Skip to main content
sharethis

โฆษกกระทรวงต่างประเทศแจงแถลงการณ์ อียูเป็นท่าทีเดิม ชี้ไทยอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษ จำเป็นต้องคงกฎอัยการศึก ด้าน พล.ต.สรรเสริญ ยันรัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากอียู แต่ไม่สามารถทำตามได้ทั้งหมด ชี้ปัญหาของแต่ละประเทศแตกต่างกัน หากเลิกกฎอัยการศึกแล้วมีการเลือกตั้งจะทำให้ปัญหาเดิมกลับมาอีก

14 ก.พ. 2558 นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสานนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศรับทราบท่าทีล่าสุดที่คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์แล้ว และเห็นว่าเป็นท่าทีเดิม โดยขอยืนยันว่าไทยในฐานะประเทศภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ไอซีซีพีอาร์) ยังคงยึดมั่นในพันธกรณีที่มี แต่ปัจจุบันไทยอยู่ภายใต้สถานการณ์พิเศษ ซึ่งสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดคือความมั่นคงปลอดภัยภายในประเทศ อย่างไรก็ดีรับทราบข้อห่วงกังวลของมิตรประเทศและยืนยันว่าไทยยังคงให้ความเคารพสิทธิมนุษยชน และรัฐบาลกำลังเร่งเดินหน้าตามแผนโรดแมปเพื่อนำประเทศกลับสู่ประชาธิปไตยตามกรอบเวลาที่วางไว้

ยืนยันรับฟังความคิดเห็นจากอียู แต่ไม่สามารถทำตามได้ทั้งหมด

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทยออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลจำกัดการใช้ศาลทหารและให้ยกเลิกกฎอัยการศึก ว่า รัฐบาลมีความเข้าใจ และพร้อมรับฟังความคิดเห็น แต่สิ่งที่อียูแสดงความเป็นห่วงอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน  คือคิดว่าศาลทหารสามารถควบคุมตัวพลเรือนได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงขอบเขตอำนาจหน้าที่ของศาลพลเรือนปกติทั่วไป หรือเข้าใจผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหารที่มีการแก้ไขปรับเปลี่ยนลดระยะเวลาการควบคุมตัวจากเดิมที่ให้อำนาจศาลควบคุมตัวได้ 90 วัน เป็น 84 วันซึ่งเท่ากับศาลพลเรือนที่กระทำผิดกฎหมายอาญา และไม่ได้แก้ไขพล.ต.สรรเสริญให้ผู้บังคับบัญชาที่เป็นทหารสามารถควบคุมตัวพลเรือนได้ และกฎหมายดังกล่าวจะบังคับใช้กับกำลังพลของกองทัพไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพลเรือนทั่วไป

ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการยกเลิกกฎอัยการศึกนั้น พล.ต.สรรเสริญ ชี้แจงว่าการแก้ไขปัญหาและพื้นฐานของแต่ละประเทศมีความแตกต่าง ดังนั้นแนวทางการแก้ปัญหาจึงแตกต่างกันด้วย อย่างไรก็ตามรัฐบาลพร้อมรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย แต่ไม่สามารถทำตามได้ทั้งหมด เพราะหากยกเลิกกฎอัยการศึกและกำหนดให้มีการเลือกตั้งทันทีตามที่มีการเรียกร้อง ปัญหาที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีตก็จะกลับมาใหม่ ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้ที่ได้รับผลกระทบก็คือคนไทย ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องให้ความสำคัญกับคนในประเทศไทยมากกว่า ขณะที่การบังคับใช้กฎอัยการศึกก็จะใช้ในเหตุการณ์ที่ไม่ปกติหรือดำเนินการกับผู้ที่ผ่าฝืนหรือมีความตั้งใจที่จะสร้างความวุ่นวายในประเทศเท่านั้น ซึ่งประชาชนทั่วไปไม่ได้รับผลกระทบจากกฎอัยการศึก

“ข้อเรียกร้องเรื่องของยกเลิกกฎอัยการศึกและสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มีการเลือกตั้ง รัฐบาลและคสช.ก็ได้พยายามดำเนินการอยู่ ซึ่งในอนาคตประเทศไทยจะต้องมีการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เพียงแต่ระหว่างนี้ขอเวลาให้คนไทยได้แก้ไขปัญหาในประเทศด้วยตัวเองก่อน ซึ่งการแก้ไขปัญหาก็เดินหน้าไปตามโรดแมปที่วางไว้ จึงขอเวลาให้รัฐบาลและคสช.ได้ทำงานก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ รัฐบาล คสช.และกระทรวงการต่างประเทศเร่งชี้แจงทำความเข้าใจกับสังคม และนานาประเทศให้เข้าใจข้อเท็จจริงด้วย โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องทำงานให้หนักขึ้น”พล.ต.สรรเสริญ กล่าว


ที่มาข่าวเรียบเรียงจากสำนักข่าวไทย
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net