข้อมูลสถิติ รายงานจากสนามบิน การเข้าพักโรงแรม การจับจ่ายซื้อสินค้า ก็พบว่ามีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเพิ่มขึ้นโดยลำดับ อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกส่วน รวมทั้งประชาชน ช่วยกันดูแลนักท่องเที่ยวและสถานที่ท่องเที่ยวของไทยให้ครบทุกมิตินะครับ ทั้งความปลอดภัย ความสะอาด รอยยิ้ม ราคสินค้า ความซื่อสัตย์ อัตราค่าบริการต่างๆ เพื่อจูงใจให้เขากลับมาเที่ยวอีกหรือมาบ่อยๆ ก็ขอขอบคุณกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ประชาชนทุกคนนะครับ ที่ร่วมแรงร่วมใจทำให้การท่องเที่ยวของเราฟื้นตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดช่วงนี้
       
ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมคลองผดุงกรุงเกษม เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ผมได้ไปเปิดแหล่งท่องเที่ยวริมคลองผดุงกรุงเกษมตามนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยววิถีไทยและการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมคลองผดุงกรุงเกษมและพื้นที่ที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งเคยมีมาก่อนในอดีตและพื้นที่ที่มีคูคลองของประเทศไทยในกรุงเทพมหานครนั้น วันนี้ก็ละเลยกันไปและไม่สะอาดหลายแห่งก็สะอาดขึ้น ขอบคุณกรุงเทพมหานครด้วยนะครับ เพื่อเป็นการอนุรักษ์และฟื้นฟูวิถีชีวิตแบบไทย และเปิดโอกาสให้พี่น้องประชาชนรวมถึงนักท่องเที่ยว ได้สัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำแบบไทยๆ ในอดีต มีการผสมผสานการดำเนินชีวิตอย่างงดงาม โดยเฉพาะคลองผดุงกรุงเกษม ซึ่งเป็นคลองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ จัดกิจกรรมตลาดน้ำวิถีไทยคลองผดุงกรุงเกษมขึ้น ตั้งแต่สะพานอรทัย ถนนลูกหลวงถึงบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2558 รวมทั้งหมด 18 วัน ไม่มีวันหยุดราชการ ทั้งนี้จะแบ่งตลาดออกเป็น 2 ส่วน ตลาดบกเปิดให้บริการระหว่าง 11.00-21.00 น. และตลาดน้ำให้บริการ ระหว่าง 15.00-20.00 น. และได้มีการคัดสรรของดีจาก 5ตลาดบก 5 ตลาดน้ำในกรุงเทพมหานคร และจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ตลาดนางเลิ้ง ตลาดหัวตะเข้ ตลาดหลวงแพ่ง ตลาดวัดทอง ตลาดวัดกำแพงริมคลองบางหลวง ตลาดน้ำตลิ่งชัน ตลาดน้ำวัดสะพาน ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ตลาดน้ำวัดตลิ่งชัน และตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง มาเข้าร่วมกิจกรรมครับ ผมขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่สนใจช่วยกันประชาสัมพันธ์และมาเที่ยวกันให้เยอะๆ และขยายต่อไปในที่อื่นๆด้วย การจราจรอาจมีติดขัดบ้างแต่ได้มีรถรับ-ส่งให้นะครับ
       
สำหรับโครงการสำหรับโครงการจักรยานมิตรภาพไทย-พม่า ผมขอบคุณหอการค้าจังหวัดตาก ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่ได้ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการมุ่งส่งเสริมพัฒนาด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยการสร้างสรรค์กิจกรรมที่นอกจากจะส่งเสริมให้เยาวชนรักการออกกำลังกาย รณรงค์การประหยัดพลังงานและลดมลพิษแล้ว ก็ยังเป็นการสนับสนุนอุสาหกรรมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ การค้า และการบริการในพื้นที่อีกด้วย ในแนวชายแดนทั้งฝั่งไทยอำเภอแม่สอดจังหวัดตาก และประเทศเพื่อนบ้าน เมืองเมียวดี ประเทศพม่า รวมทั้งส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ของทั้งสองประเทศ อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างความร่วมมือกันในระดับชาติต่อไป ซึ่งอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เป็นพื้นที่เป้าหมาย ของเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษของรัฐบาล เขตอื่นๆ ก็เช่นเดียวกันก็ความกรุณา ถ้าพร้อมก็จัด ก็ขอดูแลความปลอดภัยด้วย
       
ด้านความร่วมมือรัฐกับเอกชน วันนี้รัฐกับเอกชน มีความร่วมมือกันมากขึ้น รับฟังความเห็นซึ่งกันและกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย ภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐในการจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภาครัฐก็ต้องพยายามหาช่องทางสนับสนุนภาคเอกชนให้ตรงกับความต้องการทั้งรัฐและเอกชนอย่างเหมาะสม รวมทั้ง การอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ด้วย
       
สำหรับปัญหาราคาสินค้าอุปโภค บริโภค และพลังงาน ในเรื่องราคาอาหาร พลังงาน สินค้าการเกษตร หลายประเภทก็อาจจะมีทั้งขึ้นและลง วันนี้ลงมาก เพราะเคยมีใครคิดจะแก้ไขอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะราคาผลิตผลทางการเกษตร ฉะนั้นต้องพิจารณาถึงต้นทาง กลางทาง ปลายทาง และภาพรวมด้วย ต้นทาง คือ ผู้ผลิต ประกอบด้วยต้นทุน การขนส่ง ค่าจ้างแรงงาน ค่าเช่า อะไรก็แล้วแต่ เป็นต้นทุน กลางทางก็คือนายทุน เจ้าของกิจการ เจ้าของผลิตผล ผลิตภัณฑ์ ร้านค้า ปลายทางคือประชาชน ทั้ง 3 ส่วนนั้น ก็คงต้องดูแลอย่างเป็นธรรม สมดุล
       
รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ น้ำมันลง ไม่ใช่ว่าแก๊สต้องลงไปด้วย คงไม่ใช่แบบนั้น เพราะมันคนละส่วน คนละประเภทกัน คนละต้นทุน คนละวิธีการ ฉะนั้นถ้าน้ำมันบางประเภทลง บางประเภทขึ้น อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายในการสนับสนุนพลังงานของประเทศด้วยนะครับ ของรัฐด้วย ในวันนี้รัฐต้องการสนับสนุนให้ใช้น้ำมัน แก๊สโซฮอล์ด้วย บางอย่างก็ต้องลดกัน เพื่อลดการนำเข้า แก๊สในประเทศ หรือต้นทุนน้ำมันดิบ วันนี้ต้นทุนในประเทศเรามีจำกัด แหล่งพลังงานเราก็ลดลง ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ถ้าสมมติว่าในส่วนนี้ เช่น แก๊ส วันนี้แก๊สในประเทศ ที่ขุดได้เอง ก็ราคาต่ำ แต่เมื่อไม่พอเอาต่างประเทศเข้ามา ราคาสูงกว่าในประเทศมาก แล้วถ้าเราใช้มากๆ รวมมูลค่าในการนำเข้าก็สูง อันนี้ก็ยากที่จะเข้าใจ แต่เราก็พยายามเต็มที่ที่จะอธิบายได้ว่า เรื่องพลังงานให้มีคนออกมาชี้แจงทุกวัน อันนี้ก็ขอให้ทุกคนช่วยติดตามด้วย อะไรที่ไม่เข้าใจก็ถามมาแล้วกัน ถ้ามีเหตุผลเพียงพอ ถ้าตอบได้ก็ตอบได้ ถ้ามันไม่ใช่ก็ตอบไม่ได้อยู่แล้ว ก็เข้าใจกันบ้าง
       
บางอย่างเราใช้มากๆ ไปไม่ประหยัด มันถูกมากก็ใช้มาก ความสิ้นเปลืองต่างๆก็เสียหาย ประเทศชาติก็ไม่มีรายได้ มาพัฒนาประเทศ เช่น การใช้แก๊สวันนี้ไปใช้ในการผลิตพลังงานเป็นจำนวนมาก ทำให้ต้นทุนสูง เราจะไปปรับเปลี่ยนใช้ถ่านหินก็ไม่ได้อีก ก็ยังมีปัญหาอยู่กัน ต่อต้านเหล่านี้ จะใช้น้ำ น้ำก็น้อยลง ผลิตไฟฟ้าไม่ได้ ทุกอย่างมันก็พัวพันกันไปแบบนี้ เราต้องแก้ปัญหาที่ความเข้าใจก่อน ถ้าเข้าใจได้ ก็ช่วยกันหาทางทำให้ได้อย่างไร ถ้าปฏิเสธทั้งหมดมันเดินหน้าไม่ได้ แล้วรัฐบาลก็ไม่อยากให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนคนไทย เราต้องดูแลคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ถ้าหากว่าราคาน้ำมันลง คนก็หันไปใช้แก๊สน้อยลง คนลงทุนปั๊มแก๊สซึ่งก็ว่ามีน้อยก็ไม่ลงทุนอีก เพราะลงทุนไปแล้วไม่คุ้มค่า ก็ปรับลดจากใช้แก๊สเป็นใช้น้ำมันอีก เดี๋ยววันหน้าน้ำมันขึ้นก็ปรับไปใช้แก๊ส มันก็วนเวียนไปมาแบบนี้
       
ฉะนั้นทุกคนต้องรู้จักการปรับตัว ว่าจะทำอย่างไร รัฐบาลก็เข้าไปดูว่า มันจะเฉลี่ยราคากันอย่างไร ถ้ารัฐจะต้องไปดูแลทุกอย่างให้ทุกคนพอใจมันเป็นไปไม่ได้ เพราะมันคนละประเภทกันหมด โดยเฉพาะเรื่องการขนส่ง วันนี้หลายๆ ภาคธุรกิจของไทย ก็เปลี่ยนจากน้ำมันไปเป็นแก๊ส วันนี้พอน้ำมันถูกก็จะกลับมาเป็นน้ำมันอีก มันก็ทำให้เกิดปัญหานะ แล้วเราก็ต้องไปเพิ่มการนำน้ำมันเข้ามาอีก น้ำมันดิบ ฉะนั้นต้องดูความพอเพียงด้วย งบประมาณของรัฐมาจากภาษีประชาชนทั้งสิ้น ก็อย่างที่เรียนแล้วว่า มันต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน ทุกคนต้องเข้าใจในภาพรวมด้วย หลายส่วนนั้น มันเกี่ยวข้องกันทั้งหมด ทั้งรัฐ เอกชน ประชาชน มันเป็นห่วงโซ่ทางด้านพลังงาน
       
สำหรับราคาของก๊าซธรรมชาติในไทยนั้น วันนี้ก็ปรับขึ้น ลอยตัวขึ้นมากพอสมควร แต่ก็พยายามจะคงราคาไว้ให้มากที่สุด ให้มีส่วนต่างอยู่บ้าง ในส่วนของแต่ละประเภทที่รัฐต้องเข้าไปดูแล คนมีรายได้น้อย เพื่อจะไม่ให้เกิดผลกระทบในเรื่องอื่นๆ อีกด้วย ในส่วนของอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้านั้น ถ้าหากว่าประเทศไทยมีพลังงานที่ใช้ แหล่งพลังงานไม่เพียงพอต้องจัดหาจากต่างประเทศ หรือจัดซื้อทั้งหมด มันคือปัญหาของเรานะครับ ถ้าหากมันปิดซ่อม หรือว่าถ้าเขาไม่ส่ง หรือถ้ามีปัญหาอื่นๆ ก็แล้วแต่ความขัดแย้ง เราจะไม่มีพลังงานใช้ในประเทศถ้าเราไม่เตรียมการในประเทศไว้ล่วงหน้าตั้งแต่วันนี้ แม้ว่าต้องใช้เวลามากถึง 5-6 ปี ในการลงทุนขุดเจาะต่างๆ เหล่านี้ ก็ไปว่ากันมาว่าจะขุดได้อย่างไร และก็มีประโยชน์กับประชาชนอย่างไร อยากให้พิจารณาในประเด็นนี้ด้วย มันอาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะว่าภาพรวมเมื่อจะทำอะไรก็ตามจะลงทุนอุตสาหกรรม ลงทุนแปรรูปอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ก็ต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น ถ้าเราใช้พลังงานในประเทศไม่พอก็ต้องซื้อข้างนอก เมื่อซื้อข้างนอกซื้อไม่ได้มันก็ไปไม่ได้ทั้งหมด ทั้งไฟฟ้า ประปา พลังงานโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งหมดก็ติดขัดไปหมด การขนส่ง ทุกอย่างมันจะเดือดร้อนฉะนั้นก็ขอให้ช่วยกันแก้ไขปัญหาโครงสร้างในด้านพลังงานของเราด้วยนะครับ
       
ในส่วนของผลกระทบต่างเหล่านั้น รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ที่จะดูแล และหาทางแก้ไขเป็นอย่างอื่นนะครับ เพราะเราไม่จะสามารถซัพพอร์ทงบประมาณได้ทุกเรื่อง และถ้าเกิดมีการประท้วงกัน เรียกร้องราคากันมากมายจนเราให้ไม่ได้ และมีการหยุดเดินรถขนส่งสาธารณะ การบริการต่างๆ หรือการประกอบการต่างๆ ที่ต้องใช้พลังงานน้ำมัน แก๊สมันจะทำให้ความเดือดร้อนตกหนักที่ประชาชน ซึ่งรัฐบาลต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลนี้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะดูแลประชาชนทุกภาคส่วนนะครับ โดยเฉพาะผู้ที่หาเช้ากินค่ำ ที่ต้องอาศัยการขนส่งสาธารณะในการเดินทางเป็นสำคัญ เพราะฉะนั้นเข้าใจว่า หลายๆ ท่านคงต้องเสียสละบ้างเพิ่มขึ้น อยากให้เต็มที่และเห็นใจซึ่งกันและกัน ถ้าไม่แก้ไขวันนี้ วันหน้าวิกฤตการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นแน่นอน
       
สำหรับในส่วนของสินค้าต่างๆ ที่มีราคาแพงขึ้นนั้นก็มีคนเดือดร้อนร้องเรียนมามากมาย ผมได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูแลอย่างเต็มที่ ไปหาข้อเท็จจริง ทั้งในเรื่องของการดูแลราคาต้นทุนสินค้า การขยายความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ในการขยายโครงการสินค้าราคาประหยัดไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาค สินค้าใดที่มีราคาสูง ต้องดูว่าส่วนประกอบที่เขาเอามาใช้ให้เรารับประทาน ขายนั้น มันมีคุณภาพต่างกันหรือเปล่า เช่น เนื้อคุณภาพดีกว่ากันไหม หรือเครื่องปรุงเครื่องแกงอะไรต่างๆ ราคามันอาจจะไม่เท่ากันตรงนี้ด้วย และสถานที่ตั้งของผู้ประกอบการร้านค้า มันอยู่ที่เหมือนกันหรือเปล่า อยู่ริมถนน อยู่ห้องแถว อยู่ในห้าง อยู่ในห้องแอร์ต่างๆ ราคามันต่างกันหมด
       
เพราะฉะนั้นผมอยากให้ประชาชนต้องเลือกบริโภค มีน้อยใช้น้อย มีมากใช้มาก การใช้เงินมีเหตุมีผลพอประมาณ จะให้รัฐบาลไปสั่งทั้งหมดนั้น มันคงไม่ได้ เพราะวันนี้หลายอย่างถึงแม้ว่า ผมหรือรัฐบาลมีมากๆ สั่งยังไม่ได้เลย ทุกคนก็ต่อต้านกันหมด และจะให้ผมไปสั่งบางเรื่องเพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคนประกอบการเขาก็เสียหาย สรุปว่าก็โดนทั้งคู่ เพราะฉะนั้นก็ต้องช่วยผมด้วย ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงได้ไหม รู้ฐานะตนเอง พวกเราแม้ว่าจะมีเวลาในการบริหารประเทศไม่นาน แต่รัฐบาลก็มีความพยายามผมกล่าวย้ำอีกครั้งว่า เรามีความพยายามอย่างสูง ในการจะดูแลพี่น้องประชาชน และสร้างอนาคตให้ยั่งยืนในทุกมิติอย่างเต็มที่ หลายเรื่องเป็นปัญหาที่สะสมยาวนาน ถ้าไม่ร่วมกันวันนี้ ไม่ช่วยกันแก้ไขปัญหากันวันนี้ และไม่มีการเสียสละ ยังคงคิดเหมือนเดิม ไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา สิ่งเหล่านี้มันจะเป็นปัญหาใหญ่ ไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไปในอนาคต
       
สำหรับในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้น เป็นที่น่ายินดีว่า มิตรประเทศที่เคยไปมาหาสู่กัน มีความร่วมมือกันมากขึ้นทั้งในอาเซียน จีน ญี่ปุ่น ยุโรปตะวันตก นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นในการค้าการลงทุน อันนี้รวมไปความไปถึงนักธุรกิจตะวันตก และยุโรปด้วย ยังมีการลงทุนเพิ่มขึ้นยังมีการติดต่อค้าขายกับเราอยู่อย่างต่อเนื่อง และวันนี้ภาคเอกชนมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบัน ถึงแม้ว่าในหลักการแล้วอาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง ในเรื่องของการแก้ปัญหาของประเทศไทยระยะนี้คือ การปฏิรูป ในเรื่องของกระบวนการประชาธิปไตย แต่รัฐบาลจะอดทนพยายามสร้างความเข้าใจ เราต้องให้ทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าใจเราด้วย หลักการของเราวันนี้ที่ผมใช้คำว่า ประชาธิปไตยที่เหมาะสมกับสังคมคือ ผมคิดว่าทุกคนเห็นร่วมกันกับผมคือ การเป็นประชาธิปไตยที่ถูกต้องคือ บ้านเมืองจะต้องสงบสุขและปลอดภัย ก็ไปทบทวนดูนะครับว่า ที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นทุกคนต้องช่วยกันแสดงให้เห็นถึงสิ่งดีๆ ที่คนไทยมี คนไทยเป็น หากมีผู้นำ หรือผู้บริหารที่เข้มแข็ง มีรัฐบาลที่สุจริตมีคุณภาพในอนาคตได้ และไม่มีการชี้นำเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรืออื่นๆ ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง จนเดินหน้าประเทศไม่ได้ ผมคิดว่าห้วงนี้เป็นห้วงที่เหมาะสมที่สุดที่เราจะช่วยกันแก้ปัญหา
       
สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจไม่ยอมปรับตัว อาจจะลืมไปว่าเป็นคนไทย วันหน้าเราต้องมาอยู่ด้วยกันอีก ไม่ทราบว่าจะอะไรกันนักหนา เราพยายามทำกันอย่างเต็มที่ พยายามจะให้ความเป็นธรรม พยายามจะเอาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมให้ถูกต้อง ไม่ยอมรับกันอีก หลายคนหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ และไปพูดจาให้เสียหาย ที่ผมไปญี่ปุ่นก็ทราบว่ามี แต่ไม่ได้เจอผม และทางญี่ปุ่นเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ผมได้ชี้แจงว่าคนเหล่านี้ทำความผิดอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการผิดคดีอาญา ในเรื่องของกฎอัยการศึก ผมได้ชี้แจงว่า ผมใช้ทำอะไร เขาก็ฟังและเขาก็เข้าใจ เพียงแต่ว่าเขาอยากให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วเท่านั้นเอง เมื่อไรพร้อมก็เป็น ผมบอกว่า 1 ปีเท่านั้นเอง มันไม่ช้าเกินไป ไม่เร็วเกินไป ไม่อย่างนั้นมันเสียเวลาไปทั้งหมด
       
เพราะฉะนั้นเราต้องร่วมกันทำความดีตามนี้ ในช่วงนี้ โรดแมป คสช.นั้นมันจะเร็วหรือจะช้า มันไม่อยู่กับผมอย่างเดียว หลายอย่างทุกคนเอากลับมาลงที่ผมหมด วันนี้ใช่ ความรับผิดชอบใช่ แต่ถ้าบังคับว่าจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ และขอความร่วมมือก็ไม่ได้ ต่อต้านและมันจะไปถึงโรดแมปอย่างนั้นได้ไหม ผมไม่ทราบนะ ในโลกโซเชียลมีเดียปัจจุบันนั้นมีความโหดร้าย ผมคิดว่า ไอ้น่ารักก็เยอะ แต่ที่โหดร้ายก็มาก บางอันไม่มีการให้อภัยซึ่งกันและกันเลย หรือบางอันก็มีแต่ชมกันจนเสียคน หรือก็ลงโทษโกรธเกลียดกันไป ไม่มีลดหย่อน ไม่มีให้อภัย
       
ฉะนั้นใครเสพข้อมูลเหล่านี้ไป มันทำให้มันซึมลึกเข้าไปในใจ แล้วก็เกลียดเลย ผมคิดว่ามันต้องมีการให้อภัยบ้าง บางเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ถ้าใช้โซเชียลมีเดียโต้ตอบกันไป อะไรกันไป แล้วไม่ได้พูดจาโดยตรง บางทีมันก็ขยายความขัดแย้ง ถ้ามันติดค้างกันมากๆ หรือไม่พอใจกัน มาตั้งโต๊ะคุยกันสิครับ ผมก็พร้อมจะคุยนะ มาคุยกันให้หมด แล้วเข้าสู่ขบวนการ มันจะได้จบเรื่องกันซะที ไม่เป็นอันตรายต่อส่วนรวม ก็อย่าไปตอบโต้ทางโซเชียลมีเดีย จริงบ้างไม่จริงบ้าง ทำให้เกิดความบาดหมาง และลุกลามบานปลาย ก็เกิดขึ้นอย่างนี้มาตลอดเวลาที่ผ่านมา ต้องแก้ไขนะครับ สังคมเราจะได้ไม่แข็งกระด้าง ชินชากับความรุนแรง หยาบคายให้คำพูดที่ไม่เหมาะสม พูดไม่เพราะ เดี๋ยวนี้เด็กๆ พูดไม่ค่อยเพราะเลยนะครับ มีศัพท์อะไรใหม่ๆ มาโดยตลอดเวลา บางอย่างก็โอเค เป็นตามยุคตามสมัย แต่บางอย่างมันก็รับไม่ได้ บางครั้งมันแสดงออกถึงว่า วัฒนธรรมประเพณีอันงดงามของไทยมันหายไปเยอะเหมือนกัน คนอ่าน คนโพสต์ ผมถือว่าบางทีถ้าเจตนาดี ก็น่าจะโอเค น่าจะดูดี ให้คำแนะนำต่างๆ ก็ว่าไป หรือบอก แจ้งเบาะแส แต่ถ้า ด่ากันอยู่ในเฟซบุ๊ก หรือในเว็บไซต์ หรือในโซเชียลมีเดีย มันไม่ใช่สุภาพบุรุษนะ แล้วก็ไม่ใช่ สิ่งดีงามนัก ที่เป็นตัวอย่างกับเด็ก วันหน้าเด็กๆ เอาไปเป็นตัวอย่าง ลูกท่านหลานเธอ ของท่านเอง แล้วเอาไปใช้อีก ท่านก็ไม่ชอบอยู่ดี ฉะนั้นควรจะดีคุณธรรม แล้วก็เกรงกลัวกฎหมาย เกรงกลัวความผิดบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ร้ายคนอื่น โดยที่ไม่มีหลักฐานและข้อเท็จจริง สังคมเราจะได้เรียนรู้ มีความเข้มเข็ง ไม่เกิดความขัดแย้ง
       
เรื่องหนึ่งที่เป็นเรื่องน่าแปลก ผมก็อยากจะเรียนกับคนไทยทุกคนว่า วันนี้คนไทยส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธ มีการทำบุญ ตักบาตร รับศีลรับพรกันมากมาย มีกิจกรรมมากมาย ถือศีล 5 เป็นอย่างน้อย แต่ทำไมประเทศไทยยังมีการกระทำความผิด มีการทุจริต มีการพูดเท็จ มีการฆ่าฟันกันเยอะแยะ ผมไม่ทราบ ประเทศอื่นๆ หรือศาสนาอื่นๆ ที่เขาอาจจะเคร่งน้อยกว่าเราด้วยซ้ำไป มีพิธีการน้อยกว่าเราอีก แต่เขาเกิดน้อยกว่า อย่างน้อยเขาก็ไม่มีการโกงกันหรือเอารัดเอาเปรียบกันมากมาย วันนี้เราต้องลดลงให้ได้ ก็ดีใจว่ามันลดลงเรื่อยๆ
       
ในส่วนของสื่อมวลชนก็เช่นกัน ช่วยกัน ผมต้องขอทุกครั้ง ผมก็พยายามช่วยท่านให้ท่านมีอาชีพ มีรายได้ มีข่าวสารที่ดีๆถึงประชาชน ก็ฝากกรุณาสร้างความเข้าใจด้วย อย่าไปขยายในเรื่องของความขัดแย้ง ถามอะไรที่มันดีๆบ้าง ผมก็ตอบทุกครั้ง เรื่องใดที่ไม่เกิดประโยชน์เลยก็ถามน้อยๆ ลง และก็ไม่ถามในเชิงขัดแย้ง ผมก็ไม่ต้องไปทะเลาะกับคนอื่น ถ้าจะบอกว่า ผมก็ไม่ต้องตอบ อีกหน่อยผมก็ไม่ต้องพบท่านก็แล้วกันนะ ง่ายดี ฉะนั้นระมัดระวังนะ ผมก็ระวังตัวผมเองด้วย ช่วยกัน วันนี้เราต้องร่วมกันสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่
       
สำหรับการเข้ามาของ คสช.รัฐบาลนั้น หลายคนอาจจะลืมอีกแล้ว คนไทยลืมง่ายนะ ฉะนั้นวันนี้เราเข้ามาเป็นรัฐบาลมุ่งหวังเพื่อจะหยุดความขัดแย้ง หยุดความรุนแรง แล้วนำพาประเทศให้สงบสุขยั่งยืน มีการปฏิรูป ซึ่งไม่เคยทำได้ ทุกรัฐบาลก็อยากจะทำ วันนี้ต้องเริ่มทำได้แล้ว ฉะนั้นต้องให้เข้าใจว่า เราเจตนาอย่างไร เราก็พยายามจะทำให้ดีให้ได้ ให้เร็วตามโรดแมป แต่บางคน บางสื่อพยายามจะเร่งเวลาให้มันเร็วกว่านั้น ตำหนิติเตียน หาช่องทางขัดขวาง ผมเข้าใจว่าคนส่วนใหญ่อยากให้เกิดสิ่งดีๆ เกิดขึ้น ไม่อยากให้เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย เสียดายเวลา เสียดายโอกาส เสียชีวิตและก็บาดเจ็บไปมากมาย และมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ก็อยากให้หาช่องทางที่ถูกต้องเสนอความคิดเห็นแนะนำมาได้ ไม่ใช่ไปตอบโต้กันหรือเอาชนะกับ คสช. ผมคิดว่า คสช.ไม่ใช่ศัตรูท่าน ก่อนหน้านี้เราไม่มี คสช. ท่านลองนึกดูว่ามีอะไรเกิดขึ้น มันก็มีความไม่ปลอดภัยต่อทรัพย์สิน ขับเคลื่อนประเทศไม่ได้ พัฒนาไม่ได้ เศรษฐกิจไม่เดินหน้า ต่างชาติไม่เข้ามาเที่ยว แล้ววันนี้ คสช.เข้ามาเพื่อให้มันแก้ไข
       
เพราะฉะนั้นวันนี้อย่ามามองรัฐบาลเป็นศัตรู เราไม่ได้มาจากการเมือง ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่ได้มาจากประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นวันนี้เราเข้ามาแก้ปัญหา ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เราทำอะไรก็ผิดไปทั้งหมด หรือถูกไปทั้งหมด ผมก็ไม่ได้ว่าอย่างนั้น วันนี้ก็จะพยายามมาแก้ไขในเรื่องของการพัฒนาคน การใช้จ่ายงบประมาณ การพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม จิตวิทยา กฎหมาย แล้วก็ในเรื่องของการบริหารราชการเพื่อเป็นอนาคต และข้อสำคัญเรื่องของการปฏิรูปนะครับ มันต้องใช้เวลาทั้งสิ้น ผมก็ไม่ต้องการให้มันนานไปกว่าโรดแมป แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับทุกคนด้วย ต้องช่วยผม ถ้าถึงเวลาแล้วมันไปไม่ได้แล้วจะทำอย่างไร ถ้าอย่างที่ผมเรียนไปแล้วว่าถ้ารัฐธรรมนูญร่างไม่เสร็จทำยังไง ก็ตอบผมมาแล้วกัน หรือไม่ก็เลือกตั้ง ก่อนเลือกตั้งแล้วมีความรุนแรงเกิดขึ้น ต่อต้านกันขึ้นแล้วจะทำอย่างไร เตรียมคำตอบไว้ให้ผมแล้วกัน หรือไม่ถ้าเลือกตั้งได้ หลังเลือกแล้วจะขัดแย้ง ขัดขวางกันแบบเก่าหรือไม่ มันเป็นสิ่งที่ท่านต้องไปถามคนอื่นด้วย สำหรับผมเองยืนยันอยู่เสมอว่าเป็นไปตามโรดแมป ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่หากว่าประชาชนยังเร่งรัดแล้วก็จะพยายามเลือกตั้ง หรือพยายามที่ต่อต้านให้เราทำอะไรไม่สำเร็จซักเรื่อง แล้วก็กลับไปสู่การเลือกตั้ง และมันก็จะกลับไปเป็นแบบเดิมอย่างนั้นผมก็ช่วยท่านไม่ได้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่คนไทยทั้งประเทศเลือกกันเอง ต้องยอมรับในความสำเร็จ หรือในความผิดพลาด
       
เพราะฉะนั้นคงมาโทษ คสช.ไม่ได้ เพราะว่าเรื่องดังกล่าวเกิดมาก่อนที่ คสช.เกิดขึ้น ก็ขอให้ช่วยกันกลับไปคิดใหม่ว่าเราต้องทำอะไรกันบ้าง วันนี้เราต้องใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์ไม่รั่วไหล การดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดูแลข้าราชการชั้นผู้น้อย การลดหนี้สินครัวเรือน การสร้างความเข้มแข็งให้ SMEs การพัฒนาการวิจัยของประเทศ การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร การแสวงหาตลาดใหม่ๆ ให้กับสินค้าไทย การสร้างแบรนด์ นวัตกรรม การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ การสนับสนุนพลังงานทดแทน การดูแลสังคมผู้สูงอายุ เด็ก และสตรี การพัฒนาสาธารณูปโภคพื้นฐาน การเตรียมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การสร้างความเชื่อมโยงให้เกิดขึ้นในภูมิภาค การปรับปรุงพัฒนารัฐวิสาหกิจให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน การฟื้นฟู การปรับปรุงระบบการศึกษาเร่งด่วน พัฒนาแรงงานวิชาชีพ ให้ตรงตามความต้องการในปีหน้า (2559) AEC การเตรียมการป้องกันภัยพิบัติในสภาวะความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ การเพิ่มเติมการสร้างซ่อมแซมระบบชลประทานให้เพียงพอ
       
วันนี้เรามีจำนวนน้อยมาก ปลูกข้าว 70 กว่าล้าน ได้ 27 ล้านเท่านั้นเอง ระบบชลประทาน อย่างน้อยเราควรจะมี 60 ล้าน นี่กี่ปีมาแล้วยังไม่เคยขยายได้ถึง 60 ล้านเลย น้อยมาก น้อยเกินไปด้วย งบประมาณเราก็จำกัดด้วยตอนนี้ จำเป็นต้องสร้างให้ภาคการเกษตร ให้มีเกษตรที่ทันสมัย เรียกว่า Smart Farmer ที่ตั้งชื่อไว้สวยหรู วันนี้ก็ต้องรีบเดินหน้าไป การสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ การปราบปรามการทุจริต การสร้างความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรม เหล่านี้ เป็นต้น ซึ่งการเดินหน้าทุกอย่างจะเห็นว่ามีหลายเรื่อง และมีทั้งง่ายระยะที่ 1-2-3 ยากเอาไป 2 ถ้ายากมากเอาไป 3 รัฐบาลต่อไปก็รับไปก็แล้วกัน ทุกประเด็นมีหลายเรื่องต้องทำ เช่น การปฏิรูปการศึกษานั้น ที่สำคัญก็ปรากฏไว้ว่า ทำอย่างไรจะแก้ปัญหาเรื่องกู้เรียน เขียนอ่านไม่คล่องได้โดยเร็ว การดูแลโรงเรียนขนาดเล็ก และโรงเรียนชายขอบ การจัดการงบประมาณ และนโยบายทางการศึกษา ระบบการผลิตครู และผู้บริหาร การส่งเสริมการสอนทั้งฝ่ายการทำงาน และอาชีพเหล่านี้ เป็นต้น เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาไทย วันนี้ต้องปรับปรุง ไม่ใช่ว่าไม่ดีทั้งหมดนะ อยากให้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นปัจจุบันนั้นขอกราบเรียนอีกครั้งว่า เรามาหยุดความรุนแรง และแก้ไขในสิ่งที่บกพร่อง ทำให้ดีขึ้น ทุกอย่างเราไม่ได้เป็นคนสร้างให้เกิด ถ้ารัฐบาลดีก็ไม่มีใครเข้ามาควบคุมอำนาจอยู่แล้ว
       
เพราะฉะนั้นอันนี้อย่าไปกังวล วันนี้ วันหน้า วันไหน ทำให้ดีแล้วกัน ไม่มีใครมาว่าท่านได้ ท่านเลือกมาให้ดี ผู้เลือกเตรียมตัวให้ดี และเอาบทเรียนจากในอดีตมาว่า อย่าให้มันเกิดขึ้นอีกเท่านั้น ไม่เห็นต้องไปอะไรนักหนา กฎหมายมันก็เขียนมาถ้าไม่ทำ ไม่ปฏิบัติ ไม่สองมาตรฐานมันก็อยู่ได้ประเทศ ทุกประเทศเขาก็อยู่แบบนั้น วันนี้ขอร้อง ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่ทำงานไม่ได้ ถ้าวันนี้เราไม่มีกฎหมาย กฎอัยการศึก ผมเรียนเลยว่า และมันจะเกิดอะไรขึ้น ท่านก็รู้คำตอบดีอยู่ ควบคุมไม่ได้ก็เปล่าประโยชน์ ปฏิรูปไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้ ต้องประท้วงวุ่นวายไปหมด และมีอย่างเดียวเท่านั้นเอง ผมคิดว่าวันนี้ต่างประเทศเขาเข้าใจเรามากขึ้น ลองติดตามดูแล้วกัน ยืนยันว่า เราต้องการเดินหน้าให้ปลอดภัย สิ่งใดที่รัฐบาลในอดีตทำไม่ได้ เราพยายามทำให้ได้ อย่างน้อยก็เริ่มต้นก่อน ระยะต่อไปท่านลองไปทำดูแล้วกัน มันยากมันง่ายอย่างไรทำให้ได้
       
เพราะฉะนั้นความคาดหวังของ คสช. ของรัฐบาล ของประชาชนทุกคนควรจะคาดหวังว่า ให้ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง เคารพกฎหมาย คิดถึงส่วนรวม ไม่มีความขัดแย้ง มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ถูกชักนำ ไปหวังผลประโยชน์ทางการเมือง หรือผลประโยชน์ ในการรวมกลุ่มที่เข้มแข็งทั้งในชุมชน ชายแดน ในภูมิภาคต้องเพิ่มขีดความสามารถในแข่งขันกับต่างประเทศ ทำให้เกิดการปฏิรูปประเทศอย่างยั่งยืน ตามวิสัยทัศน์ 2015-2020 5 ปีนะครับ ผมคงไม่ได้อยู่แล้ว ก็ทำให้ได้แล้วกัน ก็คอยดูนะครับ
       
ในเรื่องของการจ่ายงบประมาณอย่างบูรณาการนั้น วันนี้เราพยายามจัดสรรให้ตรงความต้องการประชาชน เดี๋ยวกำลังขับเคลื่อนลงไป เร่งรัดในส่วนของงบประมาณการลงทุนให้ได้ เมื่อวานมีการประชุมคณะขับเคลื่อนของ คสช.แล้ว จะเริ่มเดินหน้าให้เร็วขึ้น ประชาชนคอยดูโครงการต่างๆ จัดซื้อจัดจ้าง ทำสัญญา ช่วยกันทำให้เร็ว ไม่ใช่ช่วยกันทำให้ช้า ตรวจสอบความโปร่งใสด้วย ตรวจสอบการทุจริต เหล่านี้ต้องเตรียมการวันนี้ และทำวันนี้ วันหน้าจะได้เพิ่มเติมให้มันรัดกุมขึ้น และรวดเร็วขึ้น ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อรัฐอย่างร้ายแรง คำว่าร้ายแรงคงเข้าใจ และสร้างความเข้าใจเป็นส่วนที่สำคัญนะครับ
       
ในเรื่องการรับรู้รับทราบการทำงานของรัฐนั้น ปัจจุบันนั้นเราถ่ายทอดทุกทาง เว้นแต่ว่าท่านจะฟังหรือไม่ฟัง เรื่องดีๆ เยอะแยะ ส่วนใหญ่จะอยู่ในสื่ออยู่แล้ว หน้าในๆ ช่วยกันเปิดดูแล้วกัน บางกลุ่มบางพวกไม่อดทนไม่เข้าใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร โอเคนะครับ วันนี้ผมคงมีเรื่องคุยเท่านี้สั้นๆ แล้วกัน คงไม่ยาวนานรบกวนเวลาท่านมากเกินไปนัก ตั้งจิตอธิษฐานแล้วกัน ขอให้ได้รัฐบาลเลือกตั้งที่ดีที่ท่านอยากได้ ในห้วงปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้าตามที่ทุกคนต้องการ ขอให้ทุกคนมีความสุข สวัสดีครับ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net